ไทยเท่...เที่ยว"แม่ฮ่องสอน" เยือนขุนเขาสัมผัสสายหมอก


เพิ่มเพื่อน    

 

ช่วงฤดูหนาวแบบนี้ ไม่ว่าใครก็ต้องนึกถึงบรรยากาศภูเขาและสายหมอกของจังหวัดแม่ฮ่องสอน เพราะนอกจากจะมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่งดงามแล้ว ยังมีวัดวาอารามที่สวยงาม รวมทั้งวัฒนธรรมเฉพาะตัวของผู้คนซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่ชวนให้เพลิดเพลินและสบายใจ

สัปดาห์นี้ คอลัมน์มองเมือง จึงถือโอกาสนำสถานที่น่าเที่ยวเมืองแม่ฮ่องสอนมาแนะนำสำหรับคนที่อยากไปรับลมหนาว เริ่มต้นกันที่ “ปางอุ๋ง” โครงการสวนป่าในพระราชดำริปางตอง 2 (ปางอุ๋ง) ตั้งอยู่ที่บ้านรวมไทย คำว่า “อุ๋ง” หมายถึง ที่ลุ่มต่ำคล้ายกระทะใบใหญ่ มีน้ำขัง เป็นสถานที่ที่มีทัศนียภาพงดงาม จนได้รับสมญาว่า "สวิตเซอร์แลนด์แดนสามหมอก" มองเห็นทิวสนสองใบ สนสามใบเรียงราย ตลอดแนวอ่างเก็บน้ำอันกว้างใหญ่ และโอบล้อมด้วยขุนเขาที่เขียวขจี

เดิมบริเวณนี้เป็นไร่ฝิ่น ปัจจุบันปลูกพรรณพืช ดอกไม้เมืองหนาวหลากสีสัน และสมุนไพรที่เป็นประโยชน์ในด้านอาหารและแพทย์แผนไทย มีความกลมกลืนกับสภาพภูมิประเทศบนที่สูงและอากาศเย็น และมีบ่อเพาะเลี้ยงสัตว์ประจำถิ่นซึ่งกำลังจะสูญพันธุ์อย่างเขียดแลว

ต่อมา “จุดชมวิวหยุ่นไหล” อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ถือเป็นสถานที่สุดโรแมนติกในยามเช้า สร้างความประทับใจให้กับคู่รัก เพราะมองเห็นทะเลหมอกรูปหัวใจ ถือเป็น 1 ใน 100 สถานที่ที่คนมาบอกรักกัน และเป็น 1 ใน 20 สถานที่ของการขอแต่งงาน หากคู่รักมาที่นี่ ให้เขียนชื่อตนเองและคนรักลงบนป้ายรูปหัวใจเพื่อเป็นพยานรัก แล้วนำไปแขวนบนต้นสนมงคลทั้ง 6 ต้น ซึ่งเลข 6 ในภาษาจีน แปลว่า โชคลาภ หรือความยั่งยืน บนจุดชมวิวหยุ่นไหลยังมีรีสอร์ตบ้านดิน ที่วาดภาพนกกระเรียนคู่ สื่อถึงความรักที่มั่นคงยั่งยืนตลอดไปไว้รองรับคู่รักอีกด้วย

ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอย่าง “กองแลน” ซึ่งมาจากภาษาพื้นเมือง "กอง" หมายถึง ถนนหรือเส้นทางที่ใช้สัญจร ส่วน "แลน" หมายถึง ตัวตะกวด (ตัวเงินตัวทอง) พอมารวมกันเป็น "กองแลน" หมายถึง เส้นทางสัญจรของตะกวด ซึ่งเป็นทางที่แคบและเล็กนั่นเอง การเกิดของกองแลนนั้น ไม่ได้เกิดจากอภินิหารใดๆ แต่เกิดจากการยุบตัวของภูมิประเทศ กลายเป็นรูปร่างของภูเขาหินที่มีลักษณะลดหลั่นกันเป็นส่วนๆ บางส่วนยุบตัวมากกลายเป็นเหวลึก บางส่วนยังเหลือเป็นแนวสันเขาที่เป็นทางแคบๆ พอให้เดินได้ทีละคนเท่านั้น การยุบตัวและแผ่นดินที่ถูกกัดเซาะกินอาณาบริเวณกว่า 5 ไร่ กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ไปเที่ยวได้ทุกฤดูกาล โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวซึ่งเป็นฤดูกาลท่องเที่ยวที่สำคัญของเมืองปาย กองแลนยังเป็นจุดชมวิวที่มีความงดงามของทะเลหมอกยามเช้าได้เป็นอย่างดี

 “ทุ่งบัวตอง” ดอยแม่อูคอ จังหวัดแม่ฮ่องสอน ถือเป็นทุ่งบัวตองแห่งแรกที่เปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยว มีพื้นที่ครอบคลุมบริเวณ ประมาณ 1,000 ไร่ บานสะพรั่งเหลืองอร่ามทั่วภูเขาในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนธันวาคม มีให้ชมปีละหนึ่งครั้งเท่านั้น

 “สะพานซูตองเป้” สะพานแห่งความสำเร็จ เป็นสะพานไม้ไผ่ กว้าง 2 เมตร ยาวประมาณ 600 เมตร สร้างขึ้นด้วยแรงศรัทธาของพระภิกษุ สามเณร และชาวบ้าน โดยไม่ใช้งบประมาณของทางราชการ วัสดุที่ใช้หาได้ในท้องถิ่น เสาจากไม้เก่าของชาวบ้าน ปูพื้นด้วยไม้ไผ่ ทอดยาวจากสวนธรรมภูสมะถึงหมู่บ้านกุงไม้สัก ผ่านลำน้ำแม่สะงา ทุ่งนาของชาวบ้าน เพื่อให้พระภิกษุสามเณรออกรับบิณฑบาต ถือเป็นสะพานไม้แห่งศรัทธา คำว่า “ซูตองเป้” (Su Tong Pe) นั้น เป็นภาษาไทยใหญ่ แปลว่า อธิษฐานสำเร็จ สะพานแห่งนี้จึงเป็นเหมือนตัวแทนแห่งคำอธิษฐานที่ประสบความสำเร็จ

“ถ้ำน้ำลอด” เป็นถ้ำธารน้ำขนาดใหญ่ลึก 2.5 กิโลเมตร เกิดจากลำ "น้ำลาง" เซาะและกัดกร่อนรอยแยกของหินปูน ลอดผ่านภูเขาและทะลุออกอีกด้านหนึ่ง จนเกิดเป็นถ้ำขนาดใหญ่ที่มีหินงอกหินย้อย อีกทั้งยังพบเครื่องมือเครื่องใช้ในสมัยโบราณ ภายในถ้ำน้ำลอดมีความยาวกว่า 500 เมตร กว้าง 20 เมตร สูง 50 เมตร ซึ่งสายน้ำที่กัดเซาะโพรงถ้ำน้ำลอดมาเป็นเวลานาน ก่อเกิดเป็นถ้ำใหญ่ๆ ถึง 3 แห่ง คือ ถ้ำเสาหิน, ถ้ำตุ๊กตา และถ้ำผีแมน ซึ่งถ้ำผีแมนมีความพิเศษกว่าถ้ำอื่นๆ เพราะนอกจากมีหินงอกหินย้อยแล้ว ยังมีเศษเครื่องปั้นดินเผา เครื่องมือเครื่องใช้เหล็กที่เก่าจนขึ้นสนิม เมล็ดพืช กระดูกของมนุษย์ และโลงผีแมน

“พระธาตุดอยกองมู” เป็นวัดที่ประดิษฐานพระธาตุอันเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวเมืองแม่ฮ่องสอน ตั้งอยู่บนภูเขาด้านทิศตะวันตกของตัวเมืองแม่ฮ่องสอน เดิมทีวัดแห่งนี้มีชื่อว่า “วัดปลายดอย” แต่ได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น “วัดพระธาตุดอยกองมู” ในภายหลัง หากใครที่มาแม่ฮ่องสอนแล้วไม่ได้มาไหว้พระธาตุดอยกองมู ถือว่ายังมาไม่ถึงแม่ฮ่องสอน และวัดพระธาตุดอยกองมู ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สามารถมองวิวทิวทัศน์ของตัวเมืองจังหวัดแม่ฮ่องสอนได้โดยรอบอีกด้วย

“วัดจองคำ” อยู่บริเวณสวนสาธารณะหนองจองคำ เป็นวัดเก่าแก่สร้างเมื่อ พ.ศ.2370 โดยช่างฝีมือชาวไทยใหญ่ เป็นศิลปะแบบไทยใหญ่ที่แปลกและงดงามมาก หลังคาวัดเป็นรูปปราสาท เพราะมีคติว่าปราสาทเป็นของสูง ผู้ที่ประทับอยู่ในปราสาทควรจะเป็นพระมหากษัตริย์หรือตัวแทนพระศาสนา ในวิหารประดิษฐานหลวงพ่อโตเป็นพระประธาน มีขนาดหน้าตักกว้าง 4.85 เมตร สร้างเมื่อ พ.ศ.2469 โดยช่างฝีมือชาวพม่า เป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่คล้ายพระศรีศากยมุนี (หลวงพ่อโต) ที่พระวิหารหลวงวัดสุทัศนเทพวรารามฯ เหตุที่เรียกชื่อวัดจองคำ เนื่องจากเสาวัดประดับด้วยทองคำเปลว

“วัดจองกลาง” เป็นวัดพี่วัดน้องกับวัดจองคำ มีพื้นที่ติดกันจนแทบจะเรียกได้ว่าเป็นวัดเดียวกันโดยไม่มีรั้วกั้นอย่างชัดเจน ในวิหารมีแท่นบูชาตั้งพระพุทธสิหิงค์จำลอง ปิดทองเหลืองอร่ามไปทั้งองค์ ภายในวัดมีพิพิธภัณฑ์จัดแสดงตุ๊กตาไม้แกะสลักเป็นรูปคน และสัตว์ ฝีมือแกะสลักช่างชาวพม่า ซึ่งนำมาจากพม่าตั้งแต่ พ.ศ.2400 เปิดให้เข้าชมเวลา 08.00-18.00 น. นอกจากนี้ยังมีภาพจิตรกรรมบนแผ่นกระจกเรื่องพระเวสสันดรชาดกและภาพพุทธประวัติ ตลอดจนภาพแสดงชีวิตความเป็นอยู่ของคนสมัยนั้น หลายภาพมีคำบรรยายใต้ภาพเป็นภาษาพม่า และมีบันทึกบอกไว้ว่าเป็นฝีมือของช่างไทยใหญ่จากมัณฑะเลย์ 

นี่เป็นไฮไลต์ของแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดแม่ฮ่องสอน  สำหรับคนที่อยากเดินทางไปสัมผัสบรรยากาศสวิตเซอร์แลนด์ของเมืองไทย ทั้งนี้ ผู้สนใจสอบถามข้อมูลได้ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานแม่ฮ่องสอน   โทรศัพท์ 0-5361-2982-3 โทรสาร 0-5561-2984 อีเมล [email protected]


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"