ก.ต.เด้ง "คณากร" ผู้พิพากษายิงตัวเองไปกองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ ภาค 5 จ.เชียงใหม่ พร้อมตั้ง กก.สอบวินัย เรียกค่าเสียหายองค์การทหารผ่านศึกเหตุ รปภ.ปล่อยให้พกอาวุธยิงกันในศาลจันทบุรี ซ้ำรอย! จับอาวุธเข้าศาลอ่างทอง-ศาลสมุย สั่งจำคุกฐานละเมิดทันทีคนละ 1 เดือน ผบช.ภ.2 แจง "ร.ต.อ.ขจร" ส่งปืนให้เสมียนทนายมีโรคประจำตัวอาจลังเลขณะปฏิบัติหน้าที่ ระบุใส่กุญแจมือ "ธารินทร์" หลังถูกยิงทำถูกต้องแล้ว
ที่ห้องประชุมอาคารศาลยุติธรรม ชั้น 3 ศาลฎีกา วันที่ 18 พฤศจิกายน นายไสลเกษ วัฒนพันธุ์ ประธานศาลฎีกา เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) ซึ่งภายหลังการประชุมนายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ในฐานะเลขานุการ ก.ต.เปิดเผยว่า วันที่ 18 พ.ย.นี้ที่ประชุม ก.ต.รับทราบรายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีนายคณากร เพียรชนะ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะชั้นต้น ในศาลจังหวัดยะลา ของคณะอนุกรรมการตุลาการวิสามัญแล้ว และมีมติตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงนายคณากร ตาม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม พ.ศ.2543 มาตรา 68
"เป็นกรณีที่ถูกกล่าวหาหรือมีกรณีเป็นที่สงสัยว่ากระทำผิดวินัย และมีมติให้นายคณากรไปช่วยทำงานชั่วคราวในกองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ ภาค 5 จังหวัดเชียงใหม่ก่อน จนกว่าจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น นอกจากนี้ที่ประชุม ก.ต.ยังมีมติให้ตั้งคณะอนุกรรมการศึกษาและพัฒนาหลักเกณฑ์ แนวทาง และวิธีการตรวจร่างคำพิพากษาของภาค รวมทั้งมาตรการป้องกันมิให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก"
เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรมกล่าวว่า สำหรับกรณีเหตุการณ์ยิงกันในอาคารศาลจังหวัดจันทบุรีตนได้รายงานข้อเท็จจริงให้ที่ประชุม ก.ต.รับทราบว่า ในการดำเนินการทางวินัยแก่เจ้าพนักงานตำรวจประจำศาลเป็นอำนาจโดยตรงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในฐานะต้นสังกัด ส่วนพนักงานรักษาความปลอดภัยซึ่งสังกัดองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก (อผศ.) นั้น สำนักงานศาลยุติธรรมได้มีหนังสือถึง อผศ.ให้สั่งกำชับพนักงานรักษาความปลอดภัยที่ประจำอยู่ที่ศาลยุติธรรมทั่วประเทศ ให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเคร่งครัด และได้เรียกร้องให้ อผศ.รับผิดชอบค่าเสียหายที่เกิดขึ้น ตามข้อตกลงในสัญญาระหว่างสำนักงานศาลยุติธรรมและ อผศ.แล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับค่าเสียหายที่ อผศ.ต้องรับผิดชอบต่อสำนักงานศาลยุติธรรมนั้น เป็นค่าเสียหายเนื่องจากการที่มีผู้ก่อเหตุพกอาวุธปืนเข้าไปยิงภายในศาลจังหวัดจันทบุรี โดย รปภ.ของ อผศ. ไม่ทันได้ตรวจค้น ถือเป็นการปล่อยปละละเลยให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการ ต้องชดใช้ค่าเสียหายในส่วนของทรัพย์สินของศาลยุติธรรมที่ชำรุดเสียหายจากเหตุการณ์ความรุนแรงในที่เกิดเหตุมูลค่าหลักหมื่นบาท
ขณะเดียวกันนายสุริยัณห์ หงษ์วิไล โฆษกศาลยุติธรรม เปิดเผยว่า ตนได้รับรายงานจากศาลจังหวัดอ่างทองว่า วันที่ 18 พ.ย.นี้ เมื่อเวลา 08.45 น. ผู้อำนวยการศาลจังหวัดอ่างทองได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย (รปภ.) ประจำศาลว่า ระหว่างปฏิบัติหน้าที่จุดประตูตรวจอาวุธ ได้ตรวจค้นตัวนายประสิทธิ์ วรรณโอสถ จำเลยในคดีดำที่ อ.1582/2562 ข้อหาทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส และพบอาวุธมีดพกพับได้ขนาดยาว 7.5 นิ้วพกอยู่ในกระเป๋ากางเกง จึงได้ยึดมีดพกไว้ พร้อมนำตัวจำเลยไปมอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำศาลควบคุมตัวไว้ โดยเจ้าหน้าที่ รปภ.ได้รายงานให้ผู้อำนวยการศาลกับผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดอ่างทองได้รับทราบ พร้อมกับตั้งสำนวนคดีละเมิดอำนาจศาล ซึ่งศาลได้พิจารณาเป็นคดีละเมิดอำนาจ ลงโทษจำคุกผู้ถูกกล่าวหาเป็นเวลา 2 เดือน รับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 เดือน และให้นับโทษต่อจากโทษจำคุกของจำเลยในคดีดำที่ อ. 1582/2562 (ศาลลงโทษจำคุก 1 ปี) ริบอาวุธมีดของกลาง
นอกจากนี้ยังได้รับรายงานจาก น.ส.พรทิพย์ คงชู ผู้อำนวยการศาลจังหวัดเกาะสมุย ได้รับแจ้ง จากเจ้าหน้าที่ รปภ. เวลา 11.00 น. ได้ตรวจพบอาวุธปืนสั้นชนิดลูกโม่ ขนาด .357 เลขหมายประจำปืน DKT9904 ยี่ห้อ SMITH & WESSON ซึ่งเป็นของนายนิติ สุบิน อาชีพทนายความ จึงได้ทำการตรวจยึดอาวุธปืนดังกล่าว พร้อมรายงานหัวหน้าศาลจังหวัดสมุยเพื่อตั้งสำนวนละเมิดอำนาจศาล โดยศาลไต่สวนแล้วพิพากษาให้จำคุกผู้ถูกกล่าวหามีกำหนด 2 เดือน โดยผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพ ลดโทษกึ่งหนึ่งคงจำคุก 1 เดือน และมีการดำเนินคดีในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ด้านนายชูชัย วิริยะสุนทรวงศ์ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา กล่าวว่า เรื่องการตรวจค้นจับกุมอาวุธได้เยอะในช่วงนี้ ในศาลอาญาเองก่อนเกิดเหตุก็มีการตรวจค้นจับกุมอาวุธได้มีดกับสนับมือ แต่ก็ไม่ได้มีการเสนอข่าว หรือบางทีก็มีการตรวจค้นเจอยาเสพติด ตรงนี้อยู่ที่เจ้าหน้าที่จะต้องไม่หละหลวม ทำงานเข้มแข็งตรวจจริงจังก็จะเป็นเรื่องดี อยากฝากถึงคนที่มาติดต่อราชการ ขอความร่วมมืออย่านำอาวุธของต้องห้ามมา
"บางคนที่เป็นผู้ต้องหาหรือจำเลยพอมาศาลบ่อยๆ ก็จะคุ้นหน้ากัน ความเข้มข้นก็จะน้อยลง ผมกำชับว่าคนนอกที่เราไม่รู้จักแต่ที่คุ้นเคยเพราะมาศาลบ่อยเราก็ต้องตรวจ เพราะเขาจะพกอาวุธมาวันไหนก็ไม่รู้ เราก็ต้องตรวจเข้มงวดทุกคน ในศาลอาญาเองก็ยังมีหลายจุดที่จะต้องปรับปรุงและเพิ่มเครื่องตรวจอาวุธ ซึ่งอยู่ระหว่างประสานงานกับสำนักงานศาลยุติธรรมขอเครื่องตรวจอาวุธแบบเต็มรูปแบบมา" นายชูชัยกล่าว
ที่ห้องประชุม ศปก.ของกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 อ.เมืองชลบุรี พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 เรียกรองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดจันทบุรี พร้อมด้วย พ.ต.อ.คมน์สรณ์ มาบำรุง ผกก.สภ.จันทบุรี และชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดจันทบุรี เข้ามาประชุมความคืบหน้าและเร่งรัดการดำเนินคดีที่ดินมรดกเลือดตระกูลใหญ่ยิงกันตาย 3 ศพในศาลจังหวัดชลบุรี
หลังจากนั้น พล.ต.ท.มนตรีเปิดเผยว่า จากการสอบสวน ร.ต.อ.ขจร บรรจง ซึ่งทำงานเป็นตำรวจศาล จ.จันทบุรี ได้ความว่าเมื่อมีเหตุเกิดขึ้นและได้ยินเสียงปืน ร.ต.อ.ขจรจึงคว้าปืนประจำกายหมายไประงับเหตุ แต่ด้วยความที่ ร.ต.อ.ขจรมีโรคประจำตัว คือเส้นเลือดในสมองแตกเคยรักษาพยาบาลมาก่อน จึงอาจจะเกิดความลังเลในขณะปฏิบัติหน้าที่ เพราะเป็นตำรวจที่ทำงานด้านเอกสารและอยู่ที่ศาล จ.จันทบุรีมานาน ซึ่งก็กำลังสอบสวนให้กระจ่างกว่านี้ แต่รู้ว่า ร.ต.อ.ขจรมีความตั้งใจที่จะระงับเหตุ เพราะการระงับเหตุต้องตัดสินใจเพียงเสี้ยววินาที หากพบว่า ร.ต.อ.ขจรทำงานบกพร่องก็จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย แต่หากไม่ผิดจะต้องสอบสวนให้ปรากฏชัดว่าไม่ผิดต่อไป จะให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย ไม่เป็นมวยล้มต้มคนดูแน่นอน
"ตอนเกิดเหตุผู้ช่วยทนายความใช้อาวุธปืนยิง 6 นัดรวด จากนั้นก็ส่งปืนคืนให้ ร.ต.อ.ขจร จากนั้น ตำรวจชุดสืบสวน จ.จันทบุรีได้รับแจ้งเกิดเหตุ จึงเดินทางไปที่เกิดเหตุ เห็น พล.ต.ต.ธารินทร์ถูกยิงและมีอาวุธปืนอยู่ข้างตัว ประกอบกับ ร.ต.อ.ขจรบอกกับชุดสืบสวนว่า พล.ต.ต.ธารินทร์เป็นคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงผู้อื่นล้มและบาดเจ็บสาหัสหลายคน ด้วยสัญชาตญาณของตำรวจจึงต้องควบคุมโดยล็อกกุญแจไว้ก่อน เพราะขณะนั้น พล.ต.ต.ธารินทร์ยังไม่เสียชีวิต จึงต้องใส่กุญแจมือไว้ก่อน เพราะหากพลาดมีโอกาสเขาอาจใช้อาวุธปืนทำร้ายผู้อื่นได้อีก ซึ่งประกอบกับกู้ภัย แพทย์ พยาบาล ตำรวจอยู่กันเป็นจำนวนมาก ซึ่งผมก็เห็นด้วยว่าต้องใส่กุญแจมือเพื่อป้องกันเหตุร้ายไว้ก่อนดีกว่า ซึ่งต้องควบคุมไปตาม ป.วิ.อาญา ถือว่าทำถูกต้องแล้ว" พล.ต.ท.มนตรีกล่าว
ในการประชุม ก.ต.วันเดียวกัน มีวาระที่น่าสนใจคือ ก.ต.มีการลงมติจากที่คณะอนุกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (อ.ก.ต.) ได้มีการลงมติเสียงข้างมาก 13-4 พร้อมทำความเห็นเสนอว่า การกระทำของนายชำนาญ รวิวรรณพงษ์ อดีตประธานแผนกคดีล้มละลายในศาลฎีกา เกี่ยวกับคดีมรดกที่ศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา ที่ถูกกล่าวหาว่ามีการแทรกแซงการพิจารณาพิพากษาคดีในศาล เห็นควรที่จะถูกตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง โดย ก.ต.ได้พิจารณาแล้วมีมติเสียงข้างมาก 12-2 เห็นควรตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรงต่อนายชำนาญ ตามที่ อ.ก.ต.เสียงข้างมากทำความเห็นมา
นอกจากนี้ที่ประชุม ก.ต.ยังมีการลงมติทบทวนมติ ก.ต.ครั้งที่ 9/2562 กรณีที่ประชุม ก.ต.มีมติให้นายชำนาญไปดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาอาวุโสในศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ โดยที่ประชุมเสียงข้างมาก 12-2 ให้ ก.ต.ทบทวนมติเรื่องที่จะให้นายชำนาญเป็นผู้พิพากษาอาวุโสฯ และเมื่อมีการทบทวนแล้ว หลังจากนั้น ก.ต.ยังได้มีการลงมติเห็นชอบหรือไม่ที่จะให้นายชำนาญเป็นผู้พิพากษาอาวุโสในศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ ผลปรากฏว่าที่ประชุมมีมติเสียงข้างมาก 12-2 ไม่ผ่านให้นายชำนาญดำรงตำแหน่งเป็นผู้พิพากษาอาวุโส.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |