ฉวยโอกาสเทศนาในหน้าหนาว


เพิ่มเพื่อน    

      ชักเริ่มเย็นๆ ขึ้นมามั่งแล้ว...ว่ามั้ยทั่น!!! แต่ยังไม่ถึงกับหนาว พอที่จะไปรื้อเอาเสื้อหนาว ออกมาสวม มาใส่ ให้ดูเก๋ ดูเท่ ไปตามความชอบใจ ถูกใจ ของพวกหนุ่มๆ สาวๆ เขาทั้งหลาย เพราะถึงเย็นๆ อยู่บ้างในช่วงเช้าๆ หรือดึกๆ ดื่นๆ แต่ระหว่างเที่ยงๆ บ่ายๆ หรือระหว่างกำลังเริ่มปั่นต้นฉบับไปตามปกติ บางครั้ง บางครา ยังอาจอยากแก้ผ้า โดดลงโอ่ง เพราะมันดันร้อนขึ้นมาซะดื้อๆ...

                                                                 -------------------------------------------------------

      แต่การพอได้เย็นๆ ขึ้นมาบ้าง แม้แต่นี้ดๆ โหน่ยๆ...ก็ต้องถือว่า อาจพอช่วยๆ ให้บรรยากาศต่างๆ  ดูดีขึ้นมาได้บ้างไม่มากก็น้อย คืออาจพอช่วยให้คนประเภท ใจร้อน หรือ หัวร้อน ทั้งหลาย พอได้รู้สึกคลายๆ ลดอาการฉุน ฉิว กริ้ว โกรธ แม้แต่นิดๆ หน่อยๆ ก็ยังดี เพราะอย่างประเภท วัยรุ่นใจร้อน ที่แค่กระทบมือ กระทบตีน กันในร้านอาหารแถวๆ อ่างทอง-อยุธยา เลยต้องยกพวกตีกัน แถมยังตามไปไล่ทุบ ไล่กระทืบ กันถึงโรงพยาบาล ถึงห้องฉุกเฉิน กันซะอีกต่างหาก อันนั้น...ต้องเรียกว่า ชั่งเป็นอะไรที่น่าเกลียด น่าทุเรศ เอามากๆ...

                                                                   -----------------------------------------------------

      แต่อย่างน้อย...ก็ยังน่าจะดีกว่า บรรดาวัยรุ่นในเกาะฮ่องกง ที่โดยอุณหภูมิอากาศ น่าจะเย็นกว่าบ้านเราเยอะเลย แต่ยังมิวาย โหด-เลว-ชั่ว กันถึงขั้น สาดน้ำมันและจุดไฟเผาผู้ซึ่งมีความเห็นแตกต่าง  ผู้ที่ถูกยัดเยียดให้เป็นฝ่ายตรงข้าม จนเป็นอะไรที่ต้องตกตะลึง พรึงเพริด กันไปแทบทั้งโลก คือแทบนึกไม่ถึงว่าอะไรมันจะมองเห็นเพื่อนมนุษย์ เพื่อนร่วมโลก หรือแม้แต่ร่วมแผ่นดินเดียวกัน แถมเป็น คนจีนด้วยกัน กลายเป็นแค่วัตถุ สิ่งของ คล้ายๆ ประเภท เศษขยะ อะไรทำนองนั้น มันเลยคิดจะเผากันสดๆ แสดงออกถึงลักษณะอาการที่ทำให้สิ่งซึ่งตัวเองปรารถนาและต้องการ หรือสิ่งที่ตัวเองเรียกร้อง ไม่ว่าจะเรียกว่า เสรีภาพ หรือ ประชาธิปไตย ก็ตามแต่ ยิ่งกลายเป็นอะไรที่น่าสยดสยอง พองขน ยิ่งขึ้นไปใหญ่...

                                                                    ----------------------------------------------------

      คือกลายเป็นสิ่งที่ไม่ได้มี ปัญญา หรือ คุณธรรม ใดๆ รองรับเอาไว้บ้างเลย...แถมยังแทบไม่หลงเหลือ ความเป็นมนุษย์ เอาไว้อีกต่างหาก มันเลยออกจะ เลยขีดจำกัด เกินกว่าที่ปุถุชนคนธรรมดาจะรับได้ และเป็นสิ่งที่บรรดาพวกที่ หัวร้อน หรือ ใจร้อน ทั้งหลาย พึงต้องเรียนรู้ที่จะหัดระงับ ยับยั้ง เอาไว้บ้าง เพราะการทำอะไรไปตามความปรารถนา ความต้องการ ของตัวเราเอง โดยไม่ได้สนใจอารมณ์ ความรู้สึก ของผู้อื่น อันเป็นพฤติกรรมโดยปกติที่มักจะเกิดขึ้นกับบรรดาคนหนุ่ม คนสาว ทั้งหลาย แบบประเภท วัยรุ่นใจร้อน อะไรทำนองนั้น สุดท้ายแล้ว...มันก็อาจกลายเป็นสิ่งที่ย้อนกลับมา เผาไหม้ ตัวเอง ให้ต้องหมดอนาคต หรือ อนาคตหมด-อนาคตไหม้ เอาง่ายๆ...

                                                                    -----------------------------------------------------

      การคำนึงถึงอารมณ์ ความรู้สึก ของผู้อื่น...ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกที่เข้าท่า-ไม่เข้าท่า ผิดหรือถูก ดีหรือเลว จึงถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องหาทางเรียนรู้ ในการ อยู่ร่วมกันโดยสันติ ภายในสังคมเดียวกัน  และอาจถือเป็น คุณธรรม ชนิดหนึ่ง ที่มีมาก่อนหน้าที่จะเกิดสิ่งที่เรียกว่า ประชาธิปไตย ซะอีกด้วยต่างหาก อีกทั้งยังเป็นสิ่งที่ช่วยให้ เสรีภาพ นั้น ดำเนินไปในทิศทางที่ถูกต้อง คือเสรีภาพที่จะนำมาซึ่งการยังประโยชน์ให้แก่ส่วนรวม ไม่ใช่เสรีภาพแบบชนิด ตัวกู-ของกู หรือเสรีภาพที่ไร้ขอบเขต และด้วยคุณธรรมข้อนี้นี่เอง ที่ถือเป็นตัวช่วยให้ระบอบการเมือง การปกครอง ในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าตั้งแต่ยุค ชุมชนดั้งเดิม จนยุคเป็นเมือง เป็นรัฐ เป็นชาติ เป็นประเทศ และไม่ว่าจะอยู่ในรูปไหน แบบใด ก็ตามที  ย่อมพออยู่รอด ปลอดภัย ได้บ้าง...

                                                                         --------------------------------------------------

      หรือถ้าเรียกตามแบบสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก องค์ปัจจุบัน...คุณธรรมที่ว่านี้ก็คือ ขันติธรรม นั่นเอง หรือสิ่งที่จะช่วยให้เกิดความสะกดกลั้น ต่ออารมณ์ ความรู้สึก อันไม่ถูกใจ ไม่ชอบใจ ทั้งหลาย ที่ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่วูบไหว ไปมา เป็นสิ่งที่ถูก ปรุงแต่ง ขึ้นมาเป็นพักๆ หรือเป็นแค่ มายาภาพ ในช่วงใด ช่วงหนึ่ง เท่านั้นเอง ถ้ารู้จักสะกด รู้จักอดทน อดกลั้น ต่ออารมณ์ความรู้สึกเหล่านี้เอาไว้บ้าง โอกาสที่จะ อยู่ร่วมกันโดยสันติ กับผู้อื่น ที่มีความชอบใจ ถูกใจ ต่างไปจากตัวเราออกไป ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายอนุรักษ์ ฝ่ายก้าวหน้า เสรีนิยม สังคมนิยม พวกหัวเก่า หัวใหม่ ไปจนพวกไพร่  พวกอำมาตย์ ฯลฯ ใดๆ ก็แล้วแต่มันก็น่าพอจะ อยู่ๆ กันไปได้ ไม่ถึงกับต้องไล่เตะ ไล่ถีบ ไล่สาดน้ำมันจุดไฟเผาแบบสดๆ อย่างที่เห็นๆ ในเกาะฮ่องกงทุกวันนี้...

                                                                            -------------------------------------------------

      และด้วย คุณธรรม ชนิดนี้นี่แหละ...ที่จะช่วยให้เกิดการ อยู่-เป็น ของมันไปเองโดยปริยาย คืออยู่แบบไม่ได้เพียงแค่มุ่งแสวงหาความสุข ความสบาย ในโลกอันเป็นเพียง มายาภาพ แต่เพียงเท่านั้น  แต่ยังอยู่เพื่อที่จะนำไปสู่การเรียนรู้ ให้เกิดความเข้าถึง-เข้าใจ ต่อสรรพสิ่งต่างๆ ที่มันหมุนเวียน เปลี่ยนแปร อย่างมิอาจควบคุมได้ หรือที่มันเกิดขึ้น-ตั้งอยู่-และดับไป อย่างเป็น อนิจจัง ซะทั้งสิ้น ไม่ว่ามันจะก่อรูป ก่อร่าง ขึ้นมาในฐานะทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ไปจนแม้แต่ตัวตนของตัวเราเองก็ตามแต่  อันนี้นี่แหละ...ที่ควรหัดเรียนรู้ หรือเริ่มต้นเรียนรู้ให้มากๆ เข้าไว้ ดังนั้น...เอาเป็นว่า อาจด้วยเหตุเพราะอุณหภูมิอากาศช่วงนี้เริ่มเย็นๆ ลงมั่งแล้ว ก็เลยถือโอกาส เทศน์ เอาไว้ ณ ที่นี้...

                                                                              -------------------------------------------------

      ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Jesus Christ...“The world is merely a bridge; ye are to pass  over it, and not to build your dwellings on it. - โลกนี้เป็นเพียงแค่...สะพานข้าม หาใช่ที่พำนักอันคงทน ถาวรไม่...”   

                                                                                -------------------------------------------------- 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"