"บิ๊กป้อม" ปัดข่าวนายกฯ นัดแกนนำพรรคร่วมกินข้าวเคลียร์ใจ ยันไร้รอยร้าว ประธานวิปรัฐบาลไม่มั่นใจสัปดาห์หน้าตั้ง กมธ.แก้ รธน.ได้ทัน เพจ กรธ.สยบข่าว "มีชัย" ร่วมนั่งกรรมาธิการ "พรเพชร" ชี้ปกติ ส.ว.ไม่เข้าร่วมญัตติสภาผู้แทนฯ ฉุนพวกจ้องโละสภาสูง ลั่นไม่ใช่ไส้ติ่ง โว 5 เดือนผลงานเพียบ แค่อ่อนพีอาร์
    เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม จะนัดหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคร่วมรัฐบาลรับประทานอาหารเพื่อเคลียร์ใจ ก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า “ยังไม่มี ไม่มี”
    เมื่อถามว่า ตอนนี้มีรอยร้าวเกิดขึ้นในพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ พล.อ.ประวิตรย้อนถามว่า “รอยร้าวที่ไหน ไม่มี” เมื่อถามย้ำว่าเป็นรอยร้าวที่มาจากพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวย้ำว่า “ไม่มีแล้ว เขาโอเคแล้ว”
    นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่เห็นมีใครพูดถึงการนัดหมายดังกล่าว ทั้งในส่วนของวิปรัฐบาล ในคณะรัฐมนตรี (ครม.) และตนยังไม่ได้รับการประสานเพื่อนัดหมาย จึงไม่ทราบว่าจะนัดหมายใครบ้าง ขึ้นอยู่กับนายกฯ พิจารณา ซึ่งเห็นว่าถึงแม้จะไม่มีการรับประทานข้าว​ เสียงของพรรคร่วมก็ดี​ เห็นได้จากใน ครม.มีความกลมเกลียวกันดี แต่หากมีการนัดพูดคุยคงจะมีโอกาสได้พูดทั้งเรื่องการเมืองและเรื่องอื่นๆ ส่วนที่มีข่าวความขัดแย้งภายในพรรคร่วมรัฐบาลนั้น พรรคชาติพัฒนาไม่มีอยู่แล้ว​ และเชื่อว่าใน ครม.ก็ไม่มี
    ส่วนการเตรียมความพร้อมรับมือการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านนั้น ทางฝ่ายค้านยังไม่ได้พูดคุย ส่วนวิปรัฐบาลก็ยังไม่ได้มีการประสานในเรื่องนี้ แต่ทราบจากสื่อว่าจะมีการขออภิปราย กลางเดือน ธ.ค.นี้ 
    เมื่อถามถึงกระแสข่าวเรื่องการเตรียมแจกกล้วย ซื้อตัว ส.ส.เพื่อช่วยรัฐบาลโหวตผ่านในเรื่องต่างๆ นายเทวัญกล่าวว่า เห็นแต่มีการพูดเท่านั้น แต่ยังไม่เห็นมีใครมีข้อมูลหลักฐาน ที่สำคัญคิดว่าส.ส.ทุกคนมีเกียรติ ไม่ใช่ไปให้อะไรแล้วเขาจะฟังง่ายๆ จะไปบอกซ้ายหันขวาหันคงไม่ได้
    ที่รัฐสภา นายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) เปิดเผยว่า ยังไม่มั่นใจว่าสัปดาห์หน้าจะสามารถพิจารณาญัตติด่วนเรื่องขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาหลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 โดยต้องรอดูวาระเพื่อทราบในสัปดาห์นี้ก่อนว่าจะมีเพิ่มเติมมาหรือไม่ อีกทั้งต้องพิจารณาญัตติด่วนขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาผลกระทบจากการกระทำ ประกาศ และคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และการใช้อำนาจของหัวหน้า คสช. มาตรา 44 ก่อน 
     ทั้งนี้ ยืนยันไม่เกี่ยวกับปัญหาเรื่องตัวประธาน เพราะพรรคพลังประชารัฐพิจารณาและยืนยันมาตั้งแต่ต้นว่าสนับสนุนนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 เป็นประธานคณะกรรมาธิการชุดดังกล่าว และที่ผ่านมาในพรรคไม่เคยมีการพูดกันว่าจะเชิญนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ มาเป็นประธานตามที่เป็นข่าว
    นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า หากดูจากระเบียบวาระการประชุมสภาแล้ว ญัตตินี้มีโอกาสจะนำมาพิจารณาได้ในสัปดาห์สุดท้ายของเดือน พ.ย. (27-28 พ.ย.) อย่างไรก็ตาม จะเป็นผลดีต่อ ส.ส.เตรียมข้อมูลให้สมบูรณ์มากขึ้น และพรรคการเมืองต่างๆ จะมีเวลาในการสรรหาบุคคลที่เหมาะสมเข้ามาเป็นกรรมาธิการ และอยากจะเสนอว่าทุกพรรคไม่ควรเสนอชื่อบุคคลที่คาดว่าจะสร้างปัญหาในการทำงานของ กมธ.ชุดนี้ ซึ่งอาจจะทำให้เกิดความวุ่นวายในการทำงานได้ 
    ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ยืนยันผลักดันมติพรรคสนับสนุนให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นประธาน กมธ. และพรรคจะคัดสรรหา ส.ส.ของพรรคที่มีความอาวุโสทางการเมือง มีจุดยืนด้านประชาธิปไตยที่ชัดเจน เป็น ส.ส.มาหลายสมัย ผ่านการใช้รัฐธรรมนูญมาหลายฉบับ มาเป็นกรรมาธิการ ซึ่งโดยส่วนตัวเห็นว่านายอภิสิทธิ์, นายบัญญัติ บรรทัดฐาน, นายสุทัศน์ เงินหมื่น, นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ และนายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ เป็นผู้เหมาะสม 
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจเฟซบุ๊กของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ 2560 (กรธ.) ได้โพสต์ข้อความกลางดึกของเมื่อวันที่ 14 พ.ย. โดยระบุว่า "เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง ตามที่มีผู้เสนอให้รัฐสภาพิจารณาตั้งคณะกรรมการศึกษาเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 และสื่อมวลชนได้รายงานโดยคาดหมายว่าจะมีอดีตประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (นายมีชัย ฤชุพันธุ์) หรือกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ 2560 ไปร่วมเป็นกรรมการร่วมด้วยนั้น ขอเรียนว่า ข่าวดังกล่าวเป็นการคาดการณ์กันไปเองทั้งสิ้น อดีตประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ หรือกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าว จึงขอเรียนให้ผู้ที่สนใจติดตามข่าวสารบ้านเมืองและสื่อมวลชนได้รับทราบโดยทั่วกัน เพื่อจะได้ไม่รายงานข่าวที่คลาดเคลื่อนในลักษณะนี้อีก ขอขอบคุณและขอเรียนมาเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องร่วมกัน"
    ที่อาคารสุขประพฤติ คณะกรรมการประชาสัมพันธ์ วุฒิสภา จัดกิจกรรม “วุฒิสภาพบสื่อมวลชน” โดยมีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา, นายศุภชัย สมเจริญ รองประธานวุฒิสภา คนที่สอง และโฆษกคณะกรรมาธิการชุดต่างๆ เข้าร่วมงาน ทั้งนี้ นายพรเพชรกล่าวช่วงหนึ่งว่า ขอบคุณสื่อมวลชนที่ให้ความสนใจในกิจกรรม การดำเนินงานครั้งนี้วุฒิสภาต้องการลบล้างสิ่งที่คนบอกว่าเราไม่มีผลงาน เพราะเรามีผลงาน แต่ไม่มีการประชาสัมพันธ์ จึงได้กระจายงานประชาสัมพันธ์ให้กับโฆษกของแต่ละคณะกรรมาธิการฯ ที่รับผิดชอบ วันนี้จะไม่เอาวิธีการทำงานแบบเก่าที่ให้สื่อต้องมาถามหาจากตน แต่ไปถามโดยตรงกับกรรมาธิการที่เกี่ยวข้องได้เลย วุฒิสภาพร้อมที่จะเดินหน้าเผยแพร่ผลงานเพื่อไม่ให้ประชาชนสงสัยว่าเรากำลังทำอะไรกันอยู่
    จากนั้น นายพรเพชรให้สัมภาษณ์ถึงการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาหลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ควรจะมี ส.ว.เข้าร่วมด้วยหรือไม่นั้น ว่าในทางปฏิบัติเมื่อเป็นญัตติของสภาผู้แทนราษฎรต้องมีสัดส่วนจากฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล และคณะรัฐมนตรี จะไม่มีองค์ประกอบของ ส.ว. หากอยากให้มี ส.ว. ต้องเสนอเป็นญัตติพิจารณาร่วมกันของรัฐสภา อย่างไรก็ตาม หากมีการเชิญ ส.ว.เข้าร่วมด้วย ก็เป็นสิทธิของ ส.ว.คนนั้น คงไปบังคับไม่ได้ แต่จากกระแสข่าวที่มีชื่อ ส.ว. 2 คนอาจจะไปร่วมด้วยนั้น ก็ได้ออกมาปฏิเสธแล้ว และยังไม่ได้มีการติดต่อมาที่ตน ซึ่งขณะนี้ก็ยังไม่มีการตั้งคณะกรรมาธิการฯ ของ ส.ว.ขึ้นมาศึกษาควบคู่กับกรรมาธิการของสภาฯ เนื่องจากญัตติของสภาผู้แทนราษฎรขณะนี้เป็นไปเพื่อการศึกษา ไม่ใช่เพื่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
    เมื่อถามถึงข้อเสนอให้มีการแก้ไขที่มา ส.ว.ด้วย ประธานวุฒิสภากล่าวว่า ถ้าพูดว่าไม่ควรมี ส.ว. หรือ ส.ว.เป็นไส้ติ่ง ตัดทิ้งไปนั้น อยากถามว่า ตลอดระยะเวลา 87 ปีของประชาธิปไตยนั้น เรามีแค่สภาเดียวตอนไหน ตอบได้หรือไม่ และอยากให้เป็นอย่างนั้นจริงๆ หรือ เพราะที่ผ่านมามี 2 สภามาโดยตลอด ทั้งนี้ 5 เดือนที่ผ่านมาของ ส.ว.ชุดนี้ เราตั้งกรรมาธิการได้ในเวลาที่เร็วพอสมควร เข้ามาทำหน้าที่กลั่นกรองกฎหมาย พิจารณาร่างพระราชกำหนดต่างๆ ไปตามปกติ รวมถึงวางโครงการวุฒิสภาพบประชาชนด้วย เรียกว่าชัดเจนกว่าสมัยสภานิติบัญญัติด้วยซ้ำ เพียงแต่ประชาชนไม่เห็น ซึ่งอาจเป็นเพราะได้สัมผัสกับผู้ที่ทำงานน้อยไป แต่ยืนยันว่าตลอด 5 เดือนที่ผ่านมาไม่ได้ล้มเหลว และได้ผลงานเป็นที่พอใจ
    ส่วนกรณีที่ ส.ว.ถูกมองว่าชอบออกมารับลูกรัฐบาลนั้น นายพรเพชรกล่าวว่า ประธานสภาผู้แทนราษฎรและประธานวุฒิสภาต่างเป็นกรรมการยุทธศาสตร์ชาติโดยตำแหน่ง ดังนั้น ต้องมีส่วนร่วมกำหนดยุทธศาสตร์ชาติด้วย อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าไม่ได้มีการรับลูกอะไร เมื่อกฎหมายปฏิรูปหรือกฎหมายยุทธศาสตร์ชาติเข้าสู่การพิจารณา จะได้เห็นการทำหน้าที่ของ ส.ว.อย่างแน่นอน.