สถานการณ์ลุ่มน้ำโขง 2018


เพิ่มเพื่อน    

ภาพ : ลุ่มน้ำโขงตอนล่าง 4 ประเทศ

ที่มา : http://www.mrcmekong.org/assets/Publications/SOBR-v8_Final-for-web.pdf

 

แม่น้ำโขงมีเรื่องท้าทายที่ต้องจัดการมากขึ้น เหตุจากประชากรตามลุ่มน้ำเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โครงการลงทุนการก่อสร้างต่างๆ สภาวะภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง เล็งถึงความสำเร็จของประชาคมอาเซียน

 

        รายงาน State of the Basin report (SOBR) โดยคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (MRC) ฉบับล่าสุด 2018 นำเสนอภาพรวมของแม่น้ำโขงที่เกี่ยวข้องกับลุ่มน้ำตอนล่าง 4 ประเทศ ได้แก่ กัมพูชา สปป.ลาว ไทย และเวียดนาม ในหลายด้านเพื่อนำสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน แบ่งปันผลประโยชน์ร่วมกัน ตามแผนพัฒนาที่จะทบทวนทุก 5 ปี มีสาระน่าสนใจ ดังนี้

ด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental dimension) :

        ตามระเบียบปฏิบัติจะต้องติดตามสภาวะการไหลของสายน้ำหลักสม่ำเสมอ ดูแลให้มีน้ำไหลต่อเนื่อง ทั้งยังต้องคำนึงฤดูกาลน้ำหลาก การย้ายถิ่นของปลา 5 ปีที่ผ่านมายังดำเนินไปด้วยดี แต่ก็มีกรณีที่ไม่เป็นไปตามคาด

        คุณภาพของน้ำจะให้ความสำคัญเรื่องผลต่อสุขภาพประชาชน ผลต่อสัตว์น้ำและการใช้ทางการเกษตร ส่วนใหญ่แล้วอยู่ในเกณฑ์ดี ยกเว้นบางจุดที่คุณภาพด้อยบ้างในบางขณะ ที่น่ากังวลคือจำนวนโรงงานอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้น เมืองขยายตัว การใช้ปุ๋ยกับยาฆ่าแมลงมากขึ้นจะส่งผลต่อคุณภาพน้ำในอนาคต น้ำเค็มจากทะเลที่ไหลย้อนกลับเข้าไปในสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงของเวียดนามเป็นอีกจุดที่ต้องเฝ้าติดตาม

        เขตพื้นที่ชุ่มน้ำในลุ่มน้ำตอนล่างมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรมภูมิภาค พื้นที่ดังกล่าวกำลังเสื่อมโทรมและหดหายอันเนื่องจากการเกษตรและการพัฒนาด้านอื่นๆ จำต้องกำหนดยุทธศาสตร์แก้ปัญหาโดยด่วน รักษาความหลากหลายทางชีวภาพ สัตว์น้ำและพืชพันธุ์ต่างๆ ที่มีอยู่อย่างมากมาย

ด้านสังคม (Social dimension) :

        สภาพการดำเนินชีวิตและความเป็นอยู่จะดูเรื่องอาหาร น้ำ ความปลอดภัยต่อสุขภาพ การมีไฟฟ้า ประปา จนถึงขณะนี้ข้อมูลดังกล่าวยังไม่สมบูรณ์จากข้อจำกัดหลายประการ พอสรุปได้ว่า 15 ปีที่ผ่านมาคุณภาพชีวิตประชาชนดีขึ้น ได้รับอาหารดีกว่าเดิม ปัญหาขาดสารอาหารลดลง มีน้ำประปาใช้ อัตราเสียชีวิตลดลง อายุขัยยืนยาวมากขึ้น แต่ปัญหาแล้งน้ำหรือน้ำท่วมยังคงเกิดขึ้นในบางพื้นที่ กัมพูชายังมีปัญหาไฟฟ้าไม่ทั่วถึง

        การจ้างงานที่เกี่ยวข้องกับน้ำ (Employment in MRC water-related sectors) เป็นเรื่องความมั่นคงทางเศรษฐกิจและความเท่าเทียมทางเพศ งานที่เกี่ยวข้องกับน้ำหมายถึงการเกษตร การประมง การเดินเรือ รวมถึงการท่องเที่ยวกับป่าไม้ มีแนวโน้มว่าคนทำเกษตรกรรมจะหันไปทำอาชีพอื่นโดยเฉพาะด้านบริการกับอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตาม การประมงยังเป็นวิถีชีวิตหลักของหลายคน อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเฟื่องฟูตามลำดับ ทำนองเดียวกับอาชีพที่เกี่ยวข้องกับเรือ โดยเฉพาะแถบสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง

        โดยรวมแล้วฐานะทางเศรษฐกิจดีขึ้นเมื่อเทียบกับทศวรรษก่อน เนื่องจากการจ้างงานในอาชีพหลากหลาย ประสิทธิภาพการผลิตเพิ่มขึ้น ส่วนความเท่าเทียมทางเพศข้อมูลยังน้อยเกินไป

ด้านเศรษฐกิจ (Economic dimension) :

      มูลค่าทางเศรษฐกิจโดยรวมในภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับน้ำวัดเฉพาะลุ่มน้ำโขงตอนล่าง พบว่าพื้นที่ชลประทานเพิ่มขึ้นชัดเจน การสร้างเขื่อนเพื่อผลิตไฟฟ้าส่งเสริมเศรษฐกิจ หลายประเทศในแถบนี้สร้างเขื่อนต่อเนื่อง แม่น้ำโขงยังคงเป็นเส้นทางขนส่งที่สำคัญดังเช่นอดีต การสัญจรทางน้ำทั้งคนและเพื่อการขนส่งสินค้าเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

        ด้านการท่องเที่ยว จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นกลายเป็นที่มาของรายได้ทั้งระดับประเทศกับประชาชน การรักษาสภาพแวดล้อมของแหล่งท่องเที่ยวจึงสำคัญ

        ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่ได้จากลุ่มน้ำ (Contribution to basin economy) หมายถึงผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจโดยรวม เช่น วัดจากผลผลิตทางการเกษตร การประมง การท่องเที่ยว พลังงานไฟฟ้าจากเขื่อน ผลผลิตข้าวร้อยละ 84 ของกัมพูชามาจากแม่น้ำโขง สปป.ลาวร้อยละ 69 สัตว์น้ำร้อยละ 25 ของกัมพูชามาจากแม่น้ำโขง

ด้านการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ (Climate change dimension) :

      4 ประเทศในลุ่มน้ำโขงตอนล่างปล่อยก๊าซเรือนกระจกไม่ถึงร้อยละ 2 ของโลก แต่กำลังเพิ่มขึ้นเร็วกว่าอัตราเฉลี่ยทั้งโลก    แนวโน้มการเปลี่ยนสภาวะภูมิอากาศกับความรุนแรง (Climate change trends and extremes) มีการศึกษาคาดการณ์หลายแบบ เท่าที่ศึกษาพบว่าพายุยังคงรุนแรงเท่าเดิม แต่ระดับน้ำทะเลอันเป็นผลจากพายุเพิ่มสูงขึ้น อุณหภูมิค่อยๆ เพิ่มขึ้นตามทิศทางโลก จำนวนวันที่อากาศหนาวเย็นจะลดลง เป็นไปได้ว่าภาวะแห้งแล้งอาจรุนแรงขึ้น  รวมความแล้วที่ชัดเจนคืออุณหภูมิกับระดับน้ำทะเลสูงขึ้น

        การปรับตัวรับมือเน้นการปรับตัวเตรียมพร้อมระดับชุมนุม ในระดับประเทศทุกประเทศมีแผนงาน แผนปฏิบัติการอยู่แล้ว ทั้ง 4 ประเทศลงนามปฏิญญาเกียวโต (Kyoto Protocol) และมี Mekong Climate Change Adaptation Strategy and Action Plan (MASAP) เป็นแนวทางปฏิบัติ แผนงานที่ยังต้องทำอีกมากคือการแก้ปัญหาน้ำท่วมพื้นที่เกษตร การรับมือหากเกิดปัญหาน้ำท่วมโดยเฉพาะบริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง

ด้านความร่วมมือ (Cooperation dimension) :

      ผลประโยชน์จากระบบแม่น้ำโขงที่เท่าเทียม (Equity of benefits from the Mekong River system) ครอบคลุมทั้งด้านสังคม เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม ปัจจุบันไทยกับเวียดนามคือผู้ได้ประโยชน์มากที่สุด โดยเฉพาะจากการเกษตรและประมง สปป.ลาว ได้ประโยชน์มากขึ้นจากการทำเขื่อน เพิ่มพื้นที่ชลประทาน ส่วนกัมพูชาได้ประโยชน์ด้านการประมงเพิ่มขึ้น

        ทั้ง 4 ประเทศได้ประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อมจากแม่น้ำในช่วงหน้าแล้ง แต่มีปัญหาเรื่องการขนส่งทางน้ำ ปริมาณสัตว์น้ำที่จับได้ต่อครั้งลดลง ไทยกับเวียดนามได้ประโยชน์ทางสังคมมากเนื่องจากได้ประโยชน์ทางเศรษฐกิจ

        ผลประโยชน์จากความร่วมมือเห็นได้ชัดนับตั้งแต่มี Mekong Agreement เมื่อปี 1995 เกิดความร่วมมือหลายโครงการ ลดความเข้าใจผิด ทั้งนี้ยังต้องกระชับความร่วมมือให้มากกว่านี้ ทั้งเรื่องการแลกเปลี่ยนข้อมูล ร่วมตรวจสอบสิ่งแวดล้อม และหวังว่านับจากปี 2030 คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงจะมีรายได้สามารถดูแลตัวเองในยามที่กิจกรรมต่างๆ ต้องการงบประมาณมากขึ้น

วิเคราะห์องค์รวม :

      คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงเรียกร้องให้ประเทศในกลุ่มแม่น้ำโขงตอนล่างให้ความสำคัญกับการวางแผนร่วมกัน บริหารจัดการใช้ประโยชน์จากลำน้ำโขง ก่อนจะเกิดปัญหาต่อประชาชนหลายสิบล้านคนในกลุ่มประเทศที่ใช้ชีวิตร่วมกับลำน้ำแห่งนี้

        แม่น้ำโขงมีเรื่องท้าทายที่ต้องจัดการมากขึ้น เหตุจากประชากรตามลุ่มน้ำเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โครงการลงทุนการก่อสร้างต่างๆ สภาวะภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง ภัยธรรมชาติ เหล่านี้มีผลทั้งทางบวกกับลบต่อวิถีชีวิตผู้คนที่ใช้ประโยชน์จากลำน้ำนี้ ไม่ลืมว่าการดำเนินชีวิตของประชาชนเกือบ 70 ล้านคนใน 4 ประเทศขึ้นกับแม่น้ำนี้ ในจำนวนนี้ 40 ล้านคนทำประมง การประมงคิดเป็นร้อยละ 18 ของจีดีพีกัมพูชา และร้อยละ 13 ของ สปป.ลาว

        ปัญหาหนึ่งที่รายงานเอ่ยถึงหลายครั้งคือเรื่องข้อมูลที่ไม่ครบถ้วน ไม่ทันสมัย ข้อมูลบางประเทศชัดเจนกว่าบางประเทศ ส่งผลต่อการวิเคราะห์ ข้อสรุป ตัวเลขหลายอย่างมีแนวโน้มต่ำกว่าความจริง ส่งผลต่อการวางแผน และเมื่อพิจารณาเรื่องการกระจายผลประโยชน์จึงมีปัญหาว่าเท่าเทียมหรือไม่ จุดเท่าเทียมอยู่ที่ตรงไหน หาข้อสรุปไม่ได้

        แม่น้ำโขงสร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจมานานและมากมาย ปัจจุบันกำลังเผชิญความไม่ยั่งยืน เนื่องจากการพัฒนา ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศ ถึงเวลาแล้วที่ต้องหันมาดูแลแม่น้ำนี้ วางแผนอย่างรอบคอบว่าควรร่วมกันจัดการอย่างไร เพื่อรักษาสิ่งนี้แก่คนรุ่นหลัง

        ประชาคมอาเซียนกำหนดเป้าหมายเพิ่มขยายความร่วมมือ ความเป็นไปของลุ่มน้ำโขงคือตัวอย่างรูปธรรมถึงความสำเร็จของประชาคมอาเซียน ตั้งแต่ระดับองค์กร ความร่วมมือระหว่างรัฐสมาชิก จนถึงประชาชนท้องถิ่น.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"