เมื่อวันที่ 10 พ.ย.นายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ในฐานะทนายความของนายพิชัย นริพทะพันธ์ อดีตรมว.พลังงาน ได้เปิดเผยถึงความคืบหน้าในคดี ฝ่าฝืนเงื่อนไข ท้ายคำสั่ง คสช.ที่ 39/2557 ที่ คสช. โดย พ.อ.วิจารณ์ จดแตง เป็นผู้รับมอบอำนาจ เเจ้งความดำเนินคดี กับ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรมว.พลังงาน กรณี เคลื่อนไหวทางการเมือง โดยให้สัมภาษณ์สื่อและแสดงความเห็นทาง facebook ในช่วงปี 2558ว่า เมื่อวันที่ 8 พ.ย.ตนพร้อมคณะทำงาน นายยอดชาย ศีลนำสุข ทนายความ ได้เดินทางไป สน.ดุสิต เข้าพบ ร.ต.อ.ชวะฤทธิ์ จันทร์เกิ้น พนักงานสอบสวนเจ้าของสำนวนเพื่อ หารือชี้แจงข้อกฎหมายกับพนักงานสอบสวน เกี่ยวกับข้อกล่าวหาของนายพิชั เนื่องจากภายหลัง คสช.ได้มีคำสั่ง ที่ 22/2561 (ปลดล็อคทางการเมือง) ให้ประชาชนและการเมืองดำเนินกิจกรรมทางการเมืองได้ ซึ่งยกเลิกคำสั่ง คสช.ที่39/2557 ตามข้อกล่าวหาในคดีนี้แล้ว จึงเป็นกรณีที่บทบัญญัติของกฎหมายที่บัญญัติในภายหลัง ให้การกระทำตามข้อกล่าวหา ไม่เป็นความผิดอีกต่อไปขอให้พนักงานสอบสวนยุติการดำเนินคดี ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนรับทราบและจะสรุปสำนวนเพื่อมีคำสั่งทางคดีต่อไป
นายพิชัย กล่าวว่า การการปิดกั้นความเห็น และพยายามใช้คดีความเพื่อปิดปากผู้วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลด้วยข้อมูลความจริง โดยเฉพาะการวิพากษ์วิจารณ์ทางเศรษฐกิจ จะต้องหมดไปและจะต้องไม่เกิดขึ้นอีก ประเทศที่พัฒนาแล้วและประเทศที่หวังจะพัฒนาจะต้องเปิดกว้างรับฟังความคิดเห็น การที่สภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่อย่างมากในปัจจุบัน แต่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯด้านเศรษฐกิจกลับพยายามบอกประชาชนว่าเศรษฐกิจยังดีสวนทางกับความเป็นจริง จะยิ่งทำให้สถานการณ์แย่ลง เพราะดูเหมือนรัฐบาลจะหลงทางและไม่ยอมรับความจริง ภาวะเศรษฐกิจโลกที่กำลังจะถดถอยจะยิ่งซ้ำเติมเศรษฐกิจไทย แต่นายสมคิด กลับบอกว่าเศรษฐกิจไทยกำลังจะฟื้น ซึ่งสวนกับตรรกะของความเป็นจริงที่เศรษฐกิจไทยต้องพึ่งเศรษฐกิจโลก แต่ 5 ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจโลกดีแต่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์และนายสมคิดกลับไม่สามารถบริหารเศรษฐกิจให้ดีได้ เศรษฐกิจไทยโตต่ำเตี้ยเฉลี่ยเพียงปีละ 3% เท่านั้น พอเศรษฐกิจแย่หนักก็คิดได้แค่แจกเงินเพื่อปิดปากคนยากจน แต่ประเทศไม่ได้พัฒนาขึ้น ขนาดไอเอ็มเอฟยังเตือนไทยเรื่องการแจกเงินสะเปะสะปะแต่ไม่ได้พัฒนาความสามารถในการแข่งขันนี้
พล.อ.ประยุทธ์และนายสมคิดต้องหันกลับมาพิจารณาว่าสาเหตุใดที่การบริหารเศรษฐกิจที่ผ่านมาถึงได้ล้มเหลวอย่างมาก ต่างกับการบริหารเศรษฐกิจอย่างก้าวกระโดดของประเทศเวียดนามอย่างสิ้นเชิง หลายปัจจัยน่าจะมาจากวิสัยทัศน์ของผู้นำ และการยอมรับของประชาคมโลกต่อรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ที่สื่อหลักของโลกยังคงวิจารณ์รัฐบาลในด้านลบมาโดยตลอด ซึ่งหากแก้ไขปัญหาเหล่านี้ไม่ได้ รัฐบาลก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ ประชาชนจำนวนมากที่เชื่อคำพูดของพล.อ.ประยุทธ์และนายสมคิด ที่บอกว่าเศรษฐกิจไทยยังดีมาตลอดหลายปี และไม่ได้เตรียมรับสถานการณ์ที่ย่ำแย่ต่างพากันประสพปัญหาทางเศรษฐกิจกันอย่างมาก ในขณะที่มีหลายคนได้มาขอบคุณตนที่ได้เตือนให้ระวังภาวะเศรษฐกิจที่จะย่ำแย่เลยทำให้สามารถประคองตัวอยู่ได้ในปัจจุบัน
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |