นวัตกรรมทางการเงินการธนาคารที่พากันนำเสนอทางเลือกใหม่ๆ ให้กับผู้บริโภค ล้วนมุ่งเน้นตอบโจทย์การดำรงชีวิตของคนในยุคดิจิตอล
บัตรใบเดียว กลายเป็นแก้วสารพัดนึก
บางทีแค่มีสมาร์ทโฟนแล้วโหลดแอปพลิเคชันต่างๆ เข้าไป ก็สามารถทำธุรกรรมต่างๆ ได้โดยไม่ต้องออกจากบ้าน
โลกเปลี่ยนชีวิตก็ต้องปรับ!!
ใครก็ตามที่รู้สึกว่าชีวิตมันยากขึ้น เพราะตามไม่ทันเทคโนโลยีแสนล้ำนำหน้า คงจะต้องคิดใหม่ทำใหม่และเริ่มลองเปิดใจเรียนรู้ทีละเล็กทีละน้อย แล้วจะพบว่าการเล่นหรือล้อไปเทคโนโลยีนั้น มันทำให้ชีวิตมันง่ายขึ้นอย่างเหลือเชื่อ..ต่างหาก
กรณีของโครงการชิม-ช้อป-ใช้ คือตัวอย่างที่เห็นเป็นรูปธรรม ของการกดดันโดยอ้อมให้คนที่เคยปฏิเสธเทคโนโลยี จำเป็นต้องเข้าไปเรียนรู้ หากอยากได้เงินที่รัฐสัญญิงสัญญาว่าจะให้ และจนวันนี้ก็เชื่อว่าคนที่ไม่รู้จักบัตรรูดปรื๊ดรูดปร๊าด แล้วสามารถได้ของออกมา หรือได้ชำระค่าเสียหายต่างๆ โดยไม่ต้องมีเงินสดติดกระเป๋าไปนั้น ได้ตระหนักแล้วว่ามันไม่เห็นจะยากเลย!!!
อีกความทันสมัยของเทคโนโลยีเพื่อธุรกรรมทางการเงิน ที่มองข้ามไม่ได้เห็นจะเป็นบัตร Travel Card ของธนาคารกรุงไทย ทั้งๆ ที่ตอนแรกก็ทำบัตรด้วยความสงสัยมากมายว่า มันจะแตกต่างอะไรกันกับบัตรเครดิตที่เราถืออยู่ในมือ และสามารถพาไปท่องเที่ยวได้ทั่วโลกอยู่แล้ว
แม้จะเคยฟังจากปากของ คุณผยง ศรีวณิช เอ็มดีแบงก์กรุงไทย อธิบายวิธีการทำงานของบัตรใบนี้ ว่า "สามารถจะเช็กเรตได้ เช็กเรตที่เราท็อปอัพได้ สลายอัตราแลกเปลี่ยน 100% ถ้าทุกวันนี้ทุกคนใช้บัตรเดบิต หรือบัตรเครดิตซื้อของต่างประเทศ เราจะไม่รู้ว่าเรตที่จะแอพพลายคืออะไร มันต้องรอ แต่เคทีบีเรารู้ตั้งแต่วันที่เราเติมเงินแล้วใช้ได้ทั้งที่อีดีซี ที่มีพินหรือไม่มีพินใช้ได้หมด ถอนเงินออกจากต่างประเทศได้ แทนที่จะต้องถือเงินหลายหมื่น ก็ถือบัตรถอนได้และมีค่าธรรมเนียมน้อยลง และซื้อของออนไลน์ได้ปกติที่พื้นที่ของวีซ่า"
วิธีการซื้อแสนจะง่าย มีเงินอยู่ในบัญชีเซฟวิ่งแล้วจะโอนเข้ามาในตัวบัตรได้ทันทีเรียลไทม์ วันนี้เรตดีท็อปอัพได้ทันที ขายคืนก็ง่ายถ้าอยากได้คืนเป็นเงินบาทก็ขาย เราสามารถขายกลับมาเพื่อกลับมาเข้าบัญชีเงินฝากได้ 24 ชั่วโมง
เชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง ฟังเข้าใจบ้าง งงๆ บ้าง แต่ปรากฏว่าเมื่อลองศึกษาเรียนรู้ และใช้ดู ก็ต้องยอมรับว่าลืมบัตรเครดิตไปได้เลย
ของเล่นใหม่สำหรับเรา แต่อาจจะเก่า (ออกมา 1 ปีแล้ว) ในความรู้สึกของคนที่รู้จักดีแล้ว ต้องยกนิ้วกดไลค์ว่ามันได้ตอบโจทย์ของการท่องเที่ยว การใช้จ่ายต่างๆ เมื่อเดินทางไปต่างประเทศ รวมทั้งการส่งค่าเล่าเรียนให้กับลูกๆ ที่อยู่ในต่างประเทศด้วย
ถือว่าเป็นอินโนเวทีฟ ที่ตัดตอนระบบการแลกเปลี่ยนเงินตราโดยปริยาย เพราะในบัตรใบนี้เราสามารถแลกซื้อเงินตราต่างประเทศด้วยตัวเองบนมือถือ โดยปราศจากค่าธรรมเนียม และเราสามารถเลือกซื้อตามวันเวลาที่เราต้องการตลอด 24 ชั่วโมง
หะแรก..ไม่คิดว่ามันโอเค แต่เมื่อเร็วๆ นี้นำไปใช้ในประเทศยุโรปแล้ว รู้สึกว่า ..ใช่เลย!!!
เพราะเรตราคาแลกเปลี่ยนได้ราคาที่ดีกว่าไปแลกที่เคาน์เตอร์แลกเงินในสนามบินแล้ว สิ่งที่น่าสนใจคือจะทำให้เราสามารถควบคุมงบประมาณการใช้จ่ายของตัวเองได้ เพราะเราแลกไปเท่าไรอยู่ในบัตรทราเวล การ์ด เราก็จะใช้ได้เท่านั้น แตกต่างจากเครดิตการ์ด เรารูดปรื๊ดๆๆ ได้ตามวงเงินก็จริง แต่บางครั้งก็อาจจะบานปลาย และที่สำคัญคือ เวลาสิ้นเดือนมีใบเสร็จมาเรียกเก็บเงินนั้น เราไม่สามารถควบคุมได้ว่า อัตราแลกเปลี่ยนนั้นจะทะยานสูงขึ้นกว่าวันที่เรารูดไปหรือเปล่า..จริงไหม
สรุปว่า อย่ากลัวนวัตกรรมทางการเงินการธนาคารใดๆ เพราะมันจะตามมาอีกเยอะ..แน่นอน.
"ปิยสาร์"
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |