ยึดไอซ์1ตัน ยาบ้า5ล.เม็ด


เพิ่มเพื่อน    


    ตำรวจ ปส.แถลงจับกุมยาเสพติด 3 คดี ยึดไอซ์หนักกว่า 1 ตัน ยาบ้า 4 หมื่นเม็ด รวมมูลค่า 360 ล้าน รายหนึ่งดัดแปลงนาฬิกาติดผนังยัดไอซ์ 8 กก. จะส่งไปญี่ปุ่นทางเครื่องบิน แต่เจ้าหน้าที่ตรวจพบก่อน นครพนมจับยาบ้าลักลอบนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน 5 ล้านเม็ด ผู้ต้องหา 5 คน
    เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายนนี้ พล.ต.ท.วิสนุ ปราสาททองโอสถ ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (ผบช.ปส.) พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงผลการจับกุมผู้ค้ายาเสพติด 3 คดี ตรวจยึดของกลางได้ไอซ์น้ำหนักกว่า 1,000 กิโลกรัม และยาบ้า 40,000 เม็ด รวมมูลค่า 360,000,000 บาท
    คดีแรก เมื่อวันที่ 10 พ.ย.62 เจ้าหน้าที่จับกุมนายเกรียงไกร เพชรจันทรังษี อายุ 22 ปี และนายวรชุน แซ่ว่าง อายุ 21 ปี บริเวณแยกเขาทราย อำเภอทับคล้อ จังหวัดพิจิตร ขณะลักลอบขนไอซ์ 1,000 กิโลกรัม บรรจุในถุงชา ซุกซ่อนในกระสอบปุ๋ยสีเหลือง บรรทุกอยู่ท้ายรถยนต์กระบะ ก่อนขยายผลจับกุมผู้ต้องหาสัญชาติเมียนมาพร้อมรถยนต์กระบะที่ใช้นำทางขนยาเสพติดจากพื้นที่ภาคเหนือมายังภาคกลาง โดยผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพว่ารับยาไอซ์จากนายทุน พ่อค้ายาเสพติดจากพื้นที่ภาคเหนือตอนบน เพื่อส่งกระจายต่อในกรุงเทพฯ และปริมณฑล จึงแจ้งข้อหา ร่วมกันกับพวกที่หลบหนีมีไอซ์ หรือเมตแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อนควบคุมตัวทั้ง 3 ผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี
    คดีที่ 2 ตรวจยึดยาไอซ์ น้ำหนัก 8 กิโลกรัม ได้ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง หลังสืบทราบว่าจะมีการลักลอบส่งยาเสพติดทางพัสดุไปต่างประเทศ โดยหนึ่งในสินค้าเฝ้าระวังพบมีปลายทางไปประเทศญี่ปุ่น สำแดงสินค้าฝากส่งเป็นนาฬิกาแขวนผนัง แต่มีน้ำหนักผิดปกติ ตรวจสอบพบบริเวณกรอบนาฬิกาใส่เป็นท่อเหล็กซึ่งถูกดัดแปลงขึ้นเพื่อให้ภายในสามารถบรรจุยาไอซ์ 8 กิโลกรัมได้ ตรวจยึดยาไอซ์ก่อนนำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี
    ส่วนคดีที่ 3 ตำรวจจับกุมนายจักรพงษ์ ฮวดลิ้ม วัย 42 ปี พร้อมพวกรวม 4 คน หลังสืบทราบว่ามีผู้ต้องหาคดียาเสพติดและพ้นโทษไปแล้ว แต่ยังคงติดต่อกับผู้ต้องขังที่อยู่ในเรือนจำในพื้นที่ภาคอีสานและภาคเหนือ พบว่าขบวนการนี้จะซื้อ-ขายยาเสพติดทางสื่อโซเชียล ก่อนจะเดินทางไปรับยาจากประเทศ สปป.ลาว ตำรวจจึงติดตามกลุ่มผู้ต้องหา กระทั่งสามารถจับกุมตัวไว้ได้ในพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พบยาบ้าจำนวน 40,000 เม็ด ไอซ์น้ำหนัก 2 กรัม และกัญชาน้ำหนัก 1 กิโลกรัม
    พล.ต.ท.ชินภัทรกล่าวว่า กลุ่มเครือข่ายค้ายาเสพติดมักอาศัยช่วงเทศกาลต่างๆ ขนยาเสพติดจำนวนมาก จึงได้สั่งการเฝ้าระวังตามเส้นทาง เช่นในครั้งนี้ที่สามารถจับกุมได้ล็อตใหญ่ ซึ่งเป็นเครือข่ายของผู้ต้องหาที่เคยถูกจับกุมก่อนหน้า ซึ่งบางเครือข่ายหยุดไป ขณะเดียวกันก็มีเครือข่ายเกิดใหม่ รวมทั้งคนไทยที่ถูกจับคดียาเสพติดในประเทศญี่ปุ่นหลายราย ซึ่งตำรวจ ปส.มีการประสานประสานพูดคุยความร่วมมือกันกับทางการญี่ปุ่นเมื่อสัปดาห์ก่อน และได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี 
    นครพนม มีรายงานว่า เมื่อคืนวันอังคาร เจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคง ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันวางแผนติดตามจับกุมขบวนการค้ายาเสพติด ยึดของกลางยาบ้าล็อตใหญ่ จำนวนกว่า 5 ล้านเม็ด พร้อมจับกุมขบวนการค้ายาบ้าข้ามชาติได้ทั้งหมด จำนวน 5 ราย
    แผนปฏิบัติการครั้งนี้เกิดขึ้นภายหลังมีรายงานว่าจะมีการลักลอบนำเข้ายาเสพติดมาจากประเทศเพื่อนบ้าน สปป.ลาว จึงวางแผนสกัดกั้นจับกุมได้ขณะขบวนการค้ายาเสพติดได้ลักลอบนำเข้ายาเสพติดมาจากพื้นที่ชายแดน อ.บ้านแพง จ.นครพนม โดยระดมกำลังติดตามรถยนต์ต้องสงสัย จำนวน 2 คัน ถึงพื้นที่ ต.หาดแพง อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม และได้แสดงตัวจับกุมตรวจค้น พบกระสอบปุ๋ย จำนวน 25 กระสอบ ซุกอัดอยู่ตอนหลังของรถยนต์ ผลตรวจสอบเป็นยาบ้า จำนวนกว่า 5 ล้านเม็ด จึงตรวจยึดเป็นของกลาง และควบคุมตัวผู้ต้องหาที่จับได้มาสอบสวน คาดว่าขบวนการค้ายาเสพติดมีการลักลอบลำเลียงเข้ามาพัก เพื่อรอการส่งขายในช่วงส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่
    สถิติการจับกุมยาบ้าในพื้นที่ จ.นครพนม เมื่อช่วงปี 2561 ทางตำรวจชุดสืบสวนปราบปรามยาเสพติดมีการตรวจยึดมากสุดกว่า 5 ล้านเม็ด ต่อมาต้นปี 2562 ทาง นรข.นครพนมมีการตรวจยึดยาบ้าล็อตใหญ่ได้จำนวน 3.7 ล้านเม็ด ครั้งที่ 2 ตรวจยึดได้กว่า 5 แสนเม็ด กระทั่งมาครั้งนี้ตรวจยึดได้อีก จำนวน 5 ล้านเม็ด รวมในรอบ 2 ปี มีการตรวจยึดยาบ้าในพื้นที่ชายแดน จ.นครพนม มากกว่า 15 ล้านเม็ด. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"