วานนี้ "ลุงตู่" อวยพรปีใหม่คนไทยทั้งประเทศ
"อยากให้ทุกอย่างในปีหน้าเป็นปีแห่งความสำเร็จ เป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลง เป็นปีแห่งการเตรียมการไปสู่ประชาธิปไตยที่มีธรรมาภิบาล"
เป็นคำอวยพรที่ประเสริฐครับ...ถ้า...มันสามารถเกิดได้จริง
ระหว่างทางตั้งแต่ต้นยันปลายปีหน้า จะยังมีเรื่องราวเกิดขึ้นอีกมากมาย
แต่อย่าให้เป็นการบ่มเพาะความไม่พอใจ เพราะจะไม่มีประโยชน์อะไรเลย
นอกจากเสียเวลาเปล่า!
ปีหน้าจะเป็นปีแห่งความสำเร็จได้อย่างไร?
จะไปสู่ประชาธิปไตยที่มีธรรมาภิบาลได้จริงหรือ?
นั่นก็ต้องย้อนกลับมาที่ปัจจุบันว่า เรากำลังทำอะไรกันอยู่
ประเด็น ม.๔๔ ปลดล็อกพรรคการเมืองเป็นขยัก "ลุงตู่" อธิบายว่าเพื่อความเป็นธรรม เท่าเทียม ระหว่างพรรคเก่า พรรคใหม่ พรรคเล็ก พรรคใหญ่
"อย่าไปอะไรกันนักเลย ผมจะพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้เดินหน้าไปได้ และทุกอย่างจะเป็นไปตามโรดแมปนั่นแหละ”"
แล้วทำไมพรรคการเมือง โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ ถึงได้มองว่ามีความพยายามรีเซตพรรคการเมือง
และท้ายที่สุดแล้วประชาชนจะได้ประโยชน์อะไรจากเรื่องนี้บ้าง
เดิมทีกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง บัญญัติให้สมาชิกพรรคการเมือง ที่จัดตั้งตามรัฐธรรมนูญปี ๒๕๕๐ ซึ่งก็คือพรรคเก่าทั้งหมด เสียค่าบำรุงพรรคไม่น้อยกว่า ๕ พันคนภายใน ๑ ปีนับแต่กฎหมายประกาศใช้
และไม่น้อยกว่า ๑ หมื่นคนภายใน ๔ ปีภายใต้เงื่อนไขเดียวกัน
แต่ ม.๔๔ ให้ไปจัดการให้เรียบร้อยภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๑
ก็ไม่แปลกที่พรรคประชาธิปัตย์มองว่าเป็นการรีเซตพรรคการเมือง
สมาชิกพรรคที่มีอยู่เกือบ ๓ ล้านคน อาจกลับมาเสียค่าบำรุงแค่หลักหมื่นคนเท่านั้น และคงมีเพียงพวกประชาธิปัตย์ฮาร์ดคอร์เท่านั้น เพราะพรรคยังจัดกิจกรรมทางการเมืองไม่ได้
"พี่มาร์ค" ถึงได้เกรี้ยวกราดเป็นพิเศษ
เพราะเลือกตั้งคราวหน้า พรรคประชาธิปัตย์อาจเล็กลง.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |