วันนี้การประท้วงระเบิดขึ้นในหลายเมืองพร้อมๆ กันในหลายมุมโลก...เจาะลึกแล้วมีสาเหตุไม่ต่างกันมาก นั่นคือความไม่เชื่อว่านักการเมืองและผู้นำประเทศในระบบเก่าจะแก้ปัญหาที่เรื้อรัง โดยเฉพาะปัญหาความเหลื่อมล้ำของสังคมได้เลย
คนรุ่นใหม่และชนชั้นกลางกำลังต้องการ "ความเปลี่ยนแปลง" ในสาระ มิใช่เพียงแค่รูปแบบ
การประท้วงดุเดือดและรุนแรงเกิดขึ้นที่ฮ่องกง, บาร์เซโลนาของสเปน, เบรุตของเลบานอน และซานติอาโกของชิลี
นั่นแปลว่าความไม่พอใจเกิดขึ้นทั้งในทวีปเอเชีย, ยุโรป, ตะวันออกกลางและอเมริกาใต้พร้อมๆ กัน...ด้วยรากของปัญหาที่ไม่แตกต่างกัน
ปัญหาของฮ่องกงคือความระแวงของคนรุ่นใหม่ต่อจีนที่กำลังต้องการจะเข้ามาครอบงำวิถีชีวิตที่กระทบต่อเสรีภาพทางการเมืองมากขึ้น...แต่ลึกๆ แล้วคือปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคมที่ฝังลึกมายาวนาน
พอมีเรื่องร่างกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนมาเป็นตัวจุดประกาย การต่อต้านก็ขยายวงไปถึงเรื่องสิทธิเสรีภาพทางการเมืองจนลามไปถึงเรื่องสิทธิการเลือกตั้งอย่างเสรี
แต่หัวใจของปัญหาอยู่ที่คนรุ่นใหม่มองไม่เห็นอนาคตตัวเอง หากระบบการเมืองและเศรษฐกิจยังไม่เปลี่ยนแปลงอย่างจริงจัง
ที่บาร์เซโลนา การประท้วงเกิดขึ้นหลังจากศาลตัดสินจำคุกแกนนำการแยกดินแดน Catalonia ออกจากสเปน 9 คน
สาเหตุจริงๆ ก็คือความรู้สึกไม่เท่าเทียมระหว่างชาว Catalan กับสเปนที่ถูกมองว่าใช้อำนาจทางการเมืองมาปล้นทรัพยากรธรรมชาติของเขา และคนรุ่นใหม่ต้องการชีวิตที่กำหนดชะตากรรมของตนเองมากกว่าที่จะรับคำสั่งจากรัฐบาลกลางที่มาดริด
อีกจุดหนึ่งที่ประท้วงหนักหน่วงคือที่เลบานอน เริ่มด้วยรัฐบาลดำริจะเก็บภาษีคนใช้ app Whatsapp จนเกิดการชุมนุมใหญ่ที่ได้รับการกระตุ้นจากความไม่พอใจของประชาชนซึ่งกำลังเผชิญกับวิกฤติทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรงอยู่แล้ว
ความไม่พอใจของคนเลบานอนหลักคือ การที่นักการเมืองกลุ่มเก่าๆ ยังผูกขาดอำนาจการบริหารประเทศโดยไม่มีสัญญาณว่าจะมีความเปลี่ยนแปลงไปสู่ระบบการเมืองที่จะเปิดกว้างสำหรับคนรุ่นใหม่เลย
คอร์รัปชันเป็นปัญหาที่หยั่งรากลึก และประชาชนตกอยู่ในสภาพแร้นแค้น ขณะที่ผู้มีอำนาจเสวยสุขกับอำนาจที่ทำให้ความมั่งคั่งกระจุกอยู่ในกลุ่มคนไม่กี่กลุ่มเท่านั้น
คนที่นั่นเรียกการประท้วงครั้งนี้ว่า WhatsApp Revolution หรือ "การปฏิวัติ Whatsapp" ที่ชิลีมีการประกาศภาวะฉุกเฉิน และทหารถูกส่งไปรักษาความสงบเรียบร้อยทั่วเมืองหลวงซานติอาโกเป็นครั้งแรกตั้งแต่ยุคเผด็จการทหารออกัสโต พิโนเชที่ปกครองประเทศตั้งแต่ปี 1973 ถึง 1990
ปัญหาใหญ่ของชิลีคือ ความเหลื่อมล้ำทางด้านการศึกษา, การรักษาพยาบาลและสวัสดิการสังคม และเมื่อรัฐบาลประกาศจะขึ้นราคาโดยสารของขนส่งมวลชนก็เท่ากับเป็นการผลักให้ผู้คนที่มีความไม่พอใจอยู่แล้วลงถนนเป็นจำนวนมาก
พอจะเห็นว่าปัญหาร่วมของผู้ประท้วงทั้ง 4 จุดรอบโลกขณะนี้คือ ความอึดอัดขัดข้องของชนชั้นกลางและชั้นล่างที่มองไม่เห็นโอกาสที่ตนจะสามารถหลุดจากกับดักความยากจน และความคับข้องใจอันเกิดจากความเหลื่อมล้ำ, ขาดความเป็นธรรมในสังคม
และความรู้สึกร่วมของผู้ออกมาชุมนุมทั้ง 4 เมืองที่เห็นได้ชัดเจนก็คือ...คนรุ่นใหม่มองไม่เห็นอนาคตของตัวเอง และไร้ความหวังว่าพวกตนจะสามารถกำหนดอนาคตของตัวเองได้!
ที่น่าเป็นห่วงก็คือ การชุมนุมเรียกร้องสิทธิเสรีภาพและการแก้ไขปัญหาที่หยั่งรากลึกมายาวนานของประเทศต่างๆ เหล่านี้ล้วนมาพร้อมกับความรุนแรงทั้งจากผู้ประท้วงและผู้รักษากฎหมาย
การเรียกร้องใดๆ ควรจะต้องทำอย่างสันติและเคารพในกฎหมาย...ของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |