สารจากผู้นำขอโทษสมาชิกของพรรคบอกว่ามีการสื่อสารกับคนในพรรคน้อยไปหน่อย ที่เป็นเช่นนั้นเป็นเพราะตัวของผู้นำและผองเพื่อนต้องเผชิญกับขวากหนามที่คอยทิ่มแทง จนทำให้ไม่มีเวลาที่จะสื่อสารกับคนในพรรค เนื้อหาของสารชัดเจนว่าเหตุการณ์ที่ทำให้คนในพรรคไม่พอใจ หรือน้อยใจนั้น ไม่ได้เกิดจากความคิดหรือทัศนคติของตนเองแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะมีขวากหนาม มาทำให้ต้องเสียเวลาในการต่อสู้กับขวากหนาม จนไม่มีโอกาสได้สื่อสารปฏิสัมพันธ์กับคนในพรรค จึงทำให้ต้องตั้งคำถามว่าอะไรคือขวากหนามที่ผู้นำพูดถึง ถ้าหากอ่านระหว่างบรรทัดก็อาจจะตีความได้ว่า เขามองว่าผู้ที่มีอำนาจในการบริหารบ้านเมืองอยู่ในขณะนี้ใช้อำนาจกับเขาอย่างไม่เหมาะสม หรือถ้าจะพูดตรงๆ ก็คือ เขาถูกกลั่นแกล้ง ถูกทำให้ไม่สามารถทำงานการเมืองได้ตามความมุ่งมั่น เพราะผู้มีอำนาจใช้กฎหมายมาทำให้เขาเดินหน้าในการทำงานการเมืองได้ด้วยความยากลำบาก เขามองว่าผู้มีอำนาจใช้อำนาจกับเขาอย่างไม่เป็นธรรม ทำให้เขาต้องเสียเวลากับการแก้ข้อกล่าวหาจนไม่ได้สื่อสารปฏิสัมพันธ์กับคนในพรรคเท่าที่ควร
แต่หากฟังคนในพรรคที่ลาออกจากพรรคและออกมาพูดแสดงความคิดเห็น เรากลับได้ยินเรื่องของการแบ่งชั้นวรรณะในพรรค การให้ความสำคัญกับคนบางคน กับคนบางกลุ่ม จนคนบางคนรู้สึกไร้ค่า รู้สึกว่าเป็นคนตลาดล่าง หรือบางคนพูดถึงขนาดว่าเป็นขยะ ทั้งนี้เพราะเขาเป็น ส.ส.สอบตก ทั้งๆ ที่คะแนนของพวกเขาที่สอบตกนี่แหละที่ทำให้พวกเขาได้เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ นอกจากนั้นยังมีข้อกล่าวหาอีกด้วยว่าในพรรคไม่มีความเป็นประชาธิปไตย ทั้งนี้เพราะผู้นำมีความเป็นเผด็จการ กำหนดและบงการทุกอย่าง ไม่ฟังเสียงของคนในพรรค เรื่องนี้ไม่ได้มีคนพูดเพียงไม่กี่คน แต่เป็นการพูดของคนหลายคน ในหลายพื้นที่ นอกจากนั้นแล้วเมื่อ ส.ส.ภายในพรรคใช้เอกสิทธิ์ในการลงคะแนนเสียงตามที่รัฐธรรมนูญได้ให้สิทธิ์ไว้ก็ถูกประณาม ถูกสอบสวน ถูกจำกัดบทบาท ถูกกดดัน สิ่งที่เกิดขึ้นดูช่างต่างจากภาพที่หลายคนวาดฝันเอาไว้ จากวาทกรรมในการหาเสียงที่เน้นความเป็นประชาธิปไตยที่ต้องสู้กับเผด็จการและการสืบทอดอำนาจของทหาร ทำให้หลายคนมองว่าสิ่งที่พูดกับการกระทำนั้นเป็นคนละเรื่องกัน
เมื่อพูดถึงขวากหนามที่เขาต้องเผชิญอยู่เวลานี้ ก็อยากจะตั้งคำถามว่า ขวากหนามที่ว่านี้เป็นเหตุการณ์หรือเป็นการกระทำของคนภายนอกที่ทิ่มแทงพวกเขา หรือขวากหนามที่ว่านี้เป็นสิ่งที่งอกมาจากข้างใน พวกเขามีคดีมากมายที่พวกเขาจะต้องหาทางชี้แจงให้หลุดพ้นจากข้อกล่าวหาที่พวกเขามองว่าเป็นการกลั่นแกล้งของผู้มีอำนาจที่กลัวว่าพวกเขาจะเติบโต พวกเขาจะเปลี่ยนแปลงประเทศไทยได้ประสบความสำเร็จ พวกเขาใช้วาทกรรมว่าผู้มีอำนาจในเวลานี้ไม่ต้องการให้ประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลงไปสู่การพัฒนาที่ดีขึ้น แต่หลายคนก็มองว่าความพยายามที่พวกเขาคิดจะเปลี่ยนแปลงประเทศไทยนั้นน่าจะเป็นความเสี่ยงมากกว่าเป็นการพัฒนา เป็นการเปลี่ยนแปลงที่หลายคนไม่สบายใจ
พวกเขาน่าจะทบทวนตัวเองว่าคดีที่พวกเขากลายเป็นผู้ต้องหานั้นเกิดจากการกลั่นแกล้งของผู้มีอำนาจ หรือว่าพวกเขาสร้างปัญหาให้ตนเอง
การเป็นผู้อุปถัมภ์นิตยสารฟ้าเดียวกันด้วยเนื้อหาที่แสดงการต่อต้านสถาบันนั้นเป็นขวากหนามของพวกเขาหรือไม่ ถ้าหากเรื่องนี้จะเป็นคดี มีใครกลั่นแกล้งเขา เพราะมันเป็นการกระทำที่มีความชัดเจนเชิงประจักษ์ว่าเขามีทัศนคติกับระบอบการปกครองของประเทศไทยอย่างไร รวมทั้งคำให้สัมภาษณ์ของเขาใน Portrait ก็ตอกย้ำความคิดและทัศนคติเกี่ยวกับสถาบันของเขา
เรื่องการโอนหุ้น การเป็นเจ้าของสื่อก็เช่นกัน ใครล่ะที่ให้สัมภาษณ์สื่อด้วยความอหังการจนทำให้เรื่องง่ายกลายเป็นเรื่องยาก เรื่องการโอนหุ้นให้ Blind trust ดูแลก็เช่นกัน ก็พูดเองว่าตนเองจะทำตัวเป็นแบบอย่างของนักการเมืองที่มีความโปร่งใสไม่ใช่หรือ แต่แล้วก็ยังไม่มีการโอนตามที่ตนเองได้กล่าวอ้างเอาไว้ มีใครไปขุดคุ้ยอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทุกอย่างปรากฏขึ้นเอง เมื่อเขามีการรายงานทรัพย์สินของตนเองกับ ป.ป.ช.ไม่ใช่หรือ ที่ทำให้คนเห็นว่าเขาเป็นคนโกหก
เรื่องการให้พรรคกู้เงินจนกลายเป็นประเด็นปัญหานั้น มีใครไปขุดไปคุ้ยเรื่องนี้หรือเปล่า ก็ไม่มีนะ แต่เป็นการพูดของเขาเอง และเมื่อมีการรายงานทรัพย์สินกับ ป.ป.ช.ก็พบว่ายอดเงินกู้ที่รายงานกับยอดเงินกู้ที่เคยพูดไว้นั้นไม่ตรงกันอีก เรื่องเช่นนั้นก็ย่อมทำให้มีคนร้องให้มีการตรวจสอบ และต้องมีการตีความว่าพรรคการเมืองกู้เงินได้หรือไม่ จริงๆ แล้ว ถ้าหากเขาไม่พูดออกมาเอง ก็คงไม่มีใครรู้หรอกว่าเขาให้พรรคกู้เงิน และถ้าหากให้กู้ไปแล้วรายงานกับ ป.ป.ช.ให้ตรงกับที่เคยพูดไว้ก็ไม่น่าจะมีปัญหา
เรื่องการพูดหมิ่นศาลว่าตัดสินคดีอดีตนายกรัฐมนตรีภายใต้การครอบงำของการเมือง เพราะเขาพูดว่าเป็นคดีการเมืองที่เกิดขึ้นในยุคที่มีรัฐบาลที่มาจากการทำรัฐประหาร ทำให้ศาลทำงานแบบไม่ free และไม่ fair ถึงขนาดเรียกร้องให้มีการรื้อคดี ผู้พิพากษาจะต้องทำงานอย่างยุติธรรมและมีอิสรภาพ เรื่องทั้งหมดนี้ก็เกิดจากตัวเขาพูดขึ้นมาเองให้เป็นประเด็นทั้งสิ้น
เรื่องการชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้าน มีใครบังคับให้เขาทำ ก็เขาเองไม่ใช่หรือที่ไปเอาต่างชาติเข้ามาวุ่นวายกับการไปรับทราบข้อกล่าวหาของเขาที่โรงพัก ก็เขาเองไม่ใช่หรือที่ไปให้สัมภาษณ์ในต่างประเทศว่าประเทศไทยยังไม่เป็นประชาธิปไตย และขอให้คนอเมริกันมาช่วยทำให้ประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยด้วย แล้วใครไปจ้างบริษัท Lobbyist ฝรั่งสร้างโอกาสให้ตัวเองออกไปพูดแสดงอาการชังชาติ ด่าประเทศตัวเองที่นั่นที่นี่ เมื่อเป็นเช่นนี้ก็น่าจะตอบได้แล้วนะว่าขวากหนามมาจากข้างนอกหรืองอกมาจากข้างใน.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |