"ทนายอนันต์ชัย" พา “อาม่าฮวย” ฟ้องลูกสาว สมคบกับพนักงานธนาคารดังยักยอกทรัพย์กว่า 250 ล้านระหว่างที่ตนเองป่วยนอนอยู่โรงพยาบาล
เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายนนี้ ที่ศาลแพ่งพระโขนง นางฮวย ศรีวิรัตน์ อายุ 76 ปี มี น.ส.มินตรา ศรีวิรัตน์ อายุ 29 ปี หลานสาวเป็นผู้รับมอบอำนาจ พร้อมนายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ เดินทางมายื่นฟ้องธนาคารกสิกรไทย พนักงานธนาคาร 4 ราย และนางมาวดี ศรีวิรัตน์ อายุ 53 ปี ซึ่งเป็นบุตรสาวแท้ๆ เป็นจำเลยที่ 1-6 ให้ชดใช้เงินที่สูญเสียไปพร้อมดอกเบี้ยรวมมูลค่ากว่า 350 ล้านบาท จากกรณีถูกทยอยถอนเงินในบัญชีหลายร้อยครั้ง รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 253 ล้านบาท และถ่ายโอนทรัพย์สินอื่นๆ ไปจนหมดเกลี้ยง ขณะนางฮวยนอนพักฟื้นรักษาตัวด้วยโรคเส้นเลือดหัวใจตีบที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง โดยมีพนักงานธนาคารรวม 4 ราย คอยให้การสนับสนุนแอบเปลี่ยนเงื่อนไขการเบิก-ถอน
พฤติกรรมของลูกสาวอาม่า เกิดขึ้นระหว่างอาม่านอนป่วยด้วยโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ ต้องเจาะคอ มือเท้าอ่อนแรง ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองที่โรงพยาบาล และเมื่อออกจากโรงพยาบาลเดินทางกลับบ้าน ถูกปล่อยปละละเลยจนได้รับกายภาพบำบัดไม่ดี เป็นเหตุให้อาม่าเริ่มตรวจสอบหาเงินในธนาคารที่ฝากไว้กับธนาคารกสิกรไทย 2 บัญชี และทรัพย์สินอื่นๆ ภายในตู้เซฟที่เก็บหอมรอมริบมากว่า 30 ปี ที่ประกอบธุรกิจเครื่องทำความเย็น มีอยู่กว่า 250 ล้านบาท แต่กลับไม่มีเหลือแล้ว และเมื่อติดตามถามลูกสาวและเจ้าหน้าที่ธนาคารกสิกรไทย กลับถูกเพิกเฉยไม่ให้ความช่วยเหลือใดๆ จึงต้องออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรมเพื่อนำเงินกลับคืน
น.ส.มินตรา หลานสาว ในฐานะผู้รับมอบอำนาจ เปิดเผยว่า นางฮวยล้มป่วยด้วยโรคเส้นเลือดหัวใจตีบเมื่อต้นปี 2556 ต่อเนื่องถึง 2557 เข้า-ออกโรงพยาบาลบ่อยครั้ง ซึ่งมีนางมาวดี ผู้เป็นอา คอยดูแลเฝ้าอาการที่โรงพยาบาลเป็นประจำ แต่ระยะหลังเริ่มมีความผิดปกติ โดยกีดกันไม่ให้ผู้อื่นเข้าเยี่ยม และไม่ให้นางฮวยทำกายภาพบำบัดตามที่แพทย์สั่ง เป็นเหตุให้นางฮวยอาการแย่ลงจนมือ ขา อ่อนแรง และสติสัมปชัญญะไม่สมบูรณ์ อาการแย่ลงต่อเนื่องจนพูดสื่อสารโดยใช้เสียงไม่ได้ และไม่สามารถเดินได้ เป็นเหตุให้ลูกชายคนโตนำนางฮวยออกมาดูแลเอง กระทั่งกลางปี 2560 นางฮวยตรวจสอบสถานะบัญชีเงินฝาก พบว่าเกิดความผิดปกติขึ้นในบัญชีเงินฝากที่มีกับธนาคารกสิกรไทย
ขณะที่นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ เปิดเผยว่า เหตุการณ์นี้เริ่มต้นขึ้นหลังนางฮวยล้มป่วย ตรวจสอบแล้วพบว่านางมาวดีร่วมกับพนักงานธนาคารกสิกรไทย จำเลยที่ 2-5 เปลี่ยนแปลง ปลอมแปลงลายมือชื่อนางฮวย เพื่อมอบอำนาจให้นางมาวดีมีสิทธิ์เบิก-ถอนเงินฝากกระแสรายวัน และกองทุนบัญชีของบริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุนกสิกรไทย จำกัด พบมีการถอนเงินจากบัญชีเงินและสั่งจ่ายเช็ค รวมถึงถอนเงินจากหน่วยลงทุนเข้าไปที่บัญชีของตัวเอง รวมเป็นเงิน 350,375,168.92 บาท โดยวันนี้นางฮวยยื่นฟ้องจำเลยในความผิดละเมิด, ฝากทรัพย์, เรียกทรัพย์คืน, ตัวการตัวแทน เพื่อให้กลุ่มจำเลยชดใช้เงินคืนพร้อมดอกเบี้ย ศาลประทับรับฟ้องและนัดสืบพยานในวันที่ 19 ม.ค.2563
ด้านธนาคารกสิกรไทยชี้แจงว่า กรณีลูกค้าคือนางฮวย ศรีวิรัตน์ หรืออาม่าฮวย ได้ฟ้องคดีอาญาลูกสาวและพนักงานของธนาคาร ความผิดฐานลักทรัพย์ ทำเอกสารปลอม และใช้เอกสารปลอมเกี่ยวกับการเบิก-ถอนเงินจากบัญชีเงินฝากของลูกค้า และฟ้องคดีแพ่งกับธนาคารนั้น ธนาคารขอชี้แจงว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดเมื่อปี 2557 พนักงานดำเนินการไปตามความประสงค์ลูกค้าผ่านทางญาติสนิทโดยไม่มีเจตนาทุจริต ทั้งนี้ ในชั้นนี้มีการฟ้องร้องเป็นคดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว ซึ่งจะต้องมีการพิสูจน์ข้อเท็จจริงทั้งรายการที่เกิดในฝั่งธนาคาร ข้อมูลความสัมพันธ์ในทางครอบครัว และข้อมูลแวดล้อมอื่นๆ โดยธนาคารพร้อมให้ข้อเท็จจริงและนำเสนอพยานหลักฐานต่อศาล และยินดีปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของศาลยุติธรรม.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |