20 พ.ย. 62 – เพจเฟซบุ๊กพรรคอนาคตใหม่ ได้โพสต์ข้อความในหัวข้อ “9 ข้อควรรู้ ก่อนฟังคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญคดีวีลัคของหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่” ว่า “1.หากนับระยะเวลาตั้งแต่ขั้นตอนรับเรื่องร้องเรียนของ กกต. ไปจนถึงวันที่ กกต.ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ กระบวนการทั้งหมดของดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ใช้เวลา 417 วัน ส่วนของธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ใช้เวลา 53 วัน 2. ในบรรดา ส.ส. และผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองทั้งหมดที่ถูกร้อง ไม่ว่าจะเป็นธนาธร ส.ส. ทั้งฝั่งรัฐบาล ฝ่ายค้าน หรือรัฐมนตรีรวมแล้วอีกหลายสิบคน มีเพียงธนาธรคนเดียวเท่านั้นที่ถูกสั่งห้ามไม่ให้ปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว
3. กกต ยังไม่ได้สอบปากคำพยานที่ลงลายมือชื่อในตราสารโอนหุ้นสักปาก ขณะที่ ปพพ (ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์) กำหนดบทสันนิษฐานให้ข้อความในตราสารและสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นถือว่าถูกต้องเป็นจริง แต่ กกต.ไม่ได้แสวงหาข้อเท็จจริงเพื่อหักล้างบทสันนิษฐานทางกฎหมายดังกล่าว การสอบสวนไต่สวนในชั้น กกต.ยังไม่แล้วเสร็จ แต่ กกต. กลับเร่งยื่นคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ 4. ธนาธรได้โอนหุ้นเรียบร้อยแล้วตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม 2562 ก่อนการประกาศ พ.ร.ฎ.เลือกตั้งฯ และจวบจนบัดนี้ ยังไม่มีพยานหลักฐานอื่นใดมาหักล้างบทสันนิษฐานความถูกต้องแท้จริงแห่งการโอนหุ้นดังกล่าวได้เลย
5. ในคดีนายดอน ได้มีการส่งหลักฐานบางชิ้นหลังการสืบพยานในศาลรัฐธรรมนูญ และศาลรัฐธรรมนูญเรียกสอบพยานของดอนเพียง 3 ปาก และศาลเชื่อว่ามีการโอนหุ้นจริง ส่วนธนาธรโดนเรียกไต่สวนทั้งหมด 10 ปาก 6. บริษัท วีลัค มิได้ประกอบกิจการเป็น “สื่อมวลชน” หากแต่วีลัคเป็นกิจการรับจ้างตีพิมพ์เท่านั้น อาทิ รับจ้างตีพิมพ์นิตยสารที่แจกบนเครื่องบิน และวีลัคยังไม่มีอำนาจควบคุมเนื้อหาหรือแม้แต่ตีพิมพ์นิตยสารโดยพลการด้วย เพราะเป็นอำนาจของผู้ว่าจ้าง 7. บริษัท วีลัค ได้แจ้งหยุดกิจการต่อสำนักงานประกันสังคมแล้วตั้งแต่มกราคม 2562 บริษัทไม่มีผลิตภัณฑ์ สินค้า และพนักงาน ตั้งแต่ก่อนธนาธรสมัคร ส.ส. ในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2562
8. เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ คือต้องการไม่ให้ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีอิทธิพลอำนาจหรือควบคุมสื่อมวลชนเพื่อนำไปเป็นคุณต่อตนเองและเป็นโทษต่อคู่แข่งทางการเมือง คำถามที่น่าสนใจคือ กระบวนการทั้งหมดที่พยายามเอาผิดกับธนาธรนั้นตรงตามเจตนารมณ์ของกฎหมายแล้วหรือไม่? 9. ในขณะที่ธนาธรและ ส.ส. อีกหลายสิบคนกำลังร้อนๆ หนาวๆ ว่าบริษัทของตนเองที่แม้ไม่ได้ทำสื่อจริง แต่มีเขียนระบุไว้ในบริคณห์สนธิว่าประกอบกิจการสื่อด้วยนั้นจะมีความผิดหรือไม่ แต่ยังมี ส.ส. คนหนึ่งที่นั่งสบายใจในสภาเพราะไม่ถูกร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ แต่ทุกคนในประเทศก็รู้ดีว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในการใช้สื่อมวลชนเครือหนึ่งเพื่อเป็นคุณแก่พรรคพวกตนเองและเป็นโทษต่อคู่แข่งทางการเมืองอย่างประจักษ์ชัด”.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |