ทีมชาติอังกฤษ ลอยลำ ศึกยูโร 2020 แน่นอนแล้ว เมื่อคืนวันพฤหัสฯ หลังจัดหนักไล่ถล่มโหด มอนเตเนโกร นับถึง 7-0 แฮร์รี่ เคน ทำลายสถิติยิงของ เวย์น รูนี่ย์ ด้วยการทำแฮทริก ฉลองเเกมที่ 1,000 ของทีมสิงโตคำราม ขณะที่ โจ โกเมซ คู่กรณีของ ราฮีม สเตอร์ลิง โดนโห่ตอนถูกเปลี่ยนตัวลงสนามในช่วงท้าย ปีกจากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ แสดงความเห็นใจ วอนแฟนจบ ขณะที่ เซาธ์เกต ย้ำไม่สมควรมีนักเตะทีมชาติอังกฤษคนไหนโดนโห่
แฮทริกของ แฮร์รี่ เคน ตั้งแต่ครึ่งเวลาแรก ช่วยให้ทีมของ แกเร็ธ เซาธ์เกต ค่อยๆปิดเกมเอาชนะ มอนเตเนโกร ไปได้แบบสบายๆ ด้วยสกอร์ถึง 7-0 ทำให้ อังกฤษ ตีตั๋วรอศึกรอบสุดท้าย ตอนซัมเมอร์หน้า ได้เป็นที่เรียบร้อย แต่ เซาธ์เกต กับ ราฮีม สเตอร์ลิง ต้องช่วยกันเตือนสถิติกองเชียร์ของทีมบางส่วน ที่โห่ โจ โกเมซ กองหลังจาก ลิเวอร์พูล ตอนถูกเปลี่ยนตัวลงในครึ่งหลัง
โกเมซ กับ สเตอร์ลิง มีเรื่องวิวาทกันในโรงอาหารของทีมชาติที่ เซนต์ จอร์จส ปาร์ค เมื่อวันจันทร์ เป็นเหตุการณ์ที่ส่งผลให้ เซาธ์เกต ตัดสินใจหั่นกองหน้าแมนเชสเตอร์ ซิตี้ หลุดโผไปไม่ได้มีส่วนร่วมในชัยชนะฉลองนัดที่ 1,000 ของทีมชาติอังกฤษ ที่มีนักเตะชื่อดังในอดีตของทีมสิงโตคำรามมากมายมาร่วมเป็นแขก เมื่อคืนวันพฤหัสฯ
หลังจบเกมการแข่างขัน สเตอร์ลิง โพสต์ข้อความลงทวีตเตอร์ "ถึงแฟนทีมชาติอังกฤษทุกคน ผมต้องการที่จะทิ้งทุกอย่างไว้ช้างหลัง แต่ค่ำคืนนี้ผมต้องขอพุดอีกสักที คือผมก็รู้สึกไม่ดีนักที่เห็นเพื่อนร่วมทีมโดนโห่จากบางสิ่งที่เป็นความผิดของมเอง"
"โจไม่ได้ทำอะไรผิด และสำหรับผมที่ได้เห็นใครคนหนึ่งที่ก้มหน้าก้มตาทำงานอย่างหนักหลังสัปดาห์ที่ยาก ต้องมาโดนโห่เอาตอนลงสนามในค่ำคืนนี้ ผมว่ามันไม่ถูกต้อง ผมต้องแสดงความรับผิดชอบและยอมรับผลของการกระทำของตัวเอง"
ขณะที่ เซาธ์เกต ปกป้อง โกเมซ ว่าไม่ได้ทำอะไรผิดต่อแฟนๆ แต่ก็ยังโดนโห่ในเกมที่เวมบลี่ย์
"ก่อนอื่นผมต้องบอกว่านักเตะทุกคนในห้องแต่งตัวต่างรู้สึกผิดหวังเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผู้เล่นของเรามีความเป็นหนึ่งเดียวกัน ไม่มีคนไหนสมควรถูกโห่ ผมไม่เข้าใจ นักเตะทุกคนเสียใจมาก ผมเองก็เช่นกัน แต่เขาได้รับกำลังใจจากทุคนในห้องแต่งตัว ผมเคยพูดกับเขาแล้ว และจะพูดกับเขาอีกในวันพรุ่งนี้"
ส่วนเกมที่เวมบลี่ย์ เมื่อคืนวันพฤหัสฯ ที่โชว์ฟอร์ได้อย่างโดดเด่นสุดก็คือ แฮร์รี่ เคน ทำแฮทริกได้ตั้งแต่ครึ่งแรก ขณะที่ เบน ชิลเวลล์ ตลอดทั้งเกมทำแอสซิสต์ไป 3 นอกนั้นเป็นผลงานของ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน ที่ซัดประตูแรกในทีมชาตินับตั้งแต่ มิ.ย.2017 และเป็นประตูนำร่องของเกมตั้งแต่นาที่ 11 มาร์คัส แรชฟอร์ด ก็มีสกอร์ให้ทีมด้วยเช่นกันช่วงครึ่งชั่วโมงแรก
ครึ่งหลังมีอีกสองประตู หนึ่งในนั้นเป็นการทำเข้าประตูตัวเองของ โซฟรานัส และ แทมมี่ อับราฮัม ปิดท้ายา ก่อนหมดเวลา 6 นาที
"เรารู้ว่ามันเป็นกลุ่มที่เราควรชนะได้สบาย แต่คุณน่าจะเห็นได้ว่าหลายทีมใหญ่ในยุโรป มีปัญหาในการถล่มประตูคู่แข่งอย่างที่เราทำได้"
เซาธ์เกต ถูกถามว่า เพราะทีมของเขาเจอกับทีมคู่แข่งที่อ่อนกว่ามากหรือไม่ในรอบคัดเลือก หรืออังกฤษสมควรได้รับเครดิตเป็นพิเศษอย่างผลงานในแต่ละนัดรวมถึงเกมล่าสุด
"ในอดีต เรามักมีปัญหาเวลาเจอทีมที่ต่ำชั้นกว่า ที่มักให้นักเตะช่วยกันเล่นเกมรับกันหลายคน ตอนนี้เรามีผู้เล่่นทีสามารถเปิดช่องทีมเหล่านั้นได้ เรามีสไตล์การเล่นที่สามารถทำอย่รางนั้นได้ แน่นอนมันเป็นกลุ่มที่เราคาดว่าจะเข้ารอบเป็นที่หนึ่งของสายได้ แต่ที่สำคัญคือเราทำได้อย่างเด็ดขาด"
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |