นายกฯ ขอบคุณคนไทยเป็นเจ้าภาพที่ดีทำให้การประชุมอาเซียนสำเร็จตามเป้าหมาย แต่ "หมวดเจี๊ยบ" ย้ำให้สอบตกติดเอฟลบลบ ซัดเป็นเพียงวาทกรรมสวยหรู ความสัมพันธ์อาเซียน-สหรัฐตกต่ำที่สุดในรอบเกือบ 10 ปี เรื่อง "จีเอสพี" ยังเจรจาไม่ได้เลย "บิ๊กตู่" เปิดทำเนียบฯ ต้อนรับ "หลี่ เค่อเฉียง" ชื่นมื่น ฝากสุภาษิตไทย “มดน้อยบางครั้งก็ช่วยพญาราชสีห์และพญาคชสารได้” ด้านนายกฯ จีนเปรียบร่วมพายเรือลำเดียวกันถือเป็นพี่น้องกัน
เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้โพสต์เฟซบุ๊ก "ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha" ระบุว่า การประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 35 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ได้เสร็จสิ้นไปแล้วอย่างเรียบร้อยเมื่อวานนี้ ไทยได้ส่งมอบตำแหน่งต่อให้กับประเทศเวียดนาม ขอขอบคุณพี่น้องชาวไทยทุกคนที่ได้ร่วมติดตามข่าวสาร ข้อมูล และร่วมกันเป็นเจ้าภาพที่ดี ขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกคนจากทุกภาคส่วน ข้าราชการ ตำรวจ ทหาร แพทย์ พยาบาล อาสาสมัคร ที่เสียสละ ทำงานอย่างเต็มที่ตั้งแต่ช่วงเตรียมการ ช่วงการประชุม และในช่วงต่อไป ขอบคุณพนักงานและพี่น้องประชาชนตามสถานที่ต่างๆ ที่มีโอกาสได้ต้อนรับ สร้างความประทับใจให้กับแขกของเรา ขอบคุณพิธีกร นักร้อง นักแสดง ทุกท่านที่ทำให้พิธีและงานต่างๆ ผ่านไปด้วยดี สมเกียรติ
"ผมรู้สึกดีใจและชื่นชมที่ได้เห็นความสามารถ ความเสียสละ และความสามัคคีของคนไทยที่ช่วยกันทำให้การประชุมครั้งนี้ประสบความสำเร็จ บรรลุตามเป้าหมาย ช่วยเพิ่มความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทย-อาเซียน และประเทศต่างๆ ซึ่งจะช่วยพัฒนาขีดความสามารถ เพิ่มศักยภาพ และสร้างความเข้มแข็งให้กับประเทศไทยและภูมิภาคของเรา" นายกฯ ระบุ
ด้าน ร.ท.หญิงสุณิสา ทิวากรดำรง รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์อย่าคิดไปเองว่าประสบความสำเร็จ เพราะเบื้องหลังของการประชุมเต็มไปด้วยความโกลาหลและทิ้งร่องรอยความบาดหมางระหว่างหลายประเทศไว้ให้ พล.อ.ประยุทธ์ดูต่างหน้า โดยเฉพาะสหรัฐซึ่งไม่พอใจอย่างมาก ที่ถูกผู้นำ 7 ประเทศอาเซียนประท้วง โดยการส่งแค่รัฐมนตรีต่างประเทศ เข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐ ครั้งที่ 7 ซึ่งสหรัฐระบุว่า คือการไม่ให้เกียรติต่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สะท้อนให้เห็นว่าชาติต่างๆ ในอาเซียนไม่ได้เห็นหัว พล.อ.ประยุทธ์เลย สื่อต่างประเทศตีข่าวไปทั่วโลก ย่อมส่งผลให้ พล.อ.ประยุทธ์ถูกมองว่าไร้น้ำยา จึงไม่สามารถควบคุมการประชุมให้ราบรื่นได้ ประวัติศาสตร์ต้องจารึกว่าความสัมพันธ์ระหว่างอาเซียนกับสหรัฐตกต่ำมากที่สุดในรอบเกือบ 10 ปี ในช่วงที่ พล.อ.ประยุทธ์นั่งเก้าอี้ประธานอาเซียน
นอกจากนี้ก็ยังล้มเหลวในการผลักดันให้ 16 ชาติ คือ 10 ชาติอาเซียน และ 6 ประเทศคู่เจรจา บรรลุความตกลงในการเจรจาจัดทำความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค หรือ RCEP การที่อินเดียไม่ยอมลงนามในแถลงการณ์ร่วมเพียง 1 ชาติ จะทำให้การก่อตั้งเขตการค้าเสรี RCEP ต้องล่าช้าออกไปอีก ดังนั้น รัฐบาลประยุทธ์ไม่ควรตีกินว่าปิดการเจรจาได้สำเร็จ ทั้งๆ ที่ อินเดียยังไม่ยอมรับข้อตกลงหลายประเด็น ซึ่งสะท้อนความล้มเหลวของ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะประธานอาเซียน สมควรต้องให้สอบตก ติด F ลบลบ
ต่อรอง"จีเอสพี"ไม่ได้
"พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวสุนทรพจน์อวยสหรัฐเกินจริง โดยยกยอปอปั้นว่าความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับอาเซียนมีความก้าวหน้าและแนบแน่นยิ่งขึ้น ทั้งๆ ที่หลายฝ่ายมองว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ลดความสำคัญของนโยบายสหรัฐต่ออาเซียนลง ในขณะที่พล.อ.ประยุทธ์ก็ไม่สามารถแสดงบทบาทนำในการสร้างอำนาจต่อรองให้กลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียนได้ สิ่งที่ทิ้งไว้ให้อาเซียนเป็นเพียงการประดิษฐ์วาทกรรมที่สวยหรูเรื่องการพัฒนาและความมั่งคั่งเท่านั้น แม้แต่ผลประโยชน์ของไทยในเรื่องที่โดนสหรัฐตัดจีเอสพีก็ยังไม่สามารถเจรจาต่อรองกับสหรัฐได้เลย ทำให้คนไทยไม่ได้รับประโยชน์" ร.ท.หญิงสุณิสากล่าว
เวลา 10.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้การต้อนรับนายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ โดยจัดพิธีตรวจแถวกองทหารเกียรติยศต้อนรับอย่างสมเกียรติ ก่อนหารือข้อราชการเต็มคณะที่ตึกภักดีบดินทร์ พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรีทั้ง 2 ฝ่าย
ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือข้อราชการเต็มคณะ ผู้นำทั้งสองฝ่ายได้ร่วมกันเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน จำนวน 3 ฉบับ ได้แก่ 1.บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการส่งเสริมความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ วิชาการและนวัตกรรม 2.บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการแลกเปลี่ยนข่าวและข้อมูลข่าวสารระหว่างกรมประชาสัมพันธ์ กับสำนักข่าวซินหัว และ 3.บันทึกความเข้าใจระหว่างบริษัท เอสซีจี จำกัด มหาชน กับศูนย์ความร่วมมือทางนวัตกรรมแห่งสถาบันบัณฑิตฯ
จากนั้นเวลา 11.45 น. เป็นการแถลงข่าวร่วมกันของสองนายกฯ โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ในสภาวะความผันแปรของสภาวะเศรษฐกิจโลก ตนและนายกรัฐมนตรีหลี่ได้หารือกันอย่างกว้างขวาง ทั้งในเรื่องเศรษฐกิจ การเมือง และความมั่นคง วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม และสังคมและวัฒนธรรม ตลอดจนสถานการณ์ในภูมิภาคและในโลก ตนและท่านนายกฯ หลี่เห็นความสำคัญของการส่งเสริมให้เกิดความเชื่อมโยงระหว่างกันมากขึ้น โดยเฉพาะระหว่างยุทธศาสตร์และกรอบความร่วมมือด้านความเชื่อมโยงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแผนแม่บทว่าด้วยความเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียน ค.ศ.2025 (MPAC 2025) และ ACMECS เป็นต้น กับข้อริเริ่ม “หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง” ของจีน ซึ่งก็คล้องกับยุทธศาสตร์ “Connecting the Connectivities” ที่ไทยเสนอ เรายังเห็นพ้องที่จะเชื่อมระหว่างเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ของไทยกับกรอบความร่วมมือเขตอ่าวกวางตุ้ง-มาเก๊า-ฮ่องกง หรือ GBA ของจีนผ่านโครงการความร่วมมือที่เป็นรูปธรรม
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า สองฝ่ายเห็นพ้องที่จะจัดตั้งกลไกหารือระดับสูงระหว่างกันเพื่อขับเคลื่อนเรื่องนี้ ตนได้เชิญชวนให้จีนขยายการลงทุนในไทย ขณะเดียวกัน ก็ได้ฝากให้นายกฯ หลี่ช่วยดูแลภาคเอกชนไทยที่ลงทุนในจีน และดูแลเรื่องสินค้าเกษตร โดยเฉพาะข้าวและยางพารา นอกจากนี้ได้ย้ำความตั้งใจของรัฐบาลไทยที่จะปรับปรุงมาตรฐานการให้ความคุ้มครองและดูแลนักท่องเที่ยว ซึ่งจีนได้แสดงความพร้อมที่จะถ่ายทอดแนวปฏิบัติที่ดีของจีนในเรื่องการขจัดความยากจนให้ไทย พร้อมเห็นพ้องที่จะส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจดิจิทัลและเมืองอัจฉริยะ เพื่อสนับสนุนนโยบายไทยแลนด์ 4.0 และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาหมอกควัน/PM 2.5
มดน้อยช่วยราชสีห์ได้
ด้านนายหลี่ เค่อเฉียง กล่าวว่า พวกเราได้บรรลุการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกัน สร้างความไว้เนื้อเชื่อใจด้านการเมือง โดยจีนพร้อมผลักดันไทยทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นโครงการอีอีซี รวมถึงส่งเสริมความร่วมมือด้านการค้าข้าว อีคอมเมิร์ซ โครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ซึ่งจีนมีศักยภาพในการส่งเสริมการพัฒนาของไทยเป็นอย่างมาก โดยช่วงที่มาเยือนประเทศไทย ได้เห็นเรือพาณิชย์วิ่งอยู่ในแม่น้ำเจ้าพระยาจำนวนมาก ทำให้คิดว่าหากทางการไทย-จีนร่วมมือกัน จะเปรียบเสมือนเป็นเรือใหญ่ วิ่งเร็ว วิ่งไกลอย่างมั่นคง ซึ่งในอนาคตจะต้องวิ่งให้เร็วเหมือนเรือหางยาวอีกด้วย
นายหลี่ เค่อเฉียง กล่าวด้วยว่า ขอแสดงความยินดีกับไทยอีกครั้งที่ประสบความสำเร็จในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 35 เรามั่นใจว่าปีหน้า RCEP จะประกาศข้อตกลงร่วมกันอย่างเป็นทางการ และคิดว่าบอลที่เตะเข้าประตูไปแล้วจะเปิดกว้างไปสู่ทุกประเทศทั่วโลก ซึ่งรวมถึงเรื่องอื่นๆ ด้วย
นายหลี่กล่าวอีกว่า "จีนยังคงแสวงหาความร่วมมือกับไทยต่อไป สร้างมิตรภาพระหว่างกันให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น เราจะเคารพบทบาทการเป็นศูนย์กลางอาเซียนของไทย ซึ่งได้พูดไปตั้งแต่แรกแล้วว่าจีนกับไทยได้ร่วมพายเรือลำเดียวกัน ถือเป็นพี่น้องกัน มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นต่อกัน ต่อไปเราจะมุ่งไปข้างหน้าที่มีอนาคตกว้างไกลรออยู่ โดยอาศัยหลักการที่มีความเสมอภาคต่อกัน เป็นหุ้นส่วนที่ดีต่อกัน" จังหวะนี้ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวตอบรับทันทีว่า “โอเค เราเป็นเรือใหญ่ที่ต้องวิ่งให้เร็วเหมือนเรือหางยาวต่อไป”
ทั้งนี้ ในช่วงท้าย พล.อ.ประยุทธ์ได้ฝากสุภาษิตให้กับนายหลี่ เค่อเฉียง ว่ามดน้อยบางครั้งก็สามารถช่วยพญาราชสีห์และพญาคชสารได้ ซึ่งนี่คือสุภาษิตไทยที่ขอฝากไว้ และอยากฟังสุภาษิตจีนบ้าง ซึ่งนายหลี่กล่าวว่า ตนได้พูดตั้งแต่ต้นแล้วว่าจีนกับไทยได้นั่งเรือลำเดียวกัน ซึ่งทั้งจีนและไทยมีความเหมือนกัน ถ้าดูจากประชากรและสภาพทางการเมือง การต่างประเทศก็ตรงกัน ต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายต่างๆ เราจึงต้องมุ่งไปข้างหน้าเพื่อให้มีอนาคตที่กว้างไกลมากยิ่งขึ้น เราต้องอาศัยหลักการความเสมอภาคต่อกันเอื้อประโยชน์ต่อกัน เป็นหุ้นส่วนที่ดี และมีความเจริญก้าวหน้าด้วยกัน แม่น้ำเจ้าพระยาก็สามารถเชื่อมต่อไปถึงประเทศจีนได้ ซึ่งทั้งสองประเทศก็จะเจริญก้าวหน้าไปด้วยกัน
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ได้กล่าวตอบ “จะเป็นเรือเหล็กหรือเรือหางยาวเราก็จะไปด้วยกัน” ทั้งนี้ บรรยากาศในการแถลงข่าวเป็นไปด้วยความชื่นมื่นเป็นกันเอง มีรอยยิ้มของสองนายกฯ ต่อจากนั้นเป็นงานเลี้ยงอาหารกลางวันเพื่อเป็นเกียรติแก่นายหลี่ เค่อเฉียง ที่ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ก่อนที่จะเดินทางกลับ
ก่อนหน้านั้น ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้เเทนราษฎร พร้อมตัวเเทนจากฝ่ายค้าน รัฐบาล ส.ส.และ ส.ว. ให้การต้อนรับนายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีนด้วย โดยนายชวนนำนายกฯ ทำความเคารพเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมกันนี้ได้ใช้เวลาพูดคุยประมาณ 30 นาที.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |