ดวงชะตาเมืองรัตนโกสินทร์
กำเนิดวันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน 2325 เวลา 06.54 น. ลัคนาสถิตราศีเมษ
มฤตยูจร (0) กำลังเดินอยู่ในราศีเมษ ระหว่าง 6 มีนาคม 2559-8 กรกฎาคม 2565
มฤตยูจร (0) จะย้ายไปเดินอยู่ราศีพฤษภ ระหว่าง 8กรกฎาคม 2565-18 กรกฎาคม 2572
“ครั้นเมื่อถึงเดือนกรกฎาคม 2565 แล้ว หากยืนอยู่ข้างกำแพงพระนคร เราจะถามตัวเองว่าเมืองรัตนโกสินทร์มาถึงจุดนี้ได้อย่างไร” คือข้อความที่ผู้เขียนเพียรบอกให้คนไทยทุกคนรับมือมฤตยู (0) ผู้อาเพศ ที่เข้ามาเดินในราศีเมษทับลัคนาเมือง เป็นรอบที่สาม นับตั้งแต่วางเสาหลักเมืองเมื่อ 237 ปีที่ผ่านมา
ตั้งแต่ประมาณมีนาคม 2559 จนถึงขณะนี้ที่มฤตยูจรเดินในราศีเมษได้เพียงเลยครึ่งทาง (ระหว่างมีนาคม 2559-กรกฎาคม 2565) เรื่องโดดเด่นที่เกิดและกระทบชะตาเมือง ขนาดแผ่นดินสะเทือน คือการเปลี่ยนรัชกาลและสถานะของบุคคลสำคัญ
ไม่นับรวมสิ่งที่เกิดขึ้นมากมายส่งผลให้เมือง-วิถีชีวิตคนในเมืองก็พลอยเปลี่ยนตามไปด้วย เช่น การเกิดของโครงการขนาดใหญ่ต่างๆ เพื่อต่อยอดและเปลี่ยนพื้นฐานโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศ ที่น้าเปลว สีเงิน เปรียบเทียบเหมือนเมืองจะเป็น เงาะถอดรูป ส่วนผู้เขียนก็เคยออกหนังสือชื่อ ลอกคราบใหม่ประเทศไทย ตั้งแต่ต้นปี 2558 เตือนก่อนหน้านี้ให้คนไทยรับมือการเปลี่ยนแปลงใหญ่ เช่น
โครงการรถไฟความเร็วสูง-รถไฟรางคู่-รถไฟฟ้าหลายสายที่ทยอยสร้างและกำลังสร้างทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด-การเกิดของอีอีซี-รถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อสามสนามบิน-การซื้อ-ขายของออนไลน์-ตลาดสำคัญในอดีตคนเดินน้อย ฯลฯ
แต่แม้มฤตยูจรจะเดินในราศีเมษมาได้จะครึ่งทางแล้ว (มฤตยูจรใช้เวลาเวลา 7 ปีในแต่ละราศี) สิ่งที่ต้องจับตาคือ การปฏิวัติหรือ เปลี่ยนแปลงใหญ่ในเมืองจะยังไม่เสร็จสิ้น ซึ่งขณะนี้เริ่มมีสถานการณ์การก่อตัวอันจะ กระทบกับเมืองรัตนโกสินทร์แรงมากพอๆ กับการเปลี่ยนรัชกาล คือเรื่อง การจะย้าย หรือขยายเมืองหลวง
อันที่จริงความพยายามที่จะย้ายเมืองหลวงมีมาก่อนหน้านี้หลายครั้งแล้ว โดยครั้งล่าสุดนี้เกิดจากพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไปเปิดสัมมนาของคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2562 ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี แล้วได้ให้นโยบายเพื่อให้เริ่มวางแผนว่า กรุงเทพฯ ควรจะเป็นอย่างไรในอนาคต พร้อมทั้งเสนอให้คิดกันว่า จะย้ายเมืองหลวงออกไป หรือ ขยายเมืองหลวงออกไปยังรอบนอก เพื่อ แก้ไขปัญหาความแออัด
โดยสรุปจากที่นายกรัฐมนตรีให้นโยบายครั้งนี้คือให้ทางเลือกศึกษาสองทางคือ ย้ายเมืองหลวง หรือ ขยายเมืองหลวงออกไปรอบนอก
ส่วนผู้เขียนซึ่งขอออกตัวก่อนว่าเป็นเพียงโหรสมัครเล่น ขอเสนอข้อมูลในแง่โหราศาสตร์ดวงเมืองรัตนโกสินทร์เท่าที่ผู้เขียนศึกษามาเพื่อประกอบการพิจารณา ดังนี้
ประเด็นแรก การศึกษาเพื่อเตรียมการย้ายหรือขยายเมืองหลวง น่าจะสอดคล้องกับชะตาจรของเมืองที่ส่งสัญญาณจากการมาทับลัคนาเมืองของมฤตยูจร (0) ซึ่งเป็นเจ้าของภัยอาเพศ การปฏิวัติหรือเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่ในเมือง ตามอาการที่ผู้เขียนเคยบอกก่อนหน้านี้เสมอว่าระยะที่มฤตยูจรอยู่ที่ราศีเมษ ระหว่างมีนาคม 2559-กรกฎาคม 2565 นี้
1.หากเป็นคนถ้ารู้สึกอึดอัดควรจะกล้าชิงคิดหรือลงมือเปลี่ยนแปลง อย่าได้ชะล่าใจปล่อยเลยตามเลย เพราะแสดงว่าอากาศของมฤตยูนำมาแล้ว คือสะสมพลังของการเปลี่ยนแปลง รอวันระเบิด
ซึ่งกรณีความคิดจะย้ายหรือขยายเมืองนี้เป็นเรื่องที่เริ่มยอมรับกันทั่วไปถึงความแออัดของกรุงเทพฯ ที่สะสมพลังมานานแล้วชนิดที่น้อยคนจะคัดค้าน
อีกทั้งก่อนหน้านี้ประเทศเพื่อนบ้านก็ย้ายเมืองหลวงเช่นเมียนมา หรือที่เพิ่งประกาศเมื่อเร็วๆ นี้คืออินโดนีเซียดูจะเป็นที่ยอมรับกันให้ประเทศไทยทำบ้าง คล้ายๆ แรงกดดันไร้สภาพอยู่กลายๆ ให้ต้องลงมือ
2.หากไม่เปลี่ยนแปลงจะเป็นฝ่ายถูกบีบให้เปลี่ยน เพราะอย่างน้อยการชิงศึกษาเพื่อเตรียมการเรื่องนี้ไว้ให้พร้อมก็ยังมีความเคลื่อนไหวว่าจะเปลี่ยน ก็ถูกโฉลกกับอาการของมฤตยูจรที่ทับลัคนาเมืองขณะนี้ แม้การจะลงมือทำต้องใช้เวลานานก็ตาม
ขอยกตัวอย่างการปฏิวัติใหญ่ของคนที่ลัคนาสถิตราศีเมษหลายคนเทียบเคียงกับเมืองที่กำลังหาทางปฏิวัติเมืองหลวง คือคนที่รู้เท่าทันมฤตยูที่ผู้เขียนเคยบอกอาการไว้ว่า เมื่อรู้สึกอึดอัด พวกเขาจะต้องเปลี่ยนตัวเอง เช่น บางคนเริ่มลดน้ำหนักอย่างจริงจัง บางคนที่ทำแต่งานไม่สนใจสุขภาพก็หันมาสนใจตัวเองมากขึ้น บางคนที่แบกภาระกงสีมานานเกิดความคิดแวบมาในสมองคล้ายๆ ฟ้าแลบเข้ามาว่าหยุด-ขายกิจการแล้วเองเงินมาแบ่งกันระหว่างญาติๆ ฯลฯ ซึ่งสิ่งเหล่านี้อาการของมฤตยู
3.แต่ หากเมืองไม่ปฏิวัติ-เปลี่ยนแปลงใหญ่ ผู้เขียนเกรงว่าอีกหนึ่งอาการของมฤตยูจะรออยู่คือ ฝืนได้แต่จะถูกทิ้งไว้ข้างหลังอย่างเจ็บปวด หรือพูดง่ายๆ คือ ตกสมัย ตกยุค ซึ่งอาการนี้ก็คงจะพอจะคาดหมายกันได้ว่า ปัญหาต่างๆ ที่มีอยู่ในเมืองรัตนโกสินทร์ ที่ขณะนี้แม้จะเปลี่ยนแปลงแล้วหลายด้านผ่านโครงการด้านโครงสร้างพื้นฐานก็ไม่น่าจะพอ เพราะเป็นเพียงการต่อยอดให้เมือง ไม่ใช่ระดับปฏิวัติ คาดว่าปัญหาต่างๆ เดิมๆ น่าจะรออยู่
กล่าวโดยสรุปย้ำอีกครั้งว่า การเตรียมการ-ศึกษาตามนโยบายของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่าจะย้ายหรือขยายเมืองหลวงออกไปนั้น น่าจะถูกโฉลก สอดคล้องกับการที่มฤตยูจรมาทับลัคนาเมืองรอบนี้ เพราะจริงอยู่การศึกษา วางแผนอาจจะใช้เวลานาน แต่หากไม่ทำอะไรหรือเตรียมการไว้ ผู้เขียนเกรงว่าจะไม่ทันการณ์ คล้ายๆ เมืองจะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง เจ็บปวด หรือตกสมัย
ส่วนการจะย้ายหรือขยายเมืองออกไปนั้น ในทางโหราศาสตร์ดวงเมือง ควรจะเลือกทางใดจะได้นำเสนอต่อในตอนต่อไป
เพราะหากเลือกทางผิด มีโอกาสที่โครงการนี้จะไปไม่ถึงดวงดาว คือ ไม่สำเร็จ หรือ มีปัญหาอุปสรรค เช่นในอดีตที่ทำไม่สำเร็จสักครั้งด้วยดวงเมืองรัตนโกสินทร์นี้อาถรรพ์นัก ถูกออกแบบ-ถือกำเนิดมาโดยเซียนโหรชั้นยอด เพื่อให้เป็นเมืองหลวงของประเทศ และ รอดทุกสถานการณ์
จึงแม้จะมีการเปลี่ยนแปลงหรือปฏิวัติใหญ่ในระดับ “ครั้นเมื่อถึงเดือนกรกฎาคม 2565 แล้ว หากเรายืนอยู่ข้างกำแพงพระนคร เราจะถามตัวเองว่าเมืองรัตนโกสินทร์มาถึงจุดนี้ได้อย่างไร” ก็ต้องทำอย่างระมัดระวัง
(ยังมีต่อ)
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |