หลังๆ นี้...ดูเหมือนว่าใครต่อใครจะหันมาพูดจากันในเรื่อง เศรษฐกิจ กันพอสมควร อาจเป็นเพราะเรื่อง การเมือง ประเภทเรื่อง แก้-ไม่แก้รัฐธรรมนูญ หรือเรื่อง ถวายสัตย์ฯ อะไรต่อมิอะไรประมาณนี้...ออกจะเป็นอะไรที่ เชยซ์ซ์ซ์ หนักยิ่งขึ้นเรื่อยๆ หรือไม่ อย่างไร ก็ตามที แต่ก็อีกนั่นแหละ...สุดท้ายหนีไม่พ้นต้อง บวดหัว กันอีกจนได้...
----------------------------------------------------
ด้วยเหตุเพราะทัศนะและมุมมอง ตลอดไปจนข้อมูลและตัวเลขทางเศรษฐกิจ...ที่ถูกหยิบมาพูดจาว่ากล่าว โพสต์โน่น โพสต์นี่ ไปตามเว็บไซต์ต่างๆ มันมักผ่านกระบวนการ ปรุงแต่ง มาจากบรรดา ติ่ง ของแต่ละฝ่าย ที่ทำให้บรรดาผู้ที่อยู่กลางๆ ทั้งหลาย อาจต้องคว้ายา บวดหาย มารับประทานเป็นกำมือๆ ถึงอาจพอผ่อนคลาย พอทุเลาอาการได้มั่ง คือในขณะที่ ติ่งของฝ่ายไม่เอารัฐบาล หยิบเอา Fact News, Fake News ตลอดไปจน F-ck News มาละเลงกันจนแทบไม่รู้อะไรเป็นข่าวจริง ข่าวปลอม เป็นข่าวหรือเป็นการซุบซิบ นินทา ด่าว่า หรือด่าแม่มม์ม์ม์ กันแน่ บรรดา ติ่งของฝ่ายเอารัฐบาล ก็หันมาออกอาวุธโต้ จนทำให้เศรษฐกิจไทยที่ใครต่อใครรู้สึกว่าแย่ๆ กลับเป็นอะไรที่สุขสดชื่น ปานประดุจกำลังยืนอยู่บนเนินเขา อะไรประมาณนั้น...
---------------------------------------------------
อย่างเรื่องการว่างงาน ตกงาน การปิดโรงงาน ฯลฯ...ที่บรรดาพวกไม่เอารัฐบาล ออกมาพูดนั่น พูดนี่ โพสต์โน่น โพสต์นี่ จนเป็นอะไรที่น่าเกลียด น่ากลัว เสียเหลือเกิน แต่เมื่อเจอกับข้อมูล-ตัวเลข ของ ขุนพลข่าว อย่างพลโท นันทเดช เมฆสวัสดิ์ ที่โพสต์ไว้ในเฟซบุ๊กของตัวเอง ประมาณว่าการปิดโรงงานในประเทศไทยไปแล้ว 1,391 โรงนั้น แต่ที่กำลังเปิดใหม่กลับมีถึง 2,889 โรง หรือ เปิดมากกว่าปิด ถึง 1,000 เปอร์เซ็นต์เอาเลยถึงขั้นนั้น ส่วนตัวเลขการเลิกจ้างงานประมาณ 35,533 ตำแหน่ง 70 เปอร์เซ็นต์ของแรงงานเหล่านี้ กระทรวงแรงงานท่านได้หางานให้ใหม่เรียบโร้ยย์ย์ย์แล้ว ส่วนที่เหลืออีก 30 เปอร์เซ็นต์ ก็ได้รับสวัสดิการค่าตอบแทน สามารถนำไปประกอบกิจการของตัวเองได้อย่างลอริเอะ อย่างอิสระ เสรี เอามากๆ แถมระหว่างนี้ยังมีโรงงานที่กำลังคิดจะจ้างงานใครต่อใครอีกถึง 84,000 ตำแหน่ง อีกทั้งกระทรวงแรงงานยังจัดเตรียมตำแหน่งงานสำรองเอาไว้อีก 87,000 ตำแหน่งด้วยกัน ฯลฯ...
-------------------------------------------------
เรียกว่า...ฟังแล้ว แทบจะพลั่กๆๆ กันไปทั้งบ้าน ทั้งเมือง แต่ก็นั่นแหละในเมื่อเศรษฐกิจโลก มันออกจะรูดมหาราชไปเป็นแถบๆ ก็เลยตัดสินใจยากซ์ซ์ซ์เอามากๆ ว่าจะหันไป เชื่อ ข้อมูล ตัวเลข ทัศนะและมุมมอง ของ ติ่ง ประเภทไหนกันดี เลยได้แต่ต้องหันไปใช้บริการ คุณน้า สุทธิชัย หยุ่น ผู้ที่ไม่ว่าแก่-ไม่แก่ แต่ต้องถือเป็น ของจริง-ของแท้ หันไปเข้าเฟซบุ๊ก ไปดูการ ไลฟ์สด ของอดีตนักข่าว นักหนังสือพิมพ์ ผู้ที่ยังไงๆ...คงต้องยอมรับว่า ไม่เคยคิดจะเป็น ติ่ง ใครต่อใครมาตลอดทั้งชีวิต แม้ว่าอาจไม่ได้เก่งในเรื่องธุรกิจ เรื่องเงินๆ-ทองๆ แบบบรรดาผู้บริหารสื่อฯ ที่ประสบความสำเร็จในทางธุรกิจทั้งหลาย แต่ในแง่ของความเป็น สื่อฯ หรือความเป็น คนหนังสือพิมพ์ แล้ว คงปฏิเสธไม่ได้ว่าคุณน้า สุทธิชัย หยุ่น ผู้มีฉายาว่า เดิม เคยดก รายนี้ ท่านเป็นอะไรที่ เสมอต้น-เสมอปลาย ไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมาโดยตลอด...
-------------------------------------------------
และเมื่อได้เห็นการไลฟ์สด ระหว่างท่านกับผู้เชี่ยวด้านเศรษฐกิจ อย่าง ดร. พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย ก็พอได้เกิดอาการคลายๆ จากการ บวดหัว โดยไม่จำเป็นต้องรับประทานยา บวดหาย ใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย คือพอได้เห็นอะไรที่มันไม่ได้เกิดจากการ ปรุงแต่ง ไปตามอารมณ์ ความรู้สึก มากมายซักเท่าไหร่ ส่วนจะถือว่าเป็น ความจริง หรือ ข้อเท็จจริง หรือไม่ อย่างไรนั้น ก็คงต้องไปขบคิดพิจารณากันเอาเอง เพราะโดยภาพรวมของตัวเลขอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจประเทศไทย ที่เคยประมาณการเอาไว้ระดับ 3 เปอร์เซ็นต์ เกือบใกล้ๆ จะ 4 เปอร์เซ็นต์ แต่ต้องลดลงมาเหลือ 2.8 ตามการแถลงของสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในช่วงไตรมาส 3 และอาจจะเหลือแค่ 2.6 ในตลอดทั้งปี คงต้องยอมรับเอาจริงๆ นั่นแหละว่า มันคงไม่ถึงกับสดชื่นเหมือนยืนอยู่บนเนินเขามากมายซักเท่าไหร่...
-----------------------------------------------
แต่ก็ไม่ได้ถึงกับน่าเกลียด น่ากลัว น่าสยองพองขนจนเกินไป โดยเฉพาะเมื่อเทียบภาวะความเป็นไปของโลก ที่ทุกสิ่งทุกอย่างมันเหี่ยวๆ หดๆ เกิดภาวะ ถดถอย ไปด้วยกันทั้งสิ้น การเตรียมตัว เตรียมใจ เพื่อรับมือกับแนวโน้มในด้านลบ ไม่ว่าตัวเลขการส่งออก ตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรม ที่ต่างติดลบไปด้วยกันทั้งสิ้น การหาแก้ไข เยียวยา ภาวะการแข็งค่าของเงินบาท ที่อาจไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการลดอัตราดอกเบี้ยมากมายซักเท่าไหร่ แต่อาจเนื่องมาจากการเกินดุลบัญชีเดินสะพัด ที่ทำให้เม็ดเงินกำไร และประสิทธิภาพในการแข่งขัน มีอันต้องลดๆ ตามไปด้วย ฯลฯ อะไรต่อมิอะไรเหล่านี้...มันคงไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยการ ด่ารัฐบาลวันละ 3 เวลาหลังอาหาร อยู่แล้วแน่ๆ แต่การหันไปสูดกลิ่นมาดามหอมชื่นใจ หันไปแหกทวารรัฐบาลดม ก็คงไม่ได้ช่วยให้เกิดการเตรียมตัว เตรียมใจ ในทางที่ถูก ที่ต้อง ที่เหมาะ ที่ควร แต่อย่างใด...
------------------------------------------------
เพราะมีแต่ต้องอาศัย ความจริง หรือ ข้อเท็จจริง เท่านั้น...มันถึงจะพอปรับตัว ปรับใจ ปรับตัวเองเข้ากับสถานการณ์ได้แบบเป็นจริง-เป็นจัง แต่ภายใต้สภาวะความเป็นไปของสังคม-การเมืองช่วงหลังๆ ที่เผอิญมันมักก่อให้เกิด ติ่ง ของแต่ละฝ่าย อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้ มันเลยออกจะเป็นอะไรที่ทั้ง น่ากลัว และ น่าอันตราย ไม่น้อยทีเดียว เพราะการสวิงไปในด้านหนึ่ง-ด้านใดก็แล้วแต่ มีแต่จะนำมาซึ่ง มายาภาพ ของแต่ละฝ่าย ดังนั้น...คงต้องพยายามสนับสนุน ส่งเสริม ให้หันมา กลางๆ เข้าไว้นั่นแหละ มันถึงจะพอ อยู่-เย็น-เป็น-สุข หรือพออยู่รอดปลอดภัย กันได้มั่ง...
-------------------------------------------------
ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Demosthenes...“Nothing is so easy as to deceive one’s self; for what we wish that we readily believe. - ไม่มีอะไรง่ายเหมือนการหลอกตัวเอง เพราะเราต้องการอย่างใด เราก็มักเชื่ออย่างนั้น...”
---------------------------------------------------
|
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
| อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
| 'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
| ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
| วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
| "การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
| เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |
