5 พ.ย.62- ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้การต้อนรับ นายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาล โดยจัดพิธีตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ ต้อนรับอย่างสมเกียรติ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างพิธีตรวจแถวทหารกองเกียรติยศ ที่สนามหญ้าด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ปรากฎว่ามีนกนางแอ่นบินวนบนท้องฟ้าบริเวณดังกล่าวจำนวนหนึ่ง ซึ่งคาดว่าเนื่องจากสภาพอากาศที่เย็นลงและเข้าสู่ฤดูหนาว แต่อย่างไรก็ตาม ตามความเชื่อของชาวม้งในตอนใต้ของจีน เชื่อว่านกนางแอ่นเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นมงคล และคู่นกนางแอ่นจะซื่อสัตย์ต่อกันไปจนวันตาย นำมาซึ่งความสุขสู่ชีวิต
ต่อมาเวลา 10.25 น. นายหลี่ เค่อเฉียง ลงนามในสมุดเยี่ยมของรัฐบาลและชมของที่ระลึกที่ทั้งสองฝ่ายมอบให้แก่กัน ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า จากนั้นเป็นการหารือข้อราชการเต็มคณะ ที่ตึกภักดีบดินทร์ พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรี โดยฝ่ายไทยประกอบด้วย นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์และนวัตกรรม นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และนายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์
สำหรับคณะรัฐมนตรีฝ่ายจีน ประกอบด้วย นายเซียว เจี๋ย มนตรีแห่งรัฐและเลขาธิการคณะรัฐมนตรี นายหลิว คุน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายจาง หย่ง รองประธานคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติ นายเล่อ ยู่เฉิง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายหลี่ว เจี้ยน เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย และนายหยู เจี้ยนหัว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์และรองผู้แทนการค้าระหว่างประเทศ
ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือข้อราชการเต็มคณะ ผู้นำทั้งสองฝ่ายได้ร่วมกันเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน จำนวน 3 ฉบับ ได้แก่ 1.บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการส่งเสริมความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ วิชาการและนวัตกรรม 2.บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการแลกเปลี่ยนข่าวและข้อมูลข่าวสารระหว่างกรมประชาสัมพันธ์ กับสำนักข่าวซินหัว และ 3.บันทึกความเข้าใจระหว่างบริษัท เอสซีจี จำกัด มหาชน กับศูนย์ความร่วมมือทางนวัตกรรมแห่งสถาบันบันฑิต
จากนั้นเวลา 11.45 น. ที่ตึกสันติไมตรี (หลังใน) เป็นการแถลงข่าวร่วมกันของสองนายกฯ โดย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในนามของรัฐบาลไทยและประชาชนชาวไทย ตนรู้สึกยินดีและเป็นเกียรติที่ได้ต้อนรับ นายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง ในการเยือนไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาล ซึ่งเป็นการเยือนที่เกิดขึ้นในปีที่มีความสำคัญ เป็นปีที่ไทยได้จัดพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 มีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้ง รวมถึงเป็นประธานอาเซียน ขณะที่จีนก็เฉลิมฉลองการครบรอบ 70 ปีแห่งการก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีนเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ที่ผ่านมา
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในสภาวะความผันแปรของสภาวะเศรษฐกิจโลก ตนและนายกรัฐมนตรีหลี่ได้หารือกันอย่างกว้างขวางทั้งในเรื่องเศรษฐกิจ การเมืองและความมั่นคง วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม และสังคมและวัฒนธรรม ตลอดจนสถานการณ์ในภูมิภาคและในโลก ตนและท่านนายกรัฐมนตรีหลี่เห็นความสำคัญของการส่งเสริมให้เกิดความเชื่อมโยงระหว่างกันมากขึ้น โดยเฉพาะระหว่างยุทธศาสตร์และกรอบความร่วมมือด้านความเชื่อมโยงต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นแผนแม่บทว่าด้วยความเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียน ค.ศ. 2025 (MPAC 2025) และ ACMECS เป็นต้น กับข้อริเริ่ม “หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง” ของจีน ซึ่งก็คล้องกับยุทธศาสตร์ “Connecting the Connectivities” ที่ไทยเสนอ เรายังเห็นพ้องที่จะเชื่อมระหว่างเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ของไทยกับกรอบความร่วมมือเขตอ่าวกวางตุ้ง –มาเก๊า – ฮ่องกง หรือ GBA ของจีนผ่านโครงการความร่วมมือที่เป็นรูปธรรม
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า สองฝ่ายเห็นพ้องที่จะจัดตั้งกลไกหารือระดับสูงระหว่างกันเพื่อขับเคลื่อนเรื่องนี้ ตนได้เชิญชวนให้จีนขยายการลงทุนในไทย ขณะเดียวกัน ก็ได้ฝากให้นายกรัฐมนตรีหลี่ช่วยดูแลภาคเอกชนไทยที่ลงทุนในจีน และดูแลเรื่องสินค้าเกษตร โดยเฉพาะข้าวและยางพารา นอกจากนี้ได้ย้ำความตั้งใจของรัฐบาลไทยที่จะปรับปรุงมาตรฐานการให้ความคุ้มครองและดูแลนักท่องเที่ยว ซึ่งจีนได้แสดงความพร้อมที่จะถ่ายทอดแนวปฏิบัติที่ดีของจีนในเรื่องการขจัดความยากจนให้ไทย พร้อมเห็นพ้องที่จะส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจดิจิทัลและเมืองอัจฉริยะ เพื่อสนับสนุนนโยบายไทยแลนด์ 4.0 และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาหมอกควัน/PM 2.5
นายกฯ กล่าวอีกว่า ส่วนในด้านการเมืองและความมั่นคง เห็นพ้องกันให้ส่งเสริมความร่วมมือด้านการต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ และจะสนับสนุนการดำเนินความร่วมมือด้านการบังคับใช้กฎหมาย การเยือนไทยของท่านนายกรัฐมนตรีหลี่ฯ และการลงนามความตกลงต่าง ๆ ระหว่างทั้งสองฝ่ายเมื่อสักครู่ สะท้อนถึงพัฒนาการของความเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์อย่างรอบด้านระหว่างไทย - จีน ที่จะเป็นประโยชน์ต่อการสร้างความเจริญรุ่งเรืองของทั้งสองประเทศ ประชาชนและภูมิภาคโดยรวม
ด้าน นายหลี่ เค่อเฉียง กล่าวว่า ขอบคุณที่ทางการไทยให้การต้อนรับอย่างมีน้ำใจ ซึ่งวันนี้ได้หารือกันหลายประเด็นจนประสบความสำเร็จตามที่นายกรัฐมนตรีไทยได้แจ้งให้ทุกคนทราบแล้ว พวกเราได้บรรลุการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกัน สร้างความไว้เนื้อเชื่อใจด้านการเมือง โดยจีนพร้อมผลักดันไทยทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นโครงการอีอีซี รวมถึงส่งเสริมเสริมความร่วมมือด้านการค้าข้าว อีคอมเมิร์ซ โครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ซึ่งจีนมีศักยภาพในการส่งเสริมการพัฒนาของไทยเป็นอย่างมาก โดยช่วงที่มาเยือนประเทศไทย ได้เห็นเรือพาณิชย์วิ่งอยู่ในแม่น้ำเจ้าพระยาจำนวนมาก ทำให้คิดว่าหากทางการไทย-จีน ร่วมมือกัน จะเปรียบเสมือนเป็นเรือใหญ่ วิ่งเร็ว วิ่งไกลอย่างมั่นคง ซึ่งในอนาคตจะต้องวิ่งให้เร็วเหมือนเรือหางยาวอีกด้วย
นายหลี่ เค่อเฉียง กล่าวอีกว่า ขอแสดงความยินดีกับไทยอีกครั้งที่ประสบความสำเร็จในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 35 ขณะที่วานนี้ได้มีการประชุมผู้นำ 15 ประเทศผ่านเวทีอาร์เซ็ปต์ (RCEP) และได้บรรลุข้อตกลงร่วมกัน จะเห็นได้ว่าในภูมิภาคนี้ เรามีประชากรมากที่สุด มีศักยภาพในการพัฒนามากที่สุด และมีความพร้อมในการสร้างเขตการค้าเสรีในภูมิภาคเอเชียตะวันออก ภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจโลกชะลอตัว แต่เราจะร่วมมือกันในการรักษาความมั่นคงเพื่อพัฒนาภูมิภาค เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนต่อไป ซึ่งการแสวงหาความร่วมมือในเวที RCEP ต้องใช้ความขยันหมั่นเพียรและอดทน การเจรจาระหว่างกันก็เหมือนการเตะบอลเข้าประตู ซึ่งขณะนี้บอลกำลังจะเข้าประตูแล้ว ตัวเองจึงได้ย้ำกับพล.อ.ประยุทธ์ไปว่า เราต้องใช้ความพยายามต่อไป ต้องผลักดันให้ลูกบอลตกลงสู่พื้น เพื่อเข้าประตูไปในเร็ววัน และเรามั่นใจว่าปีหน้า RCEP จะประกาศข้อตกลงร่วมกันอย่างเป็นทางการ และคิดว่าบอลที่เตะเข้าประตูไปแล้วจะเปิดกว้างไปสู่ทุกประเทศทั่วโลก ซึ่งรวมถึงเรื่องอื่นๆด้วย
นายหลี่ เค่อเฉียง ยังกล่าวด้วยว่า จีนยังคงแสวงหาความร่วมมือกับไทยต่อไป สร้างมิตรภาพระหว่างกันให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น เราจะเคารพบทบาทการเป็นศูนย์กลางอาเซียนของไทย ซึ่งได้พูดไปตั้งแต่แรกแล้วว่า จีนกับไทยได้ร่วมพายเรือลำเดียวกัน ถือเป็นพี่น้องกัน มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นต่อกัน ต่อไปเราจะมุ่งไปข้างหน้าที่มีอนาคตกว้างไกลรออยู่ โดยอาศัยหลักการที่มีความเสมอภาคต่อกัน เป็นหุ้นส่วนที่ดีต่อกัน จังหวะนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอบรับทันทีว่า “โอเค เราเป็นเรือใหญ่ที่ต้องวิ่งให้เร็วเหมือนเรือหางยาวต่อไป”
ทั้งนี้ในช่วงท้าย พล.อ.ประยุทธ์ได้ฝากสุภาษิตให้กับ นายหลี่ เค่อเฉียง ว่า มดน้อยบางครั้งก็สามารถช่วยพญาราชสีห์และพญาคชสารได้ ซึ่งนี่คือสุภาษิตไทยที่ขอฝากไว้ และอยากฟังสุภาษิตจีนบ้าง ซึ่งนายหลี่ เค่อเฉียง กล่าวว่า ตนได้พูดตั้งแต่ต้นแล้วว่าจีนกับไทยได้นั่งเรือลำเดียวกัน ซึ่งทั้งจีนและไทยมีความเหมือนกัน ถ้าดูจากประชากรและสภาพทางการเมือง การต่างประเทศก็ตรงกัน ต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายต่างๆ เราจึงต้องมุ่งไปข้างหน้าเพื่อให้มีอนาคตที่กว้างไกลมากยิ่งขึ้น เราต้องอาศัยหลักการความเสมอภาคต่อกันเอื้อประโยชน์ต่อกัน เป็นหุ้นส่วนที่ดี และมีความเจริญก้าวหน้าด้วยกัน แม่น้ำเจ้าพระยาก็สามารถเชื่อมต่อไปถึงประเทศจีนได้ ซึ่งทั้งสองประเทศก็จะเจริญก้าวหน้าไปด้วยกัน
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวตอบ “จะเป็นเรือเหล็กหรือเรือหางยาวเราก็จะไปด้วยกัน” ทั้งนี้บรรยากาศในการแถลงข่าวเป็นไปด้วยความชื่นมื่น เป็นกันเอง มีรอยยิ้มของสองนายกฯ ต่อจากนั้นเป็นงานเลี้ยงอาหารกลางวันเพื่อเป็นเกียรติแก่ นายหลี่ เค่อเฉียง ที่ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ก่อนที่นายหลี่ เค่อเฉียง และคณะจะเดินทางกลับ.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |