รัฐบาลมอบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมตามเสด็จ "โป๊ปฟรานซิส" ถวายพระเกียรติยศ พร้อมประสานผู้นำ 5 ศาสนาเข้าเฝ้าที่จุฬาฯ 22 พ.ย. ขณะที่ไปรษณีย์ไทยจัดทำแสตมป์ชุดพิเศษ รำลึกเหตุการณ์ประวัติศาสตร์สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสเสด็จเยือนไทยอย่างเป็นทางการ ด้านตำรวจนำ 6,500 นายเตรียมรักษาความปลอดภัย

    นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม  กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า ในโอกาสสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสเสด็จเยือนประเทศไทย ผู้ทรงดำรงพระฐานะเป็นองค์พระประมุขแห่งนครรัฐวาติกันและศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก ตามคำเชิญของรัฐบาลไทย นับเป็นการเสด็จเยือนไทยเป็นครั้งที่สองขององค์พระประมุขศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก ทางกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ได้รับมอบหมายจากรัฐบาล โดย รมว.วธ.เป็นคณะรัฐมนตรีเกียรติยศอยู่ในขบวนของสมเด็จพระสันตะปาปาเพื่อต้อนรับและถวายพระเกียรติยศ โดยวันที่ 20 พ.ย. ณ ท่าอากาศยาน 2 กองบิน     จากนั้นวันที่ 21 พ.ย. รับเสด็จอย่างเป็นทางการที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล การนี้ รัฐบาลจัดขบวนกองทหารเกียรติยศรับเสด็จอย่างสง่างาม จากนั้นเสด็จเข้าเฝ้าสมเด็จพระสังฆราช ณ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร จากนั้นเสด็จ รพ.เซนต์หลุยส์ ช่วงเย็นเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต จากนั้นเสด็จประกอบพิธีมิสซา สนามศุภชลาศัย สนามกีฬาแห่งชาติ
    นายอิทธิพลกล่าวต่อว่า วันที่ 22 พ.ย. พระสันตะปาปาทรงพบกับคณะบาทหลวงที่วัดคาทอลิกนักบุญเปโตร สามพราน จ.นครปฐม จากนั้นทรงพบผู้นำคริสตชนนิกายต่างๆ และผู้นับถือศาสนาอื่นๆ ในประเทศไทยที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งกรมการศาสนา วธ. เป็นเจ้าภาพในการประสานงานเชิญทั้ง 5 ศาสนาในไทย เข้าร่วมเพื่อต้อนรับอย่างสมพระเกียรติ
    “สมเด็จพระสันตะปาปาเสด็จเยือนประเทศไทย จะได้เห็นว่าทุกศาสนาอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข ในสังคมไม่มีการแบ่งแยกและร่วมกันพัฒนาประเทศ โดยไม่นำประเด็นศาสนาที่ต่างกันมาเป็นอุปสรรค ภาพที่จะเกิดขึ้นเป็นความสามัคคี ทั้งยังเป็นการแสดงความสัมพันธ์อดีตกาลเมื่อ 500 ปีก่อน มิชชันนารีเข้ามายังกรุงศรีอยุธยาเพื่อเผยแพร่หลักศาสนาคริสต์ รวมทั้งนำความเจริญเข้ามา และหากย้อนไป พ.ศ.2503 ในหลวงรัชกาลที่ 9 เสด็จฯ เยือนนครวาติกัน อิตาลี จากนั้นปี 2527 สมเด็จพระสันตะปาปาจอห์น ปอลที่ 2 เสด็จเยือนไทย ในฐานะพระราชอาคันตุกะ แสดงความสัมพันธ์อันแนบแน่น รวมถึงความกลมกลืนเป็นสังคมพหุวัฒนธรรม นอกจากนี้ยังเป็นการดึงดูดคนทั่วโลกมาเยือนประเทศไทยด้วย การนี้ วธ.ได้จัดเตรียมของที่ระลึกทางวัฒนธรรมถวายสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส เป็นกล่องลวดลายไทย สามารถบรรจุพระคัมภีร์ได้" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมกล่าว
    วันเดียวกัน บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ร่วมมือกับสภาประมุขบาทหลวงโรมันคาทอลิกแห่งประเทศไทย จัดทำคอลเลกชันแสตมป์ชุดพิเศษในรูปแบบของแสตมป์ส่วนตัว (iStamp) เพื่อเป็นที่ระลึกเหตุการณ์ประวัติศาสตร์สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส พระประมุขพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก และพระประมุขแห่งนครรัฐวาติกัน เสด็จเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 20-23 พฤศจิกายน 2562 โดยแสตมป์ประกอบด้วยภาพหลักของการเสด็จเยือน และภาพ “โป๊ปฟรานซิส” จากเอกสารเผยแพร่ทางการบนแสตมป์ 4 ดวง พร้อมคิวอาร์โค้ดสแกนชม MV “ให้รักเป็นสะพาน” ของเหล่าบรรดาศิลปิน ดารา นักร้อง ที่นับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก
    นอกจากนี้ ไปรษณีย์ไทยกำหนดจัดนิทรรศการแสตมป์ชุดพิเศษ นำเสนอเส้นทางจาริกเพื่อสันติสุขของ “โป๊ปฟรานซิส” ในการเสด็จไปเยือนประเทศต่างๆ ตลอด 7 ปี รวม 50 ประเทศ ระหว่างปี 2556-2562 ผ่านดวงแสตมป์ที่ระลึกของแต่ละประเทศ รวมถึงพระประวัติโดยสังเขป ณ พิพิธภัณฑ์ตราไปรษณียากรสามเสนใน สะพานควาย ในช่วงของการเสด็จเยือน พร้อมจำหน่ายซีดี "ให้รักเป็นสะพาน” ที่ระลึกภายในนิทรรศการดังกล่าวในราคาแผ่นละ 99 บาท โดยส่วนหนึ่งของรายได้มอบให้แก่สภาประมุขบาทหลวงฯ สำหรับสาธารณประโยชน์ต่อไป
    ทั้งนี้ การเสด็จเยือนประเทศไทยของสมเด็จพระสันตะปาปาครั้งนี้ มีขึ้นหลังจากครั้งแรกนานถึง 35 ปี ซึ่งในคราวที่สมเด็จพระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 เสด็จเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการปี 2527 มีการจัดทำซองที่ระลึกผนึกแสตมป์พระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวงรัชกาลที่ 9 พร้อมตราประทับพิเศษ และต่อมาปี 2557 มีการจัดทำแสตมป์ที่ระลึกชุด “ความร่วมมือไทย-วาติกัน” ในวาระครบ 350 ปี สมัชชาซีโนดหรือการเปิดปีศักดิ์สิทธิ์ในพระศาสนจักรในประเทศไทย 
    รายละเอียดสอบถามเพิ่มเติมได้ที่พิพิธภัณฑ์ตราไปรษณียากรสามเสนใน โทร. 0-2271-2439 หรือไลน์ @stampinlove
    ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. เป็นประธานการประชุมเปิดศูนย์อำนวยความสะดวกการรักษาความปลอดภัย การจราจร และพิธีการคนเข้าเมือง ในโอกาสสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสเสด็จเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาล ซึ่งเป็นภารกิจในรอบ 35 ปี โดยศูนย์ปฏิบัติการนี้จะเปิดเพื่ออำนวยการติดตามสถานการณ์ ขับเคลื่อนการปฏิบัติตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งมี พล.ต.ท.ดำรงค์ศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมด้วย
       พล.ต.อ.สุวัฒน์กล่าวว่า มีความพร้อมในการอำนวยความสะดวกความปลอดภัยของการเสด็จเยือนไทย และการรักษาความปลอดภัยให้ประชาชนที่ร่วมรับเสด็จสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส โดยจะมีการใช้กำลังตำรวจในการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่กรุงเทพมหานครและจังหวัดนครปฐมประมาณ 6,500 นาย ซึ่งประชาชนที่จะเข้าร่วมรับเสด็จ ตำรวจจะมีการตรวจคัดกรองก่อนเข้าในพื้นที่บริเวณงานทุกคน ส่วนการข่าวยืนยันไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แต่ก็ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด ไม่ประมาทในทุกด้าน.