"กมธ.กิจการศาล" เล็งเชิญ "รมว.ยุติธรรม-เลขาฯศาล" พร้อม 4 หน่วยงาน แจงมาตรการรักษาความปลอดภัยศาล 28 พ.ย.นี้ หลังเกิดเหตุยิงกลางห้องพิจารณาคดีศาลจังหวัดจันทบุรี "เลขาฯ ศาล" ออก 3 มาตรการ รปภ.ศาลใหม่ เสริมลูกกรง 2 ชั้น กั้นห้องควบคุมตัวผู้ต้องหา พร้อมเพิ่มคอร์ตมาร์แชล 1-2 คนทุกศาลทั่วประเทศ
ที่รัฐสภา วันที่ 14 พ.ย. นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการกิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์กรมหาชน และกองทุน สภาผู้แทนราษฎร แถลงผลการประชุมถึงระบบการรักษาความปลอดภัย หลังเกิดเหตุยิงกันในศาลจังหวัดจันทบุรีเสียชีวิต 3 รายว่า ที่ประชุมมีมติเชิญ 6 หน่วยงาน ประกอบด้วย 1.เลขาธิการศาลยุติธรรม 2.รมว.ยุติธรรม 3.อธิบดีกรมราชทัณฑ์ 4.สำนักงานอัยการสูงสุด 5.สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ 6.สภาทนายความ เข้ามาชี้แจงถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยภายในศาล และอาจจะเชิญอธิบดีกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ในกรณีการออกใบอนุญาตพกพาอาวุธปืนด้วยในการประชุม กมธ. ในวันที่ 28 พ.ย.นี้
นายจิรายุกล่าวว่า กมธ.อยากทราบว่าตำรวจศาลที่มีการฝึกอบรมไปบางส่วน ซึ่งในปีงบประมาณ 2563 ก็มีการตั้งงบในส่วนนี้อยู่ด้วยนั้น จะสามารถทำงานรักษาความปลอดภัยประจำศาลได้หรือไม่ อีกทั้งที่ผ่านมาการจ้างบริษัทเอกชนเข้ามารักษาความปลอดภัยมีความหละหลวมหรือไม่
"กมธ.มีข้อเสนออยากให้ศาลทั่วประเทศประกาศเขตพื้นที่ให้ชัดเจน เช่น โซนที่ 1 ตั้งแต่รั้วประตูศาลเข้ามาจะเป็นระบบรักษาความปลอดภัยแบบไหน, โซนที่ 2 ในอาคารศาลควรจะมีการตรวจอาวุธตามช่องทางการเข้า-ออกศาลเป็นอย่างไร ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้น อาคารศาลทั่วประเทศในแต่ละที่ไม่เหมือนกัน" กมธ.กิจการศาลฯ กล่าว
ขณะที่นายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม กล่าวถึงมาตรการความปลอดภัยบริเวณศาลว่า ขณะนี้ได้ออกคำสั่งกำหนดมาตรการ 3 ส่วน 1.ด้านอาคารสถานที่และการจัดสถานที่คุมขัง ที่จะวางมาตรการให้เกิดความปลอดภัย ไม่ให้หลบหนีที่คุมขังหรือแหกหัก หรือทำร้ายประชาชนหรือเจ้าหน้าที่ต่างๆ โดยในส่วนของการปรับปรุงพื้นที่ห้องควบคุมตัวในศาล ก็จะต้องมีลูกกรงกั้น 2 ชั้น ซึ่งต้องมีระยะห่างประมาณ 10-15 เมตร ระหว่างผู้ต้องขังกับญาติที่มาเยี่ยม โดยยอมรับศาลบางแห่งยังต้องมีการปรับปรุงบริเวณห้องควบคุมตัวให้เป็นไปตามมาตรฐานที่ต้องมีการดำเนินการแก้ไข
ส่วน 2.เรื่องอุปกรณ์ที่สนับสนุนด้านความปลอดภัย ได้เน้นย้ำให้ทางศาลทั่วประเทศสำรวจเครื่องมืออุปกรณ์เกี่ยวกับความปลอดภัย พร้อมแจ้งผลกลับมา เพื่อวิเคราะห์ประเมินทั้งหมดว่ามีความจำเป็นต้องเพิ่มจุดไหนบ้าง เช่น เครื่องตรวจอาวุธ หากต้องเพิ่มก็จะพิจารณาของบประมาณ 3.ส่วนอัตรากำลังเจ้าหน้าที่ของศาลมีเจ้าพนักงานตำรวจศาล (คอร์ตมาร์แชล) ที่ผ่านการฝึกอบรมและตามกฎหมายมีอาวุธประจำกายได้ ขณะนี้ที่ได้บรรจุมาตั้งแต่เดือน ส.ค.2562 จำนวนที่ 35 คน โดยยังไม่ครบตามอัตรา 309 คน ที่เคยกำหนดไว้ในโครงการ แต่เราก็จะได้จัดสรรที่มีอยู่เพื่อดำเนินการตรวจและวางมาตรการเสริมความปลอดภัย
"นอกเหนือจากแต่ละพื้นที่จะมีตำรวจประจำพื้นที่และราชทัณฑ์ ศาลก็ยังมีเจ้าหน้าที่ รปภ.จาก อผศ.ประจำศาลทั่วประเทศเกือบ 2,000 คน ซึ่งกำลังทั้งหมดก็จะเสริมในการตรวจตราอาวุธต่างๆ ทั้งนี้ มาตรการที่ออกมาก็ได้วางระบบให้ทุกส่วนดำเนินการอย่างเคร่งครัดและเข้มงวด และด้วยในความจำเป็นขณะนี้ ในส่วนของคอร์ตมาร์แชลที่ยังไม่ครบตามจำนวน สำนักงานศาลฯ ได้เร่งที่จะสรรหาให้ได้ภายในปีหน้า เพราะตั้งเป้าที่จะให้มีคอร์ตมาร์แชลประจำศาลต่างๆ ทั่วประเทศ 1-2 คน ซึ่งส่วนนี้จะมีการเสนอคณะกรรมการข้าราชการศาลยุติธรรม (ก.ศ.) ของบประมาณที่จะดำเนินการให้ได้ภายในปีหน้า" นายสราวุธกล่าว
ถามกรณีมีคำสั่งส่งคอร์ตมาร์แชลลงพื้นที่ศาลจันทบุรีเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและรายงานด้านความปลอดภัย เลขาฯ ศาลยุติธรรมกล่าวว่า มีรายงานเบื้องต้นว่าอัตรากำลังเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอ รวมทั้งประสิทธิภาพของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มาประจำในศาลมีศักยภาพไม่เต็มร้อย
"ส่วนที่จะมองว่าเป็นความบกพร่องของศาลที่ทำให้เกิดเหตุยิงกันนี้ จากกล้องวงจรปิดจะเห็นได้ชัดว่าผู้ก่อเหตุได้รอจังหวะระหว่างเจ้าหน้าที่ไปเคารพธงชาติและซักซ้อมขั้นตอนการปฏิบัติงานระหว่างตรวจแถว เพื่อนำอาวุธเข้าไป อย่างไรก็ดี ในกระบวนการสืบสวนตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นของคอร์ตมาร์แชล เพื่อประมวลเหตุการณ์ทั้งหมด คาดว่าจะทราบผลภายในวันที่ 15 พ.ย.นี้" เลขาฯ ศาลยุติธรรมกล่าว
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีนายธนากร ธีรวโรดม เสมียนตราทนายโจทย์ ใช้อาวุธปืนของตำรวจประจำศาลยิง พล.ต.ต.ธารินทร์ จันทราทิพย์ อดีตจเรตำรวจ ผู้ก่อเหตุยิงทนายคู่กรณีเสียชีวิตภายในศาลจังหวัดจันทบุรีว่า ขณะนี้ยังไม่ชัดเจนว่า ร.ต.อ.ขจร บรรจง ตำรวจประจำศาลจังหวัดจันทบุรี ส่งปืนหรือถูกนายธนากรแย่งปืนไปยิง พล.ต.ต.ธารินทร์เสียชีวิตกลางห้องพิจารณาคดี โดย พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผบช.ภ.2 ได้มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในประเด็นนี้แล้ว
รองโฆษก สตช.กล่าวว่า เบื้องต้น ร.ต.อ.ขจรให้การประกอบสำนวนชันสูตรศพอดีตจเรตำรวจ ว่าในวันเกิดเหตุทราบว่ามีเหตุการณ์ยิงกันในศาลเกิดขึ้น จึงไปนำอาวุธปืนพกประจำกายขนาด .45 เข้ามาในศาล ก่อนถูกนายธนากรผู้ต้องหาแย่งปืนไปก่อเหตุ ซึ่งกระบวนการตรวจสอบจะดำเนินการคู่ขนานไปกับสำนวนคดีการเสียชีวิตของ พล.ต.ต.ธารินทร์
ถามว่าเหตุใดพนักงานสอบสวนตั้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนากับนายธนากรหนักเกินไปหรือไม่ รองโฆษก สตช.กล่าวว่า เป็นการตั้งข้อหาตามข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ประกอบกับการทำสำนวนของตำรวจเป็นระบบกล่าวหา ซึ่งผู้ถูกกล่าวหาสามารถหักล้างข้อกล่าวหาได้ถ้าเห็นว่าเป็นข้อหาที่หนักเกินจริง
วันเดียวกัน ที่ศาลาวัดป่ามัชฌิมวงษ์รัตนาราม บ้านเหล่าใหญ่ ต.แชแล อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพนายวิจัย สุขรมย์ ทนายความที่ถูกยิงเสียชีวิตภายในห้องพิจารณาคดีศาลจันทบุรี ได้มีญาติพี่น้องและเพื่อนบ้านช่วยกันจัดสวดอภิธรรมคืนแรก โดยมีนายสาคร สุขรมย์ อายุ 75 ปี บิดา และนางธนินท์ธร ผัสดี อายุ 51 ปี ภรรยา และญาติเป็นเจ้าภาพ ทั้งนี้ ญาติจะมีการตั้งศพสวดพระอภิธรรม 3 วัน และจะฌาปนกิจในวันอาทิตย์ที่ 17 พ.ย.นี้
นางธนินท์ธรกล่าวว่า รู้สึกเสียใจอย่างมาก และขอให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเป็นครั้งสุดท้าย อยากให้สถานที่ราชการหรือว่าหน่วยงานต่างๆ มีการป้องกันให้มากกว่านี้ สังคมทุกวันนี้รู้หน้าไม่รู้ใจ เราไม่รู้ว่าคนไหนต้องการชนะหรือไม่ชนะในคดีเราก็ไม่รู้
ด้านนายเกรียงศักดิ์ ศรีโบราณ นายกเทศมนตรีตำบลเชียงแหว อ.กุมภวาปี เล่าว่า ตนกับทนายวิจัยเป็นเพื่อนรุ่นพี่รุ่นน้องกันเรียนหนังสือด้วยกัน ซึ่งในคดีนี้ตนเคยพูดเล่นกับเขาว่าระวังตัวหน่อยนะเรื่องคดีพวกนี้ ทนายวิจัยก็ตอบว่าคดีนี้ทำมานานแล้ว คงไม่มีปัญหาอะไร หากจะมีก็น่าจะเกิดขึ้นนานแล้ว
"คดีนี้เป็นการต่อสู้กันเรื่องมรดก มีได้มีเสีย ถึงจะชนะอย่างถูกกฎหมาย แต่คนที่สูญเสียก็เจ็บแค้นเช่นเดียวกัน เมื่อเรื่องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เราต้องยอมรับตรงนั้น ตัดสินคนแบบนี้มันก็ไม่ยุติธรรม" รุ่นพี่ทนายผู้เสียชีวิตกล่าว.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |