เมื่อวานนี้ผมเขียนถึง “จดหมายน้อย” จากโดนัลด์ ทรัมป์ ถึงผู้นำอาเซียนเมื่อต้นเดือนนี้
อีกทั้งยังมีคำแถลงของนาย Robert O’Brien ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของทำเนียบขาวต่อหน้าผู้นำอาเซียนเพื่อยืนยันว่าอเมริกายังเหนียวแน่นกับภูมิภาคนี้ เหมือนปลอบใจว่า America First ไม่ได้แปลว่า Asia Lastอีกตอนหนึ่งของคำแถลงของที่ปรึกษาคนนี้น่าสนใจ
แกประกาศว่าในการประชุมครั้งนี้ได้มีการนำเสนอโครงสร้างพื้นฐานที่มีการพัฒนาขึ้นล่าสุด คือ
แพลตฟอร์มใหม่ Blue Dot Networks เป็นความพยายามที่จะดึงดูดสินเชื่อโครงการที่ผู้ขาย ผู้ดำเนินการ ยึดมั่นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่โปร่งใสและยั่งยืน ซึ่งเป็นโครงการที่ทำร่วมกับญี่ปุ่นและออสเตรเลีย
“เราหวังว่าจะได้ทำงานร่วมรัฐบาลของทุกประเทศสมาชิก และความริเริ่มของเราก็หวังว่าจะดึงเอกชนให้มาลงทุนมากขึ้น ดึงความสนใจที่นำโดยเอกชนในโครงสร้างพื้นฐานของอาเซียน ซึ่งจำเป็นต่อความเชื่อมโยง
“ความสำเร็จทางเศรษฐกิจของอาเซียนช่วยให้อาเซียนมีเสถียรภาพและรักษาความปลอดภัยมั่นคงของภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทะเลจีนใต้ จีนได้ใช้ตัวกลางที่จะพยายามที่หยุดยั้งอาเซียนไม่ให้สำรวจชายฝั่ง ซึ่งคาดว่าเฉพาะปริมาณสำรองน้ำมันและก๊าซก็มีมูลค่ามากถึง 2.5 ล้านล้านดอลลาร์
นายโอไบรอันบอกต่อว่า “ชั้นเชิงนี้ขัดต่อหลักการให้ความเคารพ ความเป็นธรรม และกฎหมายแห่งชาติ ภูมิภาคนี้ไม่มีผลประโยชน์และไม่มีความยิ่งใหญ่ที่ประเทศอื่นจะสามารถนำมาใช้ต่อเนื่องและทำให้เป็นสิ่งที่ถูกต้องได้
แกสำทับว่า “สหรัฐฯ ได้ช่วยเหลือประเทศสมาชิกให้คงอำนาจอธิปไตย ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาเราได้ให้ความช่วยเหลือมากกว่า 1.3 พันล้านดอลลาร์ในการให้ความช่วยเหลือด้านความมั่นคงในอินโดแปซิฟิก ซึ่งส่วนใหญ่ตกอยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ในเดือนกันยายนที่ผ่านมาได้มีการจัดการฝึกผสม ASEAN-U.S. Maritime Exercise เป็นครั้งแรก โดยมีไทยร่วมกันเป็นเจ้าภาพ และมีกองทัพเรือ และกองตรวจการณ์ชายฝั่ง ทหารเรือกว่า 1,000 นายจาก 10 ประเทศอาเซียน
อาเซียนกำลังมีบทบาทมากขึ้นในการกดดันสหประชาชาติให้ใช้มาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือ เพื่อให้ดำเนินการปลดอาวุธนิวเคลียร์ การปลดอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือจะเป็นผลดีต่อเอเชีย ต่อโลก และต่อเกาหลีเหนือเอง
แกย้ำว่า “ความสัมพันธ์ของเรามีมายาวนานและแน่นแฟ้น ความริเริ่มของผู้นำอาเซียนรุ่นใหม่และโครงการฝึกงานของสหรัฐฯ-อาเซียน จะยังคงช่วยให้ประชาชนของทั้งสองมีความสัมพันธ์กัน สร้างเครือข่ายและประสานความร่วมมือ การร่วมมือกันของสหรัฐฯ และอาเซียนมีอนาคตที่สดใส คนรุ่นต่อไปของเราจะตระหนักถึงความก้าวหน้าที่พวกเราได้สร้างขึ้นในวันนี้”
อ่านแล้วทำให้เราเชื่อว่าโดนัลด์ ทรัมป์ มีความจริงใจและจริงจังที่จะยังคงไว้ซึ่งข้อผูกพันกับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากน้อยแค่ไหน?
ผมเชื่อว่าทรัมป์คงสำเหนียกแล้วว่าหากอเมริกาถอยร่นกลับบ้าน ดูและเฉพาะผลประโยชน์ของตัวเองเป็นหลัก ต่อรองกับประเทศแถบนี้แบบตัวต่อตัว (ไม่เจรจาลักษณะพหุภาคีเพื่อกดดันให้ต้องยอมตามเงื่อนไขของตัวเอง) ก็เท่ากับเป็นการเปิดทางให้จีนเข้ามาทดแทนช่องว่างที่เกิดขึ้น
นั่นคือการอ่านตามลายลักษ์อักษรของจดหมายและคำแถลงจากวอชิงตัน แต่เอาเข้าจริงๆ เราต้องวัดจากผลจริงๆ ของภาคปฏิบัติ
พอถึงภาคปฏิบัติก็เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่ทรัมป์เขียนในจดหมายกับความเป็นจริงนั้นยังห่างไกลกันพอสมควร
การที่ทรัมป์ไม่มาปรากฏตัวในการประชุมสุดยอดอาเซียนและคู่เจรจาที่กรุงเทพฯ นั้นต้องถือว่าเป็นความผิดพลาดทางยุทธวิธีทางการทูตและการเมืองที่ส่งผลกว้างไกล
ไม่ว่าคำอธิบายของทรัมป์ที่ไม่มาร่วมประชุมเป็นอย่างไร แต่ผู้นำอาเซียนย่อมจะถือว่าท่าทีเช่นนั้นของผู้นำสหรัฐฯ เป็นการ “ตบหน้า” ผู้นำในภูมิภาคนี้ และเป็นการส่งสัญญาณเตือนภัยมายังประเทศที่เป็นพันธมิตรของอเมริกามายาวนาน
สิ่งที่ทรัมป์พูดในจดหมาย และคำแถลงของที่ปรึกษานั้นเป็นการ "ทวงบุญคุณ” ของสิ่งที่อเมริกาทำในอดีต (ก่อนหน้าทรัมป์ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี) แต่ทุกประเทศในแถบนี้กำลังถามว่าวันนี้และวันหน้าอเมริกาจะเล่นบทอะไรในเอเชีย
ในขณะที่จีนมาพร้อมรอยยิ้มและเสนอความร่วมมือในรูปแบบต่างๆ ที่เป็นรูปธรรมพอสมควร
ผู้นำอาเซียนควรจะไปเจอทรัมป์ที่วอชิงตันเพื่อการ “ประชุมสุดยอดรอบพิเศษ” ตามที่ทรัมป์เสนอหรือไม่?
ผมคิดว่าผู้นำอาเซียนคงต้องคิดหนัก เพราะหากยกพวกกันไปพบทรัมป์ที่ทำเนียบขาว ก็เท่ากับยอมรับว่าผู้นำสหรัฐฯ คนนี้สามารถกวักมือเรียกให้ไปเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น
“ข้าฯ ไม่ต้องมาหาเอ็ง เอ็งต้องมาหาข้าฯ” คงไม่ใช่สารที่ผู้นำอาเซียนต้องการได้รับจากทรัมป์เป็นแน่นอน.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |