14 พ.ย. 62 - ที่รัฐสภา เกียกกาย พล.ท.พงศกร รอดชมภู ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดน ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า พรรคอนาคตใหม่ได้รวบรวมรายชื่อเพื่อเสนอร่างแก้ไขพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) รับราชการทหาร (ฉบับที่...) พ.ศ... เพื่อที่จะแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ. การรับราชการทหารเดิม ซึ่งประเทศไทยมีการเกณฑ์ทหารมาประมาณ 100 ปี ถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยนแปลงกันใหม่ นโยบายนี้เป็นการปฏิรูประบบการรับราชการทหารของทหารกองประจำการ และการปฏิรูปกองทัพ
โดยหลักเกณฑ์เราจะไม่แตะต้องการเกณฑ์ทหารแบบเดิม แต่จะเปลี่ยนในประเด็นคือ 1.อายุคนเกณฑ์จาก 21 ปี มาเป็น 18 ปี 2.จะเกณฑ์เฉพาะช่วงที่มีภัยสงคราม เมื่อจะมีภัยสงครามคณะรัฐมนตรีมีอำนาจที่จะเรียกเกณฑ์ทหารได้ ซึ่งสามารถเกณฑ์ได้เพียง 1 ปีเท่านั้น คือ ฝึก 3 เดือนเป็นขั้นต้น ฝึกอีก 3 เดือนเป็นขั้นสูง และรอดูสถานการณ์อีก 6 เดือนว่าจะมีสงครามต่อหรือไม่ และดำเนินการต่อไป หากเป็นภาวะปกติอย่างทุกวันนี้เราไม่อยากให้ญาติของคนที่มีกำลังผลิตอยู่ในพื้นที่ และบุตรหลานไม่มีความพร้อม มาถูกเกณฑ์ เราจะใช้การสมัครใจ โดยเราจะให้สิทธิการสมัครทั้งหญิง และชาย ทุกเพศ จนถึงอายุ 40 ปี และมีเงินเดือน สวัสดิการต่างๆ เหตุผลคือ เราจะเพิ่มการฝึก และการสร้างความชำนาญ จาก 2 ปี เป็น 5 ปี เดิมนั้นในเวลา 2 ปี จะใช้งานได้เพียง 1 ปีครึ่ง ถ้าหากเปลี่ยนเป็น 5 ปี ก็ไม่จำเป็นต้องเกณฑ์คนจำนวนมาก แต่มีความชำนาญสูง งบประมาณก็จะเหลือที่จะไปเพิ่มเงินเดือนถึงสิบโทกองประจำการ ให้มีทุนการศึกษาเรียนต่อ และมีสวัสดิการให้แก่ครอบครัว รวมถึงการมีกองทุนให้สำหรับที่ออกไปประกอบอาชีพ
ขณะเดียวกันเราก็อยากได้ทหารกองประจำการที่มีขีดความสามารถ และความรู้สูง ที่จะทำหน้าที่ป้องกันประเทศชาติ เกณฑ์ 5 ปี ก็สามารถต่อได้อีก 5 ปี แต่ถ้าใครไม่อยากจะต่อแล้วสามารถขึ้นเป็นทหารกองประจำการปกติ คือ นายทหารประทวน และนายทหารสัญญาบัตรได้ ต่อเนื่องไปเราจะจัดให้มีการสอบทุก 5 ปี และเกษียณที่อายุ 46 ปี ตลอดจนปรับยศได้ถึงพันโท เราต้องการผู้บังคับบัญชาที่เป็นมืออาชีพจริงๆ ที่จะมาทดแทนกำลังทหารที่ต้องอยู่จนเกษียณอายุ พูดง่ายๆ คือ หากเป็นจ่าสิบเอก จากนั้นก็ขึ้นเป็นร้อยโท ร้อยเอก พออายุ 50 ปีก็คงจะวิ่งไม่ไหว และทำการรบได้ยาก เราต้องการคนหนุ่ม คนสาวมาทำการรบ และมีวิธีการคิด
ทั้งนี้เราต้องที่จะป้องกันเหตุครหาที่บอกว่า เป็นทหารแล้วจะถูกละเมิดสิทธิถูกรังแก เราก็จะตั้งกติกาไว้ว่าห้ามละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และห้ามนำทหารไปใช้ในภารกิจอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานทหาร โดยเราจะทำการฝึกรวมกลาง จะไม่ใช่ต่างคนต่างฝึก เราจะให้มีผู้รับผิดชอบอยู่ที่ศูนย์กลาง ที่จะเข้าไปตรวจการฝึกทุกที่ ว่าเกิดเหตุอะไรที่ไหนบ้าง เพื่อเป็นความมั่นใจว่าทหารจะมีความปลอดภัย นอกจากนี้เราจะบังคับให้เกิดการฝึกที่มีประสิทธิภาพ ที่จะดูแลสวัสดิภาพความปลอดภัย บนกติกาที่เป็นสากลให้เป็นเหมือนทหารของต่างประเทศ
“ประเด็นสุดท้ายคือ จะใช้ระยะเวลา 1 ปีในการเปลี่ยนผ่าน โดยช่วงเวลานี้จะมีการทดแทนทหารใหม่ที่จะเข้าไปแทนทหารที่เกณฑ์ไปแล้ว ซึ่งเราจะมีการนิรโทษกรรมให้กับคนที่เคยหนีทหารก่อนที่กฎหมายจะใช้บังคับ และผู้ที่มี สด.43 ก็อาจจะเลิกใช้ เพราะไม่มีความจำเป็นที่จะต้องสมัครงานอีกต่อไปแล้ว เพราะเราจะมีแต่คนที่สมัครใจมาเป็นทหาร นี่คือหลักการใหญ่ๆ ที่เราจะแก้ไขพ.ร.บ.การเกณฑ์ทหาร” พล.ท.พงศกร ระบุ
พล.ท.พงศกร กล่าวว่า ตอนหาเสียงมีพรรคการเมืองหลายพรรคสนับสนุนให้เลิกเกณฑ์ทหารไปในแนวทางเดียวกัน รอบนี้จึงอยากให้พรรคการเมืองที่สนใจนำเสนอร่าง พ.ร.บ. มาประกบด้วยกันได้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือประชาชนต้องช่วยกันรณรงค์ว่า การเปลี่ยนแปลงมาถึงแล้ว การเกณฑ์ การบังคับ ที่ทำให้พ่อแม่พี่น้องน้ำตาตก และการต้องพลัดพรากจากครอบครัวนั้นจะหมดไป ส่วนคนที่อยากจะเป็นทหารอาชีพก็เข้ามาด้วยความเต็มใจ นี่คือสิ่งที่ประเทศชาติควรจะเปลี่ยน
เมื่อถามว่า หากใช้วิธีการเปิดรับโดยความสมัครใจจะมีกำลังพลเพียงพอต่อการป้องกันประเทศหรือไม่ พล.ท.พงศกร กล่าวตอบว่า แต่เดิมเราเกณฑ์ประมาณ 5-6 หมื่นคน สมัครมา 3 หมื่น ปัจจุบันเกณฑ์ประมาณ 1 แสน สมัครมาประมาณ 4-5 หมื่น ความจริงการสมัครใจ ก็ไม่ได้ถือว่าน้อย ประเด็นคือเราจะลดจำนวนคนลงได้อย่างไร ซึ่งคำตอบคือการขยายเวลาให้ทหารมีความชำนาญเชี่ยวชาญมากขึ้น ก็สามารถทดแทนกำลังจำนวนมากได้ และเราจะมีงบประมาณเหลือ ไปใช้ในการเพิ่มขีดความสามารถด้านอาวุธ และด้านการศึกษาได้ ขณะนี้พรรคอนาคตใหม่สามารถรวบรวมรายชื่อได้ครบ และจะนำเสนอต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาและนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาในสภาฯ ต่อไป.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |