คงต้องยอมรับเอาจริงๆ นั่นแหละว่า...บรรดา สื่ออิเล็กทรอนิกส์ ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นเฟซบุ๊ก ทวิตต้ง ทวิตเตอร์ ยูท้ง ยูทูป ฯลฯ มันออกจะมาแรง แซงโค้ง นำหน้าบรรดา สื่อกระดาษ-สื่อสิ่งพิมพ์ และแม้แต่วิทยุ ทีวี ชนิดแทบไม่เห็นฝุ่น เห็นหาง ไปแล้วก็ว่าได้ โดยเฉพาะถ้าว่ากันในแง่ พฤติกรรมของการบริโภค ที่กำลังเปลี่ยนแปลง ตามกฎอนิจจัง วัตตสังขารา ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ...
-------------------------------------------------
เรียกว่า...แม้แต่ ทีวี ในทุกวันนี้ โอกาสที่จะหา แจ๋ว ริมจอ มานั่งปูเสื่อ ปูผ้า คอยดู ละครหลังข่าว เหมือนอดีตที่เคยเป็นมาในยุคพระเจ้าเหาเริ่มหันมาใส่กางเกงยีนส์ ก็น่าจะหายาก หาเย็น เต็มที ไม่ต่างไปจากการหาผู้ที่นั่งขี้ตอนเช้าๆ แล้วต้องคว้าหนังสือพิมพ์ นิตยสาร หนังสือเล่ม ติดไม้-ติดมือ เข้าไปด้วย ถึงพอจะขี้ออก แต่หลังจากที่ใครต่อใครหัดเรียนรู้ที่จะ ก้มหน้า สไลด์นิ้วชี้ นิ้วนาง ไปกับจอมือถือ ไอพอด ไอแพด หรือไอกระด๊อก กระแด๊กก็แล้วแต่ จนเชี่ยวชาญชำนาญชนิดกลายเป็นนิสัยและสันดานไปโดยไม่รู้เนื้อ-รู้ตัว โอกาสที่จะหอบหนังสือพิมพ์เป็นแผ่นๆ หนังสือหนาเป็นเล่มๆ เข้าไปขี้ด้วย ก็เริ่มเลือนหายไปกับกาลเวลา อย่างมิอาจปฏิเสธและหลีกเลี่ยงได้...
--------------------------------------------------
และเมื่อบรรดา นิสัย และ สันดาน เหล่านี้...มันไปทำ ปฏิกิริยา หรือไป สัมพัทธ์ กับสิ่งที่ สื่ออิเล็กทรอนิกส์ ทั้งหลาย มันจัดหามาไว้ให้ สิ่งที่เรียกว่า พฤติกรรมของการบริโภค นับวันก็มีแต่จะต้องเปลี่ยนไป๋ หรือเปลี่ยนไป จนตัวเองอาจแทบไม่รู้ตัว ว่าได้ถูกเปลี่ยนแปลงไปเรียบโร้ยย์ย์ย์แล้ว เอาเลยก็ไม่แน่ นอกซะจากต้องอาศัยช่วงจังหวะเวลาว่างๆ หรือช่วงที่ไม่ได้กดโน่น กดนี่ จิ้มโน่น จิ้มนี่ มาลองสำรวจ ตรวจสอบตัวเอง กันให้ชัดๆ ว่าสิ่งที่เรียกว่า สมาธิ ในการจดจ่อกับสิ่งหนึ่ง-สิ่งใด มันชักจะสั้นๆ ลงไปบ้างหรือไม่??? อันอาจส่งผลให้การอ่าน หรือการบริโภคอะไรที่ยาวๆ ชักเป็นอะไรที่เหนื่อยยาก ลำบาก ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ไปจนถึงสิ่งที่เรียกว่า สติ อันเป็นตัวควบคุมอารมณ์และความรู้สึก ชักหดหายซะยิ่งกว่าพวกที่เป็น โรคจู๋ เพราะก๋วยเตี๋ยวเวียดนาม กันเลยหรือเปล่า??? จนทำให้อารมณ์-ความรู้สึกของตัวเอง มักเหวี่ยงไป-เหวี่ยงมา สวิงไป-สวิงมา ไม่ได้นิ่งๆ กลางๆ เหมือนแต่ก่อน...
--------------------------------------------
โดยถ้าหาก พฤติกรรมการบริโภค มันได้เปลี่ยนไป๋ หรือเปลี่ยนชนิดไปไม่กลับ-หลับไม่ตื่น-ฟื้นไม่มี ยากที่จะย้อนกลับคืนมาได้อีกต่อไปแล้ว กระบวนการผลิตสื่อฯ มันคงหนีไม่พ้นต้องเปลี่ยนตามไปด้วยอย่างช่วยไม่ได้ การเขียนอะไรยาวๆ พูดอะไรยาวๆ ย่อมมีแต่ ตาย...กับ...ตาย ไปด้วยกันทั้งสิ้น ไม่ว่าจะสรรหาเหตุผล ข้อมูล ข้อเท็จจริง กันในระดับไหนต่อระดับไหนก็ตาม มีแต่ต้องหันมารวบทุกสิ่งทุกอย่าง ให้เหลืออยู่ประมาณ 8 บรรทัด หรือเกินเลยไปกว่านั้นไม่มากนัก หันมาให้ความสำคัญกับอารมณ์ความรู้สึก มากไปกว่าเหตุผล ข้อมูล ข้อเท็จจริง อันเป็นอะไรที่ ผู้บริโภค ซึ่งถูกแยกย่อยออกเป็นชิ้นเล็ก ชิ้นน้อย เป็นแต่ละกลุ่ม แต่ละฝ่าย ไม่คิดที่จะ แ-ก โดยเด็ดขาด ถ้าหากไม่ตรง หรือไม่ตอบสนองกับ รสนิยม ของตัวเอง...
------------------------------------------------
อันนี้นี่แหละ...ที่ทำให้บรรดา เซียนๆ ในแวดวงสื่อฯ ทั้งหลาย ต้องหันไป อยู่รู เปิดทางให้บรรดา หมูๆ ในเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ ยูท้ง ยูทูป ฯลฯ ขึ้นไปสิงสถิต อยู่บนตึก กันแทนที่ หรือทำให้ใครก็ตามที่มีช่องทางเหล่านี้เอาไว้ในมือ ไม่ว่าจะโง่แสนโง่ ปัญญาอ่อน หยาบๆ ถ่อยๆ กันในลักษณะใดก็ตาม สามารถกลายเป็นผู้ที่มีบทบาท อิทธิพล ต่ออารมณ์ ความรู้สึกของ มวลชน ได้มากซะยิ่งกว่า นักปราชญ์ ราชบัณฑิตใดๆ ไม่รู้จะกี่เท่าต่อกี่เท่า โดยไม่ใช่เพราะความเก่ง ความสามารถ ที่ทำให้เกิดภาวะเช่นนี้ แต่เป็นเพราะ พฤติกรรมแห่งการบริโภค ของบรรดาผู้บริโภคทั้งหลาย มันเปลี่ยนแปลงไปแล้วนั่นเอง...
---------------------------------------------------
โดยถ้าหากนักปราชญ์ ราชบัณฑิตใดๆ ก็แล้วแต่...คิดจะปรับเนื้อ ปรับตัว เพื่อให้เข้ากันได้กับ พฤติกรรมแห่งการบริโภค ที่เปลี่ยนแปลงไปแล้ว ก็อาจไม่ต่างอะไรไปจากความพยายามหาทางอยู่รอดของบรรดา ไดโนเสาร์ ที่ไม่อยากให้ตัวเองต้องสูญพันธุ์ไปก่อนกำหนดการนั่นเอง คือต้องหาทางย่อส่วน ย่อตัว ให้เล็กลงเข้าไว้ หรืออาจต้อง สวิงไป-สวิงมา เหวี่ยงไป-เหวี่ยงมา เพื่อตอบสนองอารมณ์ ความรู้สึกของ ผู้บริโภค ในแต่ละกลุ่ม แต่ละฝ่าย ให้เต็มเม็ด เต็มหน่วย ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้าย...ก็อาจต้องกลายเป็น วรนุส ไปจนได้ บรรดาฝ่ายกลางๆ หรือผู้ที่พยายามเดินไปในแนว มัชฌิมาปฏิปทา มันจึงแทบไม่เหลือ หรือแม้จะเหลืออยู่ แต่ก็ออกจะประคองตัวลำบาก ปราศจากบทบาท อิทธิพลใดๆ ที่จะโน้มน้าว หน่วงเหนี่ยวสังคม ได้อีกต่อไป...
----------------------------------------------------
แต่ทำไงได้ล่ะทั่น...ในเมื่อ ความเปลี่ยนแปลง นั้น มันเป็นสิ่งซึ่งมิอาจปฏิเสธและหลีกเลี่ยงได้ เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ที่เกิดขึ้น-ตั้งอยู่-และดับไป ตามสภาวะแห่งกาลเวลา ที่หมุนเวียน เปลี่ยนผัน ไม่ต่างอะไรไปจาก ล้อเกวียน ซึ่งวนไป-วนมา กันเป็นรอบๆ จาก สัตยายุค หรือ กฤตยุค สู่ ไตรดายุค สู่ ทวาบรยุค ไปจนถึง กลียุค ในขั้นตอนสุดท้าย ก่อนหวนกลับสู่ สัตยายุค กันอีกเช่นเคย เหมือน ความมืด ที่จะต้องมืดกันถึงที่สุด ถึงจะนำไปสู่ ความสว่าง กันอีกจนได้ ด้วยเหตุนี้...สำหรับผู้ที่ยังคงยึดมั่นอยู่ในแนวกลางๆ ยังพร้อมที่จะเดินไปในแนว มัชฌิมาปฏิปทา ก็คงต้องเตรียมตัว เตรียมใจ ต้องพร้อมที่จะรอคอย ไม่ว่า ความเปลี่ยนแปลง นั้น จะนำอะไรเข้ามาก็ตาม...
-----------------------------------------------------
ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Douglas Jerrold..."In this world, truth can wait; she is used to it. - ในโลกนี้...ความจริงรอได้ เพราะความเป็นจริงเป็นฝ่ายรอคอย จนชินซะแล้ว..."
---------------------------------------------------
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |