คะแนนนิยม'เสี่ยหนู'ขี่นายกฯ 


เพิ่มเพื่อน    

    กรุงเทพโพลล์สำรวจความนิยมรัฐมนตรี "อนุทิน" แซง "บิ๊กตู่" เท่าตัว ขณะที่ฝ่ายค้านขังขึงซักฟอก "สุทิน" ฟุ้งมีข้อมูลเด็ดถึงกับช็อกแน่ หวังมือนอกสภาล้มรัฐบาล คุยการอภิปรายในสภาจะเป็นแค่การเปิดแผล แต่แผลจะมาเน่าข้างนอกสภาจนติดเชื้อ "เจ๊หน่อย" ตีปี๊บปีหน้าตกงาน 5 แสนคน
    กรุงเทพโพลล์ โดยศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ดำเนินการสำรวจความคิดเห็นประชาชนเรื่อง “รัฐมนตรีผลงานโดดเด่นไตรมาสแรก ในสายตาประชาชน” โดยเก็บข้อมูลกับประชาชนจากทุกภูมิภาคทั่วประเทศ จำนวน 1,199 คน พบว่า โครงการหรือผลงานที่ประชาชนชื่นชอบมากที่สุดในไตรมาสแรกของการบริหารงานรัฐบาลคือชิมช้อปใช้ เฟส 1 และเฟส 2 คิดเป็นร้อยละ 31.5 รองลงมาคือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ คิดเป็นร้อยละ 30.7, กัญชาเพื่อการแพทย์ คิดเป็นร้อยละ 28.4, ยกระดับ อสม.หมอประจำบ้าน คิดเป็นร้อยละ 28.1 และรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน คิดเป็นร้อยละ 25.9
    สำหรับรัฐมนตรีที่มีผลงานเด่นชัดเป็นที่ชื่นชอบมากที่สุดคือ นายอนุทิน ชาญวีรกูล (รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กระทรวงสาธารณสุข) คิดเป็นร้อยละ 43.6 รองลงมาคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรีและ รมว.กระทรวงกลาโหม) คิดเป็นร้อยละ 25.4, นายอุตตม สาวนายน (รมว.กระทรวงการคลัง) คิดเป็นร้อยละ 19.6, นายจุรินทร์  ลักษณวิศิษฏ์ (รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กระทรวงพาณิชย์) คิดเป็นร้อยละ 17.5 และ น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ (รมช.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์) คิดเป็นร้อยละ 15.3
    นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่ปรึกษาคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงกรณีพรรคร่วมฝ่ายค้านขู่เตรียมยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า คงต้องรอให้ฝ่ายค้านยื่นก่อนดีกว่า เพราะขณะนี้ยังไม่รู้ฝ่ายค้านจะยื่นจริงหรือเปล่า อาจไม่ยื่นก็ได้ แต่หากยื่นจริง เรื่องของเวลาอภิปรายต้องไปตกลงกัน เพราะอย่างการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 63 ตอนแรกบอก 2 วัน ตอนหลังเป็น 3 วัน 
    เขากล่าวว่า เป็นเรื่องที่ฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน รวมถึงคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทั้ง 3 ฝ่ายตกลงกัน ถึงเวลาที่เหมาะสม และต้องดูว่าฝ่ายค้านจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจใครบ้าง เพราะขณะนี้ยังไม่ทราบว่าจะอภิปรายทั้งคณะหรือเป็นรายบุคคล ต้องรอดูความชัดเจนของฝ่ายค้านยื่นก่อนถึงจะกำหนดเวลาที่เหมาะสมได้
เหน็บ"ธนาธร"หมดเวลาไปกับคดี
    ด้านนายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า เท่าที่ทราบพรรคร่วมฝ่ายค้านยังไม่ได้กำหนดชัดเจนว่าจะอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่ จะรอดูข้อมูลอย่างรอบคอบก่อน ทั้งนี้ ต้องชื่นชมการทำงานของพรรคร่วมฝ่ายค้านภายใต้การนำของนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ ที่ทำงานอย่างสร้างสรรค์ เป็นฝ่ายค้านยุคใหม่ 
    "แม้ว่าการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจจะสามารถยื่นได้ปีละ 1 ครั้ง แต่พรรคร่วมฝ่ายค้านคงต้องดูข้อมูลด้วยว่ามีน้ำหนักหรือหลักฐานเพียงพอที่จะสามารถยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจได้หรือไม่ เพราะหากข้อมูลไม่เพียงพอ และไม่เกิดประโยชน์กับพี่น้องประชาชน สู้ไม่ยื่นอภิปรายเสียยังดีกว่า"
    นายธนกรกล่าวอีกว่า 7 พรรคร่วมฝ่ายค้านจะมีการประชุมหารือกันในวันที่ 5 พ.ย.นั้น หากพรรคร่วมฝ่ายค้านมีมติที่จะยื่นขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ ก็พร้อมที่จะชี้แจงในทุกเรื่อง เพราะมั่นใจว่าที่ผ่านมารัฐบาลบริหารงานด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ยึดประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเป็นหลัก ดังนั้นจึงนึกไม่ออกว่าฝ่ายค้านจะอภิปรายเรื่องอะไร เพราะจากที่ติดตามข่าวนั้น ตนมองว่าประเด็นยังไม่ถึงขั้นที่จะอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ ที่สำคัญรัฐบาลเพิ่งเข้ามาบริหารงานได้ไม่กี่เดือน อีกทั้งร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 2563 ก็เพิ่งผ่านวาระแรก 
    "แกนนำหลักอย่างพรรคอนาคตใหม่ก็คงไม่ค่อยพร้อม เพราะต้องเอาเวลาไปแก้ปัญหาความขัดแย้งภายในพรรคกรณีที่อดีตผู้สมัคร ส.ส.ลาออกจำนวนมาก รวมทั้งนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่เองก็ต้องเอาเวลาไปแก้ต่างในคดีต่างๆ อีกด้วย" รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐกล่าว
    คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการเตรียมอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ที่แกนนำพรรคเพื่อไทยจะมีการหารือกันว่า จะพิจารณาโดยยึดสาระเป็นหลัก โดยเฉพาะพฤติกรรมหรือการดำเนินการที่ก่อให้เกิดความเสียหาย ทั้งแง่ความล้มเหลวในการแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจ การคอร์รัปชันเชิงนโยบายเพื่อเอื้อกลุ่มทุนขนาดใหญ่ และเรื่องการทุจริตคอร์รัปชันโครงการต่างๆ ที่ส่งผลเสียหายต่อประเทศ ส่วนจะอภิปรายเป็นรายบุคคลหรือทั้งคณะนั้น จะต้องพิจารณาอีกครั้งว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว หรือนายกฯ และรัฐมนตรีรายบุคคล หรือจะทั้งคณะ
ตีปี๊บตกงานครึ่งล้าน
    ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยกล่าวถึงกรณีที่สหรัฐอเมริการะงับการให้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร หรือว่าจีเอสพีกับประเทศไทยว่า กรณีดังกล่าวจะมีผลกระทบต่อภาคธุรกิจส่งออก โดยเฉพาะขณะนี้ส่งออกติดลบกว่า 3% แล้ว และหากหักทองคำออกไป การส่งออกจะติดลบสูงถึง 8% ซึ่งจะส่งผลถึงการตกงานที่จะเพิ่มขึ้น โดยคาดการณ์ว่าปีหน้าจะมีคนตกงานสูงกว่า 500,000 คน โดยเฉพาะเด็กจบใหม่จะหางานยากมาก
    เธอแนะว่า รัฐบาลต้องเร่งเจรจาเพื่อช่วยเหลือภาคธุรกิจส่งออก และต้องรู้ให้แน่ชัดว่าเขาตัดสิทธิ์เราเพราะเหตุใด หากเป็นเรื่องการแก้ไขปัญหาแรงงานที่ยังไม่ได้มาตรฐาน รัฐบาลก็ต้องตอบให้ได้ว่าทำไม เพราะที่ผ่านมารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ใช้มาตรการเด็ดขาดแบบทุบโต๊ะแก้ไขปัญหาแรงงาน จนกระทบธุรกิจประมงของไทยต้องเจ๊งอย่างหนักมาแล้ว แต่กลับมาถูกยกเลิกจีเอสพีด้วยเหตุผลเรื่องปัญหาแรงงานอีก และรัฐบาลต้องเร่งเจรจาต่อรองในฐานะคู่ค้าที่มีความทัดเทียม โดยรักษาศักดิ์ศรีของประเทศ
    ขณะที่นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ ให้สัมภาษณ์กรณีนายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล ออกมาระบุว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจใช้เวลาแค่ 1-2 วันก็เพียงพอ ว่าส่วนตัวมองว่าเวลาการอภิปรายขึ้นอยู่กับจำนวนผู้ถูกยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจและประเด็นสาระในการอภิปราย ถ้ามีการอื่นอภิปรายรัฐมนตรี 4-5 คน ต้องใช้อย่างน้อย 2 วัน ถ้ายื่นอภิปรายนายกฯ คนเดียว เวลา 1 วันก็อาจไม่เพียงพอ อาจต้องใช้เวลาถึง 2 วันอยู่ดี ที่ผ่านมาไม่เคยมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งใดน้อยกว่า 3 วัน 
    "ถ้าจะไปจำกัดเรื่องวันโดยไม่ดูจำนวนผู้ถูกอภิปรายและเนื้อหาสาระก่อนไม่ได้ ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น ประธานในที่ประชุมสามารถเร่งเวลาอภิปรายได้หากเห็นว่าเนื้อหาซ้ำประเด็นตามข้อบังคับ แต่ตราบใดที่ยังอภิปรายผู้ถูกยื่นอภิปรายไม่ครบถ้วน และประเด็นยังไม่จบ ฝ่ายรัฐบาลจะเสนอปิดการอภิปรายไม่ได้"
    นายวันนอร์กล่าวว่า ในส่วนของพรรคประชาชาติ ตนและสมาชิกจะอภิปรายเน้นเนื้อหาการด้อยประสิทธิภาพของการบริหารโดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ เพราะการทำงานที่ผ่านมาไม่เห็นถึงความก้าวหน้า บุคลากรที่เข้ามาทำงานก็ไร้ความรู้ความสามารถที่จะทำให้บรรลุเป้าหมายของประเทศ และให้พูดโดยสรุปตอนนี้มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจในปีนี้แน่นอน ส่วนจะเป็นเมื่อไหร่ ขอให้วิปฝ่ายค้านหารือกันในวันที่ 5 พ.ย.
ข้อมูลเด็ดเห็นแล้วช็อก
    นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า การจะออกมาพูดว่าให้เวลาอภิปรายกี่วันพอหรือไม่พอ พูดตอนนี้ไม่ได้ เพราะยังไม่รู้ว่าฝ่ายค้านจะยื่นอภิปรายรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลหรือเป็นคณะ  หากยื่นเป็นรายบุคคล จะยื่นอภิปรายกี่คน กี่ข้อหา เพราะฉะนั้นวันนี้ยังห่างไกลที่จะมาสรุปว่าจะให้เวลาอภิปรายกี่วัน จึงมองเห็นเจตนาของรัฐบาลว่าการออกมาพูดเช่นนี้เป็นการใช้เทคนิคเรื่องเวลามาบีบการทำงานของฝ่ายค้าน และรัฐบาลทำเช่นนี้มาตลอด 
    "ยิ่งในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ยิ่งแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลเองวิตกเรื่องนี้อยู่ไม่น้อย เพราะรู้ดีว่ารัฐบาลล้มเหลวในการบริหารบ้านเมือง"
    นายสุทินกล่าวว่า ส่วนจะยื่นอภิปรายใครบ้างนั้น อยู่ระหว่างการประมวลข้อหาและหลักฐานว่าเรื่องใด บุคคลใด ข้อหาใดที่จะมีน้ำหนักเพียงพอในการอภิปราย ยืนยันว่ามีข้อมูลความผิดที่เหนือความคาดหมายของรัฐบาลทำให้ถึงกับช็อกแน่ เราไม่หวังว่ามือในสภาจะล้มรัฐบาลได้ แต่มือนอกสภาต่างหากที่รัฐบาลไม่ควรมองข้าม แต่บอกเลยว่ามือนอกสภาไม่ใช่ม็อบอย่างแน่นอน การอภิปรายในสภาครั้งนี้อาจะเป็นแค่การเปิดแผล แต่แผลจะมาเน่าข้างนอกสภาจนติดเชื้อ
    นายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่กรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร ออกหนังสือเชิญเป็นครั้งที่ 2 ถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ไปชี้แจงกรณีเสนอร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 และกรณีการถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญว่า ขณะนี้ขอให้ความสนใจกับการเป็นเจ้าภาพการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 35 ก่อน ส่วนเรื่องอื่นยังมีเวลา และยังไม่ทราบว่านายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปชี้แจงด้วยตัวเองหรือส่งหนังสือชี้แจงไป เอาไว้จะแจ้งให้ทราบเป็นข่าวพร้อมกันทีเดียว ย้ำว่าขณะนี้การประชุมอาเซียนสำคัญกว่าเรื่องอื่น.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"