20 พ.ย. 62 – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดทั้งวันของวันนี้ (20 พ.ย.) หลายฝ่ายกำลังเฝ้าติดตามผลการลงมติของที่ประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่นายนุรักษ์ มาประณีต ประธานศาลรัฐธรรมนูญได้นัดประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 9 คน เพื่อลงมติและอ่านคำวินิจฉัยกลางในคำร้องที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย คดีของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 ว่าสมาชิกภาพสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของนายธนาธรสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3) หรือไม่ กรณีถือครองหุ้นสื่อมวลชน บริษัทวี-ลัค มีเดียฯ ก่อนยื่นลงสมัครส.ส.ระบบบัญชี พรรคอนาคตใหม่ เมื่อวันที่ 4 ก.พ.  ซึ่งเข้าลักษณะต้องห้ามของบุคคลที่จะสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือไม่
       
มีรายงานว่า การลงมติของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ก็จะเป็นไปตาม พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญพ.ศ.2561 โดยเมื่อนายนุรักษ์ เปิดประชุมแล้ว ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 9 คน จะต้องแถลงความเห็นส่วนตนด้วยวาจาในคดีของธนาธร ต่อที่ประชุม จากนั้นที่ประชุมจะมีการปรึกษาหารือร่วมกันก่อนแล้วจึงลงมติ ซึ่งมติของที่ประชุมจะยึดเสียงข้างมากจากองค์คณะ  9 คนเป็นหลัก

จากนั้นเมื่อได้มติที่ประชุมแล้ว ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 9คน ก็จะร่วมกันหรือมอบหมายให้ตุลาการศาลรธน.คนใดคนหนึ่ง ทำหน้าที่เขียนคำวินิจฉัยกลางเพื่อนำไปอ่านในห้องพิจารณาคดีของศาลรัฐธรรมนูญ ที่จะมีตัวแทนจากฝ่ายผู้ร้องคือคณะกรรมการการเลือกตั้ง และตัวผู้ถูกร้องคือนายธนาธร มาร่วมรับฟังการอ่านคำวินิจฉัยกลาง ตั้งแต่เวลา 14.00  น. เป็นต้นไป โดยคาดว่าจะใช้เวลาในการอ่านคำวินิจฉัยไม่เกิน  1-2 ชั่วโมง ก็น่าจะทราบผลคดีของนายธนาธรแล้วว่าจะออกมาแบบใด ท่ามกลางการคาดการณ์จากฝ่ายต่างๆ โดยมติที่จะออกมาของที่ประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ

ทั้งนี้คำร้องของคดีนายธนาธร เป็นเรื่องของสมาชิกภาพการเป็นส.ส.ของนายธนาธร เท่านั้น โดยมีการคาดการไว้ว่า ผลคำวินิจฉัยจะออกมาสองสูตร  คือ 1.ยกคำร้อง ซึ่งก็คือศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ธนาธรไม่ได้ถือหุ้นสื่อบริษัทวี-ลัค มีเดียฯ ก่อนยื่นสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.ต่อสำนักงาน กกต. เมื่อ 4 ก.พ. หากผลคำวินิจฉัยออกมาแบบนี้ เท่ากับนายธนาธร ไม่ขาดคุณสมบัติการลงสมัครรับเลือกตั้ง ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98 (3) จากนั้นศาลรัฐธรรมนูญก็จะแจ้งผลคำวินิจฉัยของศาลไปยังประธานสภาฯ ทันที และทำให้ธนาธรเดินกลับเข้าห้องประชุมสภาฯ ได้อีกครั้ง หลังที่ผ่านมาเป็นได้แค่หัวหน้าพรรคนอกห้องประชุมสภาฯ
         
2.ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้นายธนาธรพ้นสมาชิกภาพการเป็น ส.ส. ซึ่งก็คือการที่เสียงส่วนใหญ่ของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมองว่า บริษัทวี-ลัค มีเดียฯ เป็นบริษัทที่ทำธุรกิจสื่อ และยังคงประกอบการ จนถึงช่วงที่นายธนาธรยื่นสมัครรับเลือกตั้ง โดยนายธนาธรได้ถือครองหุ้นบริษัทวี-ลัคฯ ตามเอกสารหนังสือบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น หรือ บอจ.5 ที่ยื่นต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เพราะยังปรากฏชื่อนายธนาธรเป็นผู้ถือหุ้น ตั้งแต่ปี 2558 จนถึงวันที่ 21 มีนาคม 2562 จึงเท่ากับตอนที่ไปยื่นสมัครลงเลือกตั้งเมื่อ 4 ก.พ. ตัวนายธนาธรยังคงถือหุ้นไว้อยู่
          
โดยหากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญออกมาในสูตรดังกล่าว ย่อมหมายถึง เสียงส่วนใหญ่ของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเชื่อว่านายธนาธรไม่ได้มีการโอนหุ้นบริษัทวี-ลัคฯ เมื่อวันที่ 8 ม.ค. ตามที่นายธนาธร เบิกความต่อศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 18 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งวันดังกล่าวนายธนาธรและพยานสิบปาก เช่น นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ มารดา นายธนาธร ได้เข้าเบิกความต่อศาลรัฐธรรมนูญ หากผลคำวินิจฉัยออกมาในสูตรดังกล่าว ก็หมายถึงนายธนาธร ต้องพ้นสภาพการเป็น ส.ส.ในสมัยนี้อย่างเป็นทางการ ไม่ใช่แค่หยุดพักการปฏิบัติหน้าที่ จากนั้นก็จะต้องมีการเลื่อนผู้สมัคร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคอนาคตใหม่ลำดับถัดไป ขึ้นมาแทนนายธนาธรต่อไป แต่นายธนาธรก็ยังสามารถเป็นหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ได้อีก และยังคงเป็นกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯ ปี 2563 อย่างที่เป็นอยู่ปัจจุบัน อีกทั้งหากมีการยุบสภาฯนายธนาธรก็ยังลงสมัครรับเลือกตั้งได้ต่อไป
       
ทั้งนี้ศาลรัฐธรรมนูญได้มีมติเอกฉันท์  9 ต่อ 0 รับคำร้องคดีนายธนาธร ไว้พิจารณาเมื่อ 23 พ.ค. แต่มาเสียงแตกเป็น 8 ต่อ 1ในกรณี สั่งให้นายธนาธร ยุติการปฏิบัติหน้าที่ส.ส.ตั้งแต่วันดังกล่าว  จากนั้น ศาลรัฐธรรมนูญ ก็ได้ให้ฝ่าย กกต.และฝ่ายนายธนาธร ยื่นเอกสารที่สำคัญให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย และมีการเปิดห้องพิจารณาไต่สวนคำร้อง เมื่อ18 ต.ค.ที่ผ่านมา ที่มีพยานเข้าเบิกความรวม  10ปาก โดยส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเป็นพยานฝ่ายนายธนาธร ตั้งแต่มารดา ภรรยา คนขับรถ พนักงานบริษัทวี-ลัคฯ เป็นต้น จนสุดท้ายมีการนัดอ่านคำวินิจฉัยกลางในช่วงบ่ายของวันนี้  20 พ.ย. รวมเวลาการพิจารณาคดีของนายธนาธรที่ใช้เวลาร่วม 6เดือน.