ศาลพัทยาสั่งตั้งกรรมการสอบเหตุ 3 ผู้ต้องหายาเสพติดพกปืน-มีดแหกศาล "บิ๊กแป๊ะ" เตือนรีบมอบตัวก่อนถูกจับตาย พบแล้วรถกระบะพาหนะคนร้าย จอดทิ้งในนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ ตำรวจตามรวบ "แม็กซ์" กับแฟนสาวผู้ให้การช่วยเหลือ
นายสุริยัณห์ หงษ์วิไล โฆษกศาลยุติธรรม กล่าวเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายนนี้ ถึงกรณี 3 คนร้ายคดียาเสพติดได้ร่วมกันใช้อาวุธปืนและมีดทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจศาลจังหวัดพัทยาแล้วหลบหนีไป ว่า ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดพัทยาจะเซ็นหนังสือคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในทุกประเด็น เพื่อหาสาเหตุความบกพร่องที่เกิดขึ้น ว่าทำไมคนร้ายจึงมีอาวุธปืนและมีดใช้ในการหลบหนีได้ โดยได้รับรายงานว่า เรื่องนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะดำเนินการในส่วนของหน่วยงานตัวเองเช่นกัน สำหรับอาการของ ร.ต.อ.ธนะเมศฐ์ โพธิพันธ์ รอง สว.ป.สภ.สัตหีบ ช่วยราชการศาลจังหวัดพัทยา ซึ่งถูกทำร้ายบาดเจ็บ ขณะนี้ยังอยู่ในห้องไอซียู โดยคนไข้ยังรู้สึกตัวดีอยู่ มีอาการคงที่ ชีพจรปกติ แต่ยังต้องใส่สายระบายเลือดที่ปอด โดยแพทย์จะดูผลเลือดอีกครั้งหนึ่ง ถ้าอาการคงที่ ในช่วงบ่ายก็อาจจะย้ายไปห้องพักฟื้นได้
โฆษกศาลยุติธรรมกล่าวว่า สำหรับนายบาส หรือบาร์ต อาเลน เฮลมัส อายุ 39 ปี และ น.ส.สิรินภา วิเศษฤทธิ์ อายุ 30 ปี เป็นจำเลยในคดีที่พนักงานอัยการจังหวัดพัทยาได้ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 4 ต.ค.ที่ผ่านมา ในความผิดฐานร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน ส่วนนายหน่อย หรือตั้ม นิลเทศ อายุ 41 ปี เป็นจำเลยในคดีมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) และวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2 (ยาเค) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และมีอาวุธปืนเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งคดีทั้งสองสำนวนเป็นคดีที่มีอัตราโทษสูงถึงประหารชีวิต โดยขณะนี้อยู่ระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังดำเนินการติดตามจับกุมคนร้ายอยู่
ขณะที่ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. กล่าวว่า ได้รับรายงานจาก ภ.จว.ชลบุรี ว่าศาลจังหวัดพัทยาได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหาคดีครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่ายทั้ง 3 คน ที่หลบหนีขณะอยู่ในควบคุมของเรือนจำดังกล่าว ในความผิดฐานร่วมกันพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ หรือเพราะเหตุที่จะกระทำ หรือได้กระทำตามหน้าที่ โดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันหลบหนีไประหว่างที่ถูกคุมขังตามอำนาจศาล โดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือโดยขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สามคนขึ้นไป โดยมีหรือใช้อาวุธปืน, ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร, ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุ ในเมือง หมู่บ้านหรือที่ชุมชนโดยไม่มีเหตุอันควร, ร่วมกันพาอาวุธมีดไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร
สำหรับข้อบกพร่องที่เกิดขึ้น ภ.จว.ชลบุรีได้มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้แล้ว ส่วนความคืบหน้าในขณะนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 2, กองกำกับการสืบสวนภูธรจังหวัดชลบุรี พร้อมด้วยชุดสืบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยา ได้ร่วมกันบูรณาการกำลังสืบสวนสอบสวนจนสามารถพิสูจน์ทราบรายละเอียดรถยนต์ที่คนร้ายใช้หลบหนี พร้อมทั้งผู้ต้องสงสัยอีก 5 คนที่คาดว่าร่วมกันวางแผนพาตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 คน หลบหนีจากควบคุมของเจ้าหน้าที่ในครั้งนี้
"พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ฝากเตือนให้ผู้ต้องขังทั้ง 3 รายมามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ พร้อมสั่งการให้เร่งสืบสวนไล่ล่า กดดันและจับกุมผู้ต้องหาและผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาดำเนินตามกฎหมายให้ได้โดยเร็ว เน้นย้ำเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีต้องทำงานกันอย่างระมัดระวังมากที่สุด เนื่องจากคนร้ายมีอาวุธปืนและมีด โดยหากมีการต่อสู้ขัดขืนและประสงค์ถึงชีวิต เจ้าหน้าที่ก็จำเป็นที่จะต้องดำเนินการขั้นเด็ดขาด" พ.ต.อ.กฤษณะกล่าว และว่า หากผู้ใดพบเห็นสามารถแจ้งเบาะแสได้ที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) โทร.1599 หรือ สภ.เมืองพัทยา โทร.0-3842-0804 ตลอด 24 ชั่วโมง
ด้านความเคลื่อนไหวในพื้นที่ พ.ต.อ.ฐนพงศ์ โพธิ์ทิ รรท.ผกก.สภ.เมืองพัทยา เผยว่า หลังก่อเหตุคนร้ายได้ขับรถกระบะมุ่งหน้าผ่านแยกถนนเทพประสิทธิ์ เข้าถนนสาย 2 ไปยังเส้นทางชัยพฤกษ์ เพื่อข้ามไปถนนห้วยใหญ่ ก่อนจะวิ่งไปทางสัตหีบ ไปยังแยกเขาไม้แก้วมุ่งหน้าบ่อวิน ซึ่งเป็นจุดที่กล้องวงจรปิดจับภาพได้ โดยเส้นทางนี้สามารถเดินทางต่อไปยัง จ.ปราจีนบุรี จ.สระแก้ว และ จ.นครราชสีมา เพื่อเดินทางออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านได้ โดยสามารถใช้เส้นทางเชื่อมต่อไปยังด่านในพื้นที่ อ.มะขาม จ.จันทบุรี ซึ่งในขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนติดตามจับกุมผู้ต้องหาอย่างเข้มข้น
มีรายงานต่อมาว่า ตำรวจพบรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ สีบรอนซ์เทา หมายเลขทะเบียน ผข 738 ระยอง พาหนะของคนร้าย ถูกจอดทิ้งไว้ริมถนนในนิคมอุตสาหกรรมโรจนะบ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี โดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของนิคมฯ ให้ข้อมูลว่า มีผู้ชายผิวดำขับรถคันดังกล่าวมาจอดทิ้งไว้ตั้งแต่ 15.00 น. วันที่ 4 พ.ย. และต่อมาเวลา 11.00 น. วันที่ 5 พ.ย. ผู้ชายคนเดิมก็กลับมาที่รถอีกครั้งคล้ายกับมาเปิดรถเอาสิ่งของบางอย่าง ขณะเดียวกันก็มีผู้หญิงรูปร่างอ้วนขี่รถจักรยานยนต์ฮอนด้า เวฟ ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน มารับผู้ชายไป ซึ่งรถก็ยังจอดอยู่ตามเดิม โดยเชื่อว่าเป็นรถต้องสงสัยคล้ายกับที่ผู้ต้องหาใช้หลบหนีตามที่ดูจากข่าว จึงแจ้งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ แต่ว่าชายหญิงที่เห็นรูปร่างหน้าตาไม่เหมือนกับคนร้าย
ล่าสุด ตำรวจได้ติดตามจับกุมผู้ต้องสงสัยช่วยเหลือกลุ่มคนร้ายได้ 2 คน คือนายแม็กซ์ และนางอร แฟนสาว โดยนายแม็กซ์มีหน้าที่นำรถมาทิ้งไว้ในนิคมฯ และนางอรเป็นผู้ขี่รถ จยย.มารับตัว อยู่ระหว่างสอบปากคำ
ที่บ้านเลขที่ 41/1 หมู่ 8 ต.บางรักพัฒนา อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี น.ส.วัสดา นิลเทศ อายุ 42 ปี และนางทองหล่อ นิลเทศ อายุ 63 ปี พี่สาวและแม่ของนายหน่อย หรือตั้ม นิลเทศ ผู้ต้องหาที่หลบหนี เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุนายหน่อยไม่ได้กลับมาบ้าน ซึ่งทุกคนตกใจเมื่อรู้ข่าว ทั้งนี้ ทุกครั้งที่ไปเยี่ยม นายหน่อยจะพูดว่าทนไม่ได้ถ้าต้องคิดคุกอีก แต่ไม่คิดว่าเขาจะทำแบบนี้ ทางบ้านทุกคนทำใจแล้วว่าเขาต้องถูกจับตายแน่นอน อยากให้มามอบตัว โทษหนักจะได้กลายเป็นเบา ทำความดีก็ได้ลดหย่อนโทษ ได้กลับบ้าน.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |