เป็นเรื่องประหลาดที่โดนัลด์ ทรัมป์เอาใจศัตรูของอเมริกาอย่างผู้นำเกาหลีเหนือคิม จองอึน แต่กลับหาเรื่องกดดันประธานาธิบดีมูน แจอินแห่งเกาหลีใต้ ทั้งๆ ที่เป็นเพื่อนรักใคร่ของสหรัฐฯ มายาวนาน
มันล้วนเกี่ยวกับเรื่องผลประโยชน์เงินๆ ทองๆ จริงๆ
ทรัมป์ใช้ทุกวิถีทางที่จะกดดันให้มูน แจอินควักกระเป๋าสมทบค่าใช้จ่ายสำหรับทหารอเมริกัน 28,500 คนที่ประจำการอยู่ที่นั่น
แต่กลับแสดงความชื่นชมต่อคิมที่เปียงยางว่าเป็น "เพื่อนรัก" ทั้งๆ ที่เกาหลีเหนือถูกสหรัฐฯ ตราหน้าว่าเป็นประเทศที่ละเมิดมติสหประชาชาติเรื่องทดลองนิวเคลียร์มาตลอด
และวันนี้แม้ว่าคิมจะยังทำการทดลองขีปนาวุธต่อเนื่อง แต่ทรัมป์ก็ยังไม่หยุดเรียกคิมว่าเป็นคนที่เขาชอบพอและคบหาได้
ขณะเดียวกันก็บีบมูน แจอินแห่งกรุงโซลซึ่งเป็นพันธมิตรกันมายาวนานให้เลิก "กินฟรี" จากงบประมาณของสหรัฐฯ ในเกาหลีใต้
มูน แจอินยอมปรับเพิ่มงบประมาณสำหรับเรื่องนี้ปีนี้ 8% หรือเท่ากับให้เงิน 924 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 27,700 ล้านบาท
แต่ทรัมป์ยังไม่พอใจ มีข่าวบางกระแสบอกว่าทรัมป์กำลังบีบให้เกาหลีใต้เพิ่มงบเป็น 5 เท่า
ข้อตกลงเรื่องการจัดสรรค่าใช้จ่ายสำหรับทหารอเมริกันในเกาหลีใต้เรียกเป็นทางการว่า Special Measures Agreement หรือ (SMA)
มีเพื่อนอย่างนี้ไม่ต้องมีศัตรูก็ได้
เพราะทรัมป์ดูเหมือนจะเกรงใจคู่แค้นในอดีตมากกว่าจะปรับความเข้าใจกับเพื่อนเก่าที่คบหากันมาช้านาน
เรื่องนี้มีผลชิ่งไปถึงพันธมิตรอีกชาติหนึ่งด้วย
เพราะการที่ทรัมป์กดดันเกาหลีใต้ย่อมส่งผลต่อเนื่องไปถึงญี่ปุ่นซึ่งก็เป็นเพื่อนซี้ของอเมริกา
อเมริกากับเกาหลีใต้มีกำหนดจะเจรจากันในหัวข้อเดียวกันนี้ในปีหน้านี่แหละ
เกาหลีใต้ตกอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะไม่อาจจะประเมินอารมณ์ของทรัมป์ได้
ยิ่งทรัมป์ประกาศถอนทหารมะกันออกจากซีเรียอย่างปัจจุบันทันด่วนเมื่อเดือนที่แล้ว ทิ้งชาวเคิร์ดส์ผู้ติดอาวุธที่เคยรบเคียงบ่าเคียงไหล่กันมายาวนานได้หน้าตาเฉย โสมขาวก็ย่อมจะต้องรู้สึกหวั่นไหว
เพราะทรัมป์ทำอะไรอย่างนั้นที่ซีเรียได้ก็ย่อมจะทำกับเกาหลีใต้ได้เช่นกัน
ทูตอเมริกันประจำกรุงโซล แฮรี แฮร์ริส พยายามปลอบเกาหลีใต้ว่าไม่จำเป็นต้องกังวลเกินเหตุ เพราะสองประเทศมีสนธิสัญญาที่ผูกมัดความสัมพันธ์กันอยู่
แต่ทูตคนเดียวกันนี้ก็สร้างความกังวลเพิ่มขึ้น ด้วยการบอกว่าทุกวันนี้รัฐบาลเกาหลีใต้แบกค่าใช้จ่ายทางทหารเพียง 1 ใน 5 เท่านั้น
ในเมื่อเกาหลีใต้มีเศรษฐกิจใหญ่อันดับที่ 12 ของโลก ก็ควรที่จะควักกระเป๋าออกมามากกว่านี้
ในภาษาของทรัมป์ พันธมิตรของสหรัฐฯ ไม่ควรจะ "ขี่รถฟรี" free ride
ทรัมป์เพิ่งประกาศยกเลิกการซ้อมรบกับเกาหลีใต้ในจังหวะเดียวกันนี้
นั่นเท่ากับส่งสัญญาณไปที่ปักกิ่งและเกาหลีเหนือ ทำนองว่าสำหรับสหรัฐฯ ภายใต้การนำของทรัมป์แล้ว เรื่องเงินสำคัญกว่าการให้ความมั่นใจในความเป็นเพื่อนร่วมอุดมการณ์
สี จิ้นผิงของจีน เมื่อเห็นท่าทีของทรัมป์อย่างนี้ย่อมเอื้อต่อการขยายอิทธิพลของตน เพราะหากเกาหลีใต้ถูกอเมริกาแสดงความห่างเหิน จีนก็ย่อมจะตีความว่าไม่ช้าก็เร็วอเมริกาคงจะถอนทหารออกจากเกาหลีใต้ซึ่งเป็นเป้าหมายของปักกิ่งมาช้านาน
ไม่ต้องสงสัยว่าคิม จองอึนก็ย่อมมองเห็นโอกาสนี้เป็นชัยชนะอีกครั้งหนึ่งของตนเอง
ค่าใช้จ่ายจริงๆ สำหรับทหารอเมริกันในเกาหลีใต้คือเท่าไหร่ ไม่มีตัวเลขทางการ แต่นักวิจัยบางสำนักประมาณว่าเงินสำหรับการบริหารฐานทัพที่ไม่เกี่ยวกับบุคลากรทางทหารนั้นน่าจะอยู่ที่ประมาณ 2,000 ล้านเหรียญ (หรือ 60,000 ล้านบาท) ต่อปี และรัฐบาลเกาหลีใต้จ่ายอยู่ประมาณ 800 ล้านเหรียญ
เกาหลีใต้เคยบอกว่าค่าก่อสร้างค่าย Humphreys Camp ซึ่งเป็นศูนย์บัญชาการของทหารอเมริกันในเกาหลีใต้ทั้งหมด 10,000 ล้านเหรียญหรือ 300,000 ล้านบาทนั้น ทางการเกาหลีใต้ควักกระเป๋าออกมาถึง 90%
จะบอกว่าโสมขาว "ขี่รถฟรี" ได้อย่างไร?
ทรัมป์ไม่ฟังเสียงมูน แจอินเท่าไหร่ เพราะท้ายที่สุดเขาสนใจเพียงว่าฐานเสียงของเขาจะมองเขาว่าเป็น "นักต่อรอง" ชั้นเทพที่เดินตามแนวทาง America First มากน้อยเพียงใด
นี่คืออันตรายของ "ความเป็นทรัมป์"!
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |