(สปันนา ศิริศรีกุล)

        หน้าหนาวนอกจากความเย็นชื้นจากอากาศแล้ว ปัญหาฝุ่นควันพิษก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่พบได้ค่อนข้างบ่อย ดังนั้นเรื่องอาหารการกินที่ช่วยต้านโรคและสร้างความอบอุ่นให้กับร่างกายคนวัยเก๋า จึงเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญ เพราะหากละเลยเกี่ยวกับเรื่องสารอาหารที่จำเป็น อาจส่งให้อาการป่วยไข้ทวีความรุนแรงขึ้นก็เป็นได้ กลับกันการที่ผู้สูงวัยเลือกบริโภคอาหารให้ถูกสุขลักษณะ ก็เท่ากับเป็นดูแลสุขภาพที่เริ่มจากอาหารการกินได้เช่นเดียวกัน พยาบาลสปันนา ศิริศรีกุล พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ รพ.สิรินธร มีคำแนะนำมาบอกกัน

(ดื่มน้ำขิงอุ่นๆ ช่วยไล่ลมของผู้สูงอายุได้)

      พยาบาลสปันนา บอกว่า “อาหารที่ควรบริโภคในช่วงหน้าหนาว เน้นว่าควรเป็นอาหารที่ความอุ่น ทั้งนี้เพื่อช่วยปรับสมดุลให้กับร่างกาย ที่สำคัญควรหลีกเลี่ยงอาหารที่ความเย็น เพราะจะทำให้เป็นหวัดได้ง่าย เนื่องจากภูมิต้านทานของคนวัยนี้ไม่ดีเหมือนคนวัยหนุ่มสาว จึงควรกิน “อาหารที่มีฤทธิ์อุ่นร้อน” เช่น น้ำสมุนไพรที่ไม่ใส่น้ำตาล เช่น น้ำมะตูม น้ำใบเตยอุ่นๆ น้ำขิงที่ช่วยขับลมในกระเพาะให้คนสูงวัยได้เป็นอย่างดี หรือแม้แต่น้ำอ้อยดำ (มีลำต้นสีดำขนาดเล็ก) จากนั้นปอกเปลือกออกแล้วตัดเป็นท่อนนำมาต้มในน้ำเปล่าโดยไม่ใส่น้ำตาล เพราะจะมีความหวานจากธรรมชาติของอ้อยดำ โดยสามารถต้มเป็นหม้อใหญ่ และแบ่งนำมาจิบครั้งประมาณ 1 แก้วกาแฟกระดาษเล็กๆ ทั้งนี้กลุ่มเมนูน้ำสมุนไพรดังกล่าวล้วนเป็นยาอายุวัฒนะที่ช่วยป้องกันโรคหวัดไปด้วยในตัว

(น้ำอ้อยดำหวานน้อย ผู้สูงอายุดื่มขณะอุ่นๆ เป็นอายุวัฒนะป้องกันโรคหวัดได้)

      ส่วนเมนูอาหารนั้น ถ้าจะให้ดีควรปรุงด้วยเมนูจากปลา และรับประทานขณะที่ยังอุ่นๆ ก็จะช่วยปรับสมดุลคนวัยเก๋าในช่วงอากาศหนาวได้ค่อนข้างดี เช่น เมนูข้าวต้ม หรือแกงปลา และหากผู้สูงอายุต้องการรับประทานแกงเขียวหวาน ก็สามารถใส่เนื้อปลาขูดแทนเนื้อไก่ ซึ่งไม่แนะนำให้คนวัยเก๋ารับประทานไก่ เพราะจะทำให้มีอาการปวดเข่า เนื่องจากผู้สูงวัยส่วนใหญ่จะเป็นโรคเก๋า และขณะที่รับประทานอาหารก็ควรอุ่นให้ร้อนอยู่เสมอ

(ผู้สูงอายุดื่มน้ำมะนาววิตามินซีสูง ช่วยขับฝุ่นควันพิษเข้าสู่ร่างกายในช่วงหน้าหนาว)

      สำหรับช่วงหน้าหนาวที่อาจมีปัญหาเรื่องฝุ่นควันพิษ ทั้งจากไฟป่าหรือมลพิษในอากาศนั้น กลุ่มผลไม้วิตามินซีสูงก็เป็นอีกตัวช่วยรับมือฝุ่นควันพิษได้ เช่น ฝรั่ง, มะนาว, ส้ม โดยสามารถบริโภคเป็นน้ำมะนาว หรือถ้าผู้สูงอายุจะเลือกกินส้มนั้น ก็ให้รับประทานได้ไม่เกิน 1-2 ลูก เพราะถ้ากินมากจะทำให้น้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้นได้ กล่าวโดยสรุปนั้น ในช่วงอากาศหนาว ผู้สูงอายุควรบริโภคน้ำอุ่น นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และควรหมั่นออกกำลังกายด้วยเช่นกัน ซึ่งการออกกำลังกายของคนสูงวัยนั้น แนะนำให้เอกเซอร์ไซส์ช่วงเย็น เพราะในระหว่างวันนั้นร่างกายได้สะสมไขมันไว้ในอวัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกาย ส่วนช่วงเวลากลางคืนจนถึงเวลาเช้า เป็นช่วงที่ร่างกายจำเป็นต้องได้รับการพักผ่อน โดยเฉพาะในช่วงเช้าที่คุณตาคุณยายบางคนไม่กินข้าวเช้า แต่ออกไปทำกิจกรรมต่างๆ ก็จะทำให้ร่างกายดึงพลังงานที่สะสมมาใช้ในตอนเช้าจนหมด และกว่าผู้สูงอายุรับประทานอาหารก็เป็นเวลาเที่ยง ดังนั้นช่วงเช้าจึงเป็นช่วงที่คนสูงอายุขาดพลังงานได้หากไม่กินอาหารเช้า ดังนั้นจึงไม่แนะนำให้ออกกำลังกายในช่วงเช้าค่ะ”.