ลุ้นระทึก! ศาล รธน.ตัดสินคดี "ธนาธร" ถือหุ้นสื่อ "บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม" ปัดไม่เกี่ยวข้องด้วย เป็นเรื่องของศาลจะพิจารณา กกต.ยันส่งเรื่องให้ศาล รธน.วินิจฉัยสถานภาพ ส.ส.ดำเนินการตาม รธน. ส่วนคดีอาญาทำตามระเบียบ กกต. จี้ อนค.ส่งเอกสารหรือหลักฐานกู้ยืมเงิน ปัดเร่งรัดหรือมีเหตุจูงใจทางการเมือง "ปิยบุตร" โวย กกต.ทวงถามเอกสารผ่านสื่อ เปรียบเอาองค์กรอิสระเผาบ้านทั้งหลังเพื่อจัดการคนคนเดียว "ช่อ" ไม่ไร้เดียงสาท้า "มาดามเดียร์" ฟ้อง "พปชร.-ปชป." แนะ อนค.ให้ตั้งสติอย่ากดดันศาล
วันพุธที่ 20 พฤศจิกายนนี้ เป็นที่จับตากรณีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญนัดลงมติและอ่านคำวินิจฉัยกลาง ในคำร้องคดีที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) เป็นผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ ซึ่งเป็นลักษณะต้องห้ามของผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. อันเป็นเหตุให้สมาชิกภาพของ ส.ส.สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101(6) ประกอบมาตรา 98 (7)
โดยเมื่อวันอังคาร พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์กรณีศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาตัดสินคดีของนายธนาธร ในวันที่ 20 พ.ย.นี้ ว่าเรื่องดังกล่าวตนไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรด้วย เพราะตนไม่ได้เป็นคนไปฟ้องต่อศาล และตนจะไปบังคับศาลรัฐธรรมนูญให้ตัดสินอย่างไรก็คงไม่ได้ เป็นเรื่องของกระบวนการศาล โดยตนคงไม่ไปก้าวล่วง
ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า ไม่มีอะไร เป็นเรื่องของศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณา ก็ดำเนินการไปตามกระบวนการยุติธรรม
ผู้สื่อข่าวถามว่า ต้องดูแลกำชับอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า คงไม่ต้องไปกำชับหรือดูแลอะไรเป็นพิเศษ ส่วนที่จะมีประชาชนแห่มาให้กำลังใจนายธนาธรในวัน 20 พ.ย.นี้ จำนวนมากนั้น พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า เป็นเรื่องธรรมดา
เมื่อถามว่าถ้าศาลรัฐธรรมนูญตัดสินออกมา เป็นห่วงว่าจะมีความเคลื่อนไหวอะไรหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า อันนั้นมันแค่ถ้า ไม่ตอบ
วันเดียวกัน สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ออกเอกสารข่าวชี้แจงกรณีที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนค. ได้มอบหมายให้ทนายความไปยื่นฟ้อง กกต.ทั้ง 7 คน ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ข้อหาความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ หลังจาก กกต.ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยว่าการดำเนินการกรณีสมาชิกภาพของ ส.ส.สิ้นสุดลงเป็นการดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรค 4 เรื่องการพ้นจากสมาชิกภาพของสมาชิกรัฐสภาที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญเป็นการเฉพาะ ไม่ได้บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายอื่นใด และไม่ได้อยู่ภายใต้บังคับของระเบียบ กกต.
"เมื่อ กกต.เห็นว่าสมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรคนใดคนหนึ่งมีเหตุสิ้นสุดลง ก็สามารถยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยได้ทันที ซึ่งกรณีของนายธนาธร เป็นกรณีความปรากฏต่อกกต.ว่าสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น หรือ บอจ.5 มีชื่อนายธนาธร เป็นผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ ซึ่งเป็นลักษณะต้องห้ามของผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. อันเป็นเหตุให้สมาชิกภาพของ ส.ส.สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101(6) ประกอบมาตรา 98 (7) กกต.จึงได้ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย"
จี้อนค.แจกเอกสารกู้เงิน
ส่วนการดำเนินการกรณีคดีอาญา เป็นการดำเนินการตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2561 มาตรา 151 กรณีที่นายธนาธรมีผู้กล่าวหาว่าฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งและพรรคการเมือง ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 151 ประกอบรัฐธรรมนูญมาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3) รู้อยู่ว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. ซึ่ง กกต.ได้ดำเนินการตามระเบียบ กกต.ว่าด้วยการสืบสวน การไต่สวน และการวินิจฉัยชี้ขาด พ.ศ. 2561 ขณะนี้เป็นสำนวนอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการของคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน กกต.ยังไม่ได้มีคำวินิจฉัยชี้ขาดในเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด
“การดำเนินการของ กกต.ได้ดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนด และข้อเท็จจริงแล้วแต่กรณี โดยมิได้มีการเร่งรัดหรือมีมูลเหตุจูงใจทางการเมืองแต่อย่างใด” เอกสารชี้แจง กกต.ระบุ
นอกจากนี้ สำนักงาน กกต.ออกเอกสารข่าวว่า กกต.ได้ประชุมพิจารณาสํานวนการสืบสวน กรณีมีผู้กล่าวหาว่านายธนาธรได้ให้พรรคอนาคตใหม่กู้ยืมเงินของตนเองถือว่าเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ ปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งและพรรคการเมืองตามมาตรา 66 แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 โดยได้บริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดให้แก่พรรคการเมืองมีมูลค่าเกินกว่า 10 ล้านบาท ต่อพรรคการเมืองต่อปี ซึ่งคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนของสํานักงาน กกต. และคณะอนุกรรมการวินิจฉัยคําร้องและปัญหาหรือข้อโต้แย้ง ได้ดําเนินการเป็นไปตามกระบวนการและขั้นตอนที่กฎหมายกําหนดทุกประการแล้ว
"มติของ กกต.พิจารณาแล้วเห็นว่าเพื่อให้การพิจารณาในเรื่องดังกล่าวข้างต้นปรากฏข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ถูกต้อง ครบถ้วนสมบูรณ์ ชัดเจนและเกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ให้พรรคอนาคตใหม่ส่งเอกสารหรือหลักฐานที่เกี่ยวข้องมาประกอบการพิจารณาเพิ่มเติม อันจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายต่อไป โดยเอกสารหรือหลักฐานที่เกี่ยวข้องเป็นเอกสารที่คณะอนุกรรมการวินิจฉัยคําร้องและปัญหาหรือข้อโต้แย้งใดเคยเรียกเอกสารดังกล่าวแล้ว แต่พรรคอนาคตใหม่ไม่ได้จัดส่งเอกสารหรือหลักฐานที่เกี่ยวข้องให้แก่คณะอนุกรรมการวินิจฉัยคําร้องและปัญหาหรือข้อโต้แย้งแต่อย่างใด" เอกสาร กกต.ระบุ
ที่ทำการพรรคอนาคตใหม่ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค แถลงว่า ตามมติ กกต.กรณีเงินกู้พรรค ก็ไม่ได้มีส่วนไหนระบุว่าเรามีความผิด ขอตั้งข้อสังเกตในส่วนของการแถลงข่าวของกกต.ปกติแล้ว เจ้าหน้าที่ กกต.จะประสานกับฝ่ายกฎหมายของพรรคมาโดยตลอดว่าจะให้ส่งเอกสารอะไรไป ซึ่งฝ่ายกฎหมายของพรรคก็ได้แจ้งด้วยวาจาไปแล้วว่าขอเลื่อนกำหนดการส่งเอกสารไปเล็กน้อย เพราะพรรคเราโดนคดีหลายเรื่องมาก ขณะที่สิ่งที่ กกต.ขอนั้นเยอะ และละเอียดมาก เราเลยต้องขอเวลาอีกนิดหนึ่ง ตนไม่แน่ใจว่ากรณีที่ผ่านๆ มาเคยมีแบบนี้หรือไม่ ที่ กกต.ต้องมาทวงเอกสารจากผู้ถูกฟ้องผ่านสื่อ ที่เป็นเอกสารข่าวแจก
“ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด น่าจะเป็นครั้งแรกที่ กกต.ทวงเอกสารผู้ถูกร้องผ่านสื่อ โดยใช้เอกสารข่าว ผมไม่อยากจะคิดว่านี่เป็นปฏิกิริยา โต้กลับที่ทางคุณธนาธรไปฟ้อง กกต.ทั้ง 7 ท่านหรือไม่”
เผาบ้านทั้งหลังจัดการคนเดียว
เมื่อถามถึงกรณีการกู้เงินของพรรค อนค. นายปิยบุตรกล่าวว่า พรรคการเมืองเป็นปัจเจกบุคคลมารวมตัวกัน ประเทศไทยปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่ยึดเสรีภาพเป็นหลัก ฉะนั้น เรื่องไหนทำไม่ได้กฎหมายก็ไม่ให้ทำ อย่างเรื่องการรับเงินจากต่างชาติ และอีกสารพัดเรื่อง หากห้ามแล้วยังทำก็มีโทษตามมา แต่ตนอ่านทั้งฉบับมันไม่มีตรงไหนเลยที่บอกว่าห้ามพรรคการเมืองกู้เงิน ดังนั้นเราต้องตีความว่าทำได้ ถ้าทำไม่ได้กฎหมายต้องห้าม จากที่อ่านทุกมาตรา ไม่มีตรงไหนที่บอกว่าพรรคการเมืองกู้เงินไม่ได้ หากกรณีนี้ กกต.บอกว่าทำไม่ได้ บทลงโทษของมันก็ไม่ได้นำไปสู่การยุบพรรค ตนเข้าใจดี พอจบจากคดีหัวหน้าพรรค ก็เข้าแถวเรื่องนี้ต่อ
"เราตั้งพรรคการเมืองขึ้นมา และต้องการทำระบบบัญชีให้โปร่งใส และเห็นว่าเงินทุกบาททุกสตางค์ของเรามาจากที่ใด หลายคนก็แซวว่าทำไมพรรคอนาคตใหม่ไร้เดียงสา ทำไมไม่ทำแบบที่ทำๆ กันมา แค่ยื่นๆ เงินกันมา แล้วไม่ต้องประกาศก็ได้ ผมก็บอกว่าหากจะทำแบบนี้ผมไม่ต้องตั้งพรรคอนาคตใหม่ ที่หัวหน้าพรรคให้กู้เงิน เพราะจะแสดงเห็นว่าอย่างไรก็ต้องหาเงินไปคืน และทำให้เห็นว่าพรรคอนาคตใหม่ไม่ใช่พรรคของนายธนาธร ผมเองสงสัยเหมือนกันว่าประเทศนี้พรรคการเมืองที่พยายามพิสูจน์ตัวเองว่าโปร่งใส สุดท้ายกลายเป็นพรรคแบบนี้โดนคดี คำร้องไม่จบไม่สิ้น” นายปิยบุตรกล่าว และว่า ตนทราบดีว่าการเมืองไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันนั้นเป็นอย่างไร แต่เราจงใจไม่ทำแบบที่ทำกันมา
"ผมมั่นใจว่าประเทศนี้จะใช้กระบวนการทางกฎหมายอย่างยุติธรรม และไม่ใช้เป็นเครื่องมือในการกลั่นแกล้งกัน ซึ่งถึงเวลาแล้วที่วิธีคิดที่ว่าเอากฎหมายและองค์กรอิสระทั้งระบบมาจัดการคนบางคน เป็นการลงทุนถึงขนาดเผาบ้านทั้งหลังเพื่อจัดการคนเดียว" นายปิยบุตรกล่าวกรณีหากศาล รธน.วินิจฉัยว่านายธนาธรขาดสมาชิกภาพ จะมีการเดินเรื่องต่อจาก กกต. โดยไปยื่นกับศาลอาญาเพื่อเอาผิดกับนายธนาธรที่รู้ตัวอยู่แล้วว่าตนเองขาดสมาชิกภาพ แต่ก็ยังลงสมัคร
ด้าน น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรค อนค. ให้สัมภาษณ์กรณี น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ประกาศจะใช้กระบวนการทางกฎหมายจัดการหลังถูกกล่าวพาดพิงเรื่องนักการเมืองถือหุ้นสื่อว่า เป็นสิทธิ์ของเขา แต่เราก็มีความมั่นใจ และไม่ไร้เดียงสาถึงขั้นที่จะไม่รู้ว่าการกล่าวพาดพิงบุคคลที่สามจะไม่เสี่ยงโดนฟ้อง เราจึงรัดกุมพอสมควรว่า สิ่งที่เราพูดเป็นข้อเท็จจริงทั้งหมด เช่น ผู้บริหารของเนชั่น ผู้บริหารของนิวส์ เน็ตเวิร์ค และผู้บริหารของสถาบันทิศทางไทย รวมไปถึงสัดส่วนเวลาที่ช่องเนชั่นนำเสนอข่าวของอนาคตใหม่ ถ้าสงสัยว่าข้อมูลส่วนไหนบิดเบือน ก็สามารถไปเช็กสถิติได้ และนำหลักฐานมาแสดง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98 (3) ระบุเรื่องคุณสมบัติของ ส.ส.ว่าห้ามถือหุ้นสื่อ มีขอบเขตครอบคลุมแค่ไหน น.ส.พรรณิการ์กล่าวว่า อยู่ที่การตีความทางกฎหมาย ซึ่งตามกฎหมายคู่สมรสถือว่าเป็นบุคคลคนเดียวกัน เพราะเวลาที่นักการเมืองแสดงทรัพย์สินต่อกรรมการ ป.ป.ช. ก็ต้องแสดงทรัพย์สินของคู่สมรสด้วย เรื่องนี้ถ้าไม่พูดถึงเรื่องกฎหมายเลย ในทางจิตสำนึกทุกคนก็ย่อมทราบดีว่านายฉาย บุนนาค และ น.ส.วทันยาเป็นสามีภรรยากัน และใครๆ ก็ทราบว่าเนชั่นเป็นสำนักข่าวที่มีแนวคิดทางการเมืองเป็นแบบไหน ให้คุณกับฝ่ายไหน และให้โทษกับฝ่ายไหน เข้าใจว่า น.ส.วทันยาไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับนายฉาย เพราะป้องกันไม่ให้เกิดกรณีเช่นนี้ขึ้น สำหรับพรรคอนาคตใหม่ ตอนนี้มีหลายคดีแล้ว เพิ่มอีกสักคดีคงไม่เป็นไร
ปลุกระดมกดดันศาล
ส่วนกรณีที่เนชั่นแฉความสัมพันธ์ระหว่างมติชนและนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค อนค. น.ส.พรรณิการ์กล่าวว่า อาจจะเทียบกันได้ว่า น.ส.วทันยาและนายฉายเป็นสามีภรรยากัน เหมือนกับนางสมพรและนายธนาธรเป็นแม่ลูกกัน แม้จะไม่ใช่คนคนเดียวกัน ก็มีความเกี่ยวข้องกัน ที่สำคัญมากๆ คือตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ไม่ให้นักการเมืองถือหุ้นสื่อ เพื่อไม่ให้ใช้สื่อนั้นเป็นคุณกับตัวเองและเป็นโทษกับคนอื่น
วันเดียวกัน นายธนาธรโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Thanathorn Juangroongruangkit ระบุว่า ทุกอย่างที่เราทำ เราทำตามความฝันของเรา เราทำตามสิ่งที่เราหาเสียงกับประชาชนเอาไว้ และแน่นอน สิ่งเหล่านี้ย่อมเป็นการขัดผลประโยชน์ของเขาแน่นอน ปากกาอยู่ในมือเขา แต่ถ้าต้องมานั่งห่วงว่าเราทำแบบนี้เขาจะพอใจมั้ย เขาจะจัดการเรามั้ย เขาจะยุบพรรคเรามั้ย เราก็ไม่ต้องทำงานอะไรกันพอดี แล้วเราจะตั้งพรรคนี้ขึ้นมาทำไม?
น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกพรรค พปชร. กล่าวตอบโต้ น.ส.พรรณิการ์ ว่า น.ส.วทันยาปฏิบัติตามกฎหมายถูกต้องครบถ้วน และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าวใดๆ ของสื่อในเครือเนชั่น จึงขอให้ น.ส.พรรณิการ์ไปทำความเข้าใจเรื่องคุณสมบัติผู้สมัคร ส.ส.และ ส.ส. ตามมาตรา 98 (3) รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ที่ระบุว่า “บุคคลผู้มีลักษณะดังต่อไปนี้ เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส...เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ” ก่อนที่จะออกมาชี้นำให้สังคมเกิดความสับสนเช่นนี้
"หากเห็นว่า น.ส.วทันยาขาดคุณสมบัติ ส.ส. ก็สามารถใช้กระบวนการทางกฎหมายยื่นตรวจสอบคุณสมบัติของ ส.ส.ได้ แต่เมื่อถึงเวลาใกล้กำหนดวันชี้ขาดกรณีของนายธนาธร กลับไปหยิบยกกรณีนี้ขึ้นมา หวังปั่นกระแสสร้างความเข้าใจผิด ซึ่งไม่ควรมาแถลงข่าวบิดเบือนให้ผู้อื่นเสียหายเช่นนี้ ควรตั้งสติรอผลคำตัดสินของศาลเสียก่อน เพราะยังไม่มีใครรู้ว่าผลจะออกมาเป็นคุณหรือโทษต่อพรรคอนาคตใหม่ แต่การแถลงข่าวของ น.ส.พรรณิการ์ ทำให้ประชาชนมีคำถามว่า กระทำเพื่อหวังกดดันกระบวนการพิจารณาคดีของศาลหรือไม่ หรือเป็นการหวังลดความน่าเชื่อถือของกระบวนการยุติธรรมของไทยหรือไม่" น.ส.ทิพานันกล่าว
นายเชาว์ มีขวด อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กว่า อดเป็นห่วงไม่ได้ว่าวันพรุ่งนี้หากคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญออกมาไม่ถูกใจฝ่ายตนเอง บรรดากองเชียร์อาจจะออกมาโจมตีใส่ร้ายป้ายสีศาลรัฐธรรมนูญอีกครั้งโดยขาดหลักและเหตุผล การเคารพคำตัดสินของศาลไม่ใช่การ "อยู่เป็น" หรือ "อยู่ไม่เป็น" แต่เป็นการ "อยู่เป็นที่" ตามกติกาสังคม จึงอยากให้บรรดากองเชียร์ของนายธนาธรตั้งสติให้ดี.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |