"โฆษกทัพภาค 4" งง "ปิยบุตร" นำทีม กมธ.ดูงานค่ายอิงคยุทธบริหาร ชื่นชมทหารทำดี ตกเย็นเปิดเวทีเสวนาด่าทหารไม่ดี วอนสลัดภาพการเมืองฟังปัญหา 3 จว.ชายแดนใต้รอบด้าน โต้ "มงคลกิตติ์" ไม่มีโจรใต้ 100 คนบุกเมืองกรุง "ปัตตานี" ป่วน! ยิงฐานปฏิบัติการคุ้มครอง ต.เขาตูม วางคาร์บอมบ์ข้างบ้านพักตำรวจ สภ.ไม้แก่น "ทหารพราน 44" ยิงปะทะคนร้าย วิสามัญฯ ดับ 2 ศพ พบประวัติก่อเหตุอื้อ
เมื่อวันที่ 1 พ.ย. พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองทัพภาคที่ 4 (ทภ.4) กล่าวถึงกรณีคณะกรรมาธิการ (กมธ.) กฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร นำโดยนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ในฐานะประธาน กมธ. พร้อมด้วย น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรค อนค. และรองประธาน กมธ., นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรค อนค. และโฆษก กมธ. พร้อมคณะ รวมทั้งนางอังคณา นีละไพจิตร อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เยี่ยมชมค่ายอิงคยุทธบริหาร จ.ปัตตานี และเปิดเวทีเสวนารับฟังปัญหาด้านกฎหมาย รวมถึงสิทธิมนุษยชนใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ เมื่อวันที่ 31 ต.ค.ที่ผ่านมา ว่าทหารได้พา กมธ.ชุดดังกล่าวเข้าไปดูค่ายอิงคยุทธบริหาร จ.ปัตตานี ซึ่งมีศูนย์ซักถาม โดยทาง กมธ.ก็ชื่นชมทหารเราว่าดี แต่พอตกเย็นไปเปิดเวทีร่วมเสวนา กลับด่าทหารว่าไม่ดี
พ.อ.ปราโมทย์กล่าวว่า อยากให้สะท้อนความจริงที่เราได้พูดคุยกันให้รอบด้าน โดยเฉพาะการฟังปัญหาของคนในพื้นที่ ต้องฟังอย่างหลากหลาย ไม่ใช่ว่าไปฟังปัญหามาจากทางด้านเดียวหรือกลุ่มเดียวที่เป็นกลุ่มเห็นต่าง แล้วมาสรุปว่ารัฐนั้นแย่ และมาเรียกร้องให้ยกเลิกกฎหมายพิเศษ
"พวกคุณไม่ฟังประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่าเขาคิดกันอย่างไร มาสรุปว่าทหารต้นทุนต่ำ คุณมาสรุปอย่างนี้ได้อย่างไร คุณเป็น กมธ. แต่มาเล่นบทนักการเมือง คุณมาในฐานะกมธ. ก็ควรที่จะลืมภาพนักการเมือง แล้วมาฟังให้ปัญหาให้รอบด้านในทุกมิติ อย่าไปฟังเพียงกลุ่มๆ เดียว" พ.อ.ปราโมทย์กล่าว
ถามถึงกรณีนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ ระบุมีกลุ่มก่อเหตุในพื้นที่ภาคใต้ประมาณ 100 คนเดินทางเข้า กทม. โฆษก ทภ.4 กล่าวว่า เรามีมาตรการเฝ้าระวังผู้ก่อเหตุในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อยู่แล้ว ซึ่งขณะนี้เรามีบุคคลเฝ้าระวังประมาณ 4,000-5,000 รายชื่อที่มีพฤติกรรมเป็นแนวร่วมผู้ก่อเหตุ โดยเจ้าหน้าที่ได้นำรายชื่อไปแจกจ่ายให้ด่านตรวจคนเข้าเมืองในพื้นที่ และกระจายไปทุกช่องทาง เพื่อตรวจสอบความเคลื่อนไหวของบุคคลดังกล่าว ขณะเดียวกันเราได้ส่งเจ้าหน้าที่ทหารเข้าไปเสริมการทำงานในทุกด่านตรวจคนเข้าเมืองในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
"จากการที่เรานำรายชื่อทั้งหมดแจกจ่ายในพื้นที่สนามบิน สถานีขนส่ง หรือสถานีรถไฟ และได้สกรีนทำให้เราพบบุคคลเฝ้าระวังนี้แล้วกว่า 100 คน แต่นั่นไม่มีอะไรบ่งชี้ว่าคนกลุ่มนี้จะขึ้นมาก่อเหตุใน กทม. และผมขอย้ำว่าบุคคลเฝ้าระวัง ไม่ใช่โจรผู้ร้าย อยากให้แยกแยะระหว่างบุคคลตามหมายจับที่ทำผิดแล้วหนีออกนอกประเทศ และทางการสืบสวน จนมีพยานหลักฐานและออกหมายจับ ซึ่งบุคคลกลุ่มนี้หากตรวจพบว่าเข้ามาในพื้นที่ เจ้าหน้าที่พบเห็นสามารถจับกุมได้ทันที ในขณะที่บุคคลเฝ้าระวังนั้น เป็นบุคคลที่เฝ้าจับตาดูของเจ้าหน้าที่ ไม่ได้หมายความว่าเขาเป็นคนกระทำผิดหรือจะเข้ามาก่อเหตุในพื้นที่กรุงเทพฯ" โฆษก ทภ.4 กล่าว
ขณะที่สถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ยังคงเกิดเหตุความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง โดยเวลา 22.10 น. วันที่ 31 ต.ค. ร.ต.อ.อโนชา สร้อยแก้ว รอง สว.(สอบสวน) สภ.บ้านโสร่ง อ.ยะรัง จ.ปัตตานี รับแจ้งมีคนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนยิงใส่ฐานปฏิบัติการคุ้มครอง ต.เขาตูม บ้านบูเก๊ะตง ม.7 ต.เขาตูม เมื่อไปถึงพบเจ้าหน้าที่ อส.ซึ่งอยู่ประจำฐานกระจายกำลังคุมเข้มทั้งด้านในและด้านนอก แต่โชคดีไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต มีเพียงโรงจอดรถที่มีร่องรอยกระสุนเล็กน้อย
สอบสวนทราบว่า ขณะเจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวกำลังเฝ้าเวรยามอยู่ภายในฐาน โดยการกระจายตามจุดต่างๆ ปรากฏว่ามีคนร้ายไม่ทราบจำนวนพร้อมอาวุธสงคราม ใช้รถกระบะเป็นพาหนะ จำนวน 2 คัน ขับมาด้านหน้าของด้าน จากนั้นได้ใช้อาวุธปืนกราดยิงทันทีหลายสิบนัด ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องกระโดดหลบกระสุนไปคนละทิศละทาง ก่อนที่จะยิงตอบโต้จนคนร้ายหลบหนีไป หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้วิทยุสกัดและออกติดตามไล่ล่าคนร้าย เชื่อว่าน่าจะเป็นกลุ่มก่อความไม่สงบพยายามสร้างสถานการณ์
ต่อมาเวลา 22.30 น. เกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดคาร์บอมบ์บริเวณริมกำแพงด้านนอกของบ้านพักตำรวจ ซึ่งตั้งอยู่ภายใน สภ.ไม้แก่น จ.ปัตตานี หลังเก่า ม.4 ต.ไทรทอง แรงระเบิดทำให้เกิดหลุมกว้าง 3 เมตร ลึก 1 เมตร และรถกระบะถูกแรงระเบิดได้รับความเสียหายทั้งคันเหลือเพียงเครื่องยนต์ ส่วนชิ้นส่วนตัวรถกลายเป็นเศษเหล็กกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ รวมทั้งบ้านพักตำรวจจำนวน 4 หลัง กระจกของแฟลตตำรวจทั้ง 3 ชั้นแตกกระจาย นอกจากนี้แรงระเบิดยังทำให้บ้านเรือนประชาชนใกล้เคียงได้รับความเสียหาย 3 หลัง รวมไปถึงรถยนต์เสียหายอีก 3 คัน ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
จากนั้นเวลา 23.00 น. เกิดเหตุคนร้ายยิงปะทะกับเจ้าหน้าที่บนถนนสายบาเลาะ-ปะเสยาวอ ม.5 ต.ปะแสยาวอ พล.ต.ปิยพงษ์ วงศ์จันทร์ ผบ.ฉก.ปัตตานี, พล.ต.ต.จิระวัฒน์ พยุงธรรม ผบก.ภ.จ.ปัตตานี ไปถึงเจ้าหน้าที่ได้ปิดกั้นเส้นทาง และพบคนร้ายถูกวิสามัญฯ เสียชีวิต 2 ราย ยังไม่ทราบชื่อ อายุประมาณ 25-30 ปี สภาพศพทั้งสองมีบาดแผลถูกยิงเข้าลำตัว โดยมือของทั้งสองศพสวมใส่ถุงมือ ใกล้กันพบอาวุธปืนขนาด 9 มม. ตกอยู่ 1 กระบอก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ห่างกันประมาณ 3 เมตร พบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า ทะเบียน กรท 316 ยะลา ซึ่งเป็นของคนร้าย โดยพบว่าป้ายทะเบียนไม่ตรงกับตัวรถจักรยานยนต์
สอบสวนทราบว่า พ.อ.ภูมิพัฒน์ บุญเรืองขาว ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 44 นำกำลังออกจากหน่วย หลังรับแจ้งจากกำลังพลที่เดินลาดตระเวนเส้นทางพบวัตถุต้องสงสัยวางอยู่ริมถนน บริเวณ ม.2 ต.ปะเสยาวอ ห่างจากหน่วยประมาณ 2 กม. จึงได้ประสานชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดเข้าตรวจสอบ ปรากฏว่าเป็นระเบิดแสวงเครื่องบรรจุในถังแก๊สปิคนิค จุดชนวนด้วยวิทยุสื่อสาร น้ำหนักประมาณ 10 กก. จากการตรวจสอบระเบิดยังไม่ได้กดชนวน จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
นอกจากนี้ ได้ตั้งด่านบนถนดังกล่าวเพื่อรักษาความปลอดภัยเส้นทาง ปรากฏว่ามีคนร้าย 2 คนขี่รถ จยย.ใกล้ถึงด่าน เจ้าหน้าที่จึงทำสัญญาณเพื่อให้หยุดตรวจค้น แต่คนร้ายเห็นจึงพยายามเลี้ยวรถกลับ ก่อนที่คนร้ายที่นั่งซ้อนท้ายชักอาวุธปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่หลายนัด ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องหลบกระสุน ก่อนจะทำการยิงตอบโต้เป็นเหตุให้คนร้ายเสียชีวิต 2 ราย
ที่ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พ.อ.ปราโมทย์ พร้อม พ.อ.เกียรติศักดิ์ ณีวงษ์ โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า และ พ.อ.วัชรกร อ้นเงิน รองโฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า แถลงข่าวเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ จ.ปัตตานี เมื่อคืนวันที่ 31 ต.ค.ที่ผ่านมา
พ.อ.ปราโมทย์กล่าวว่า ภายหลังเกิดเหตุการณ์ พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 และผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ได้สั่งการให้หน่วยเฉพาะกิจประจำพื้นที่ เร่งเข้าคลี่คลายสถานการณ์ ตรวจสอบที่เกิดเหตุ รวบรวมวัตถุพยาน เพื่อตรวจหาความเชื่อมโยงของอาวุธที่กลุ่มคนร้ายใช้ เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย รวมทั้งให้หน่วยในพื้นที่เร่งเข้าทำความเข้าใจกับประชาชน รวมทั้งญาติผู้เสียชีวิต เพื่อหาทางช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรมต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับเหตุวิสามัญฯ คนร้ายเสียชีวิต 2 รายที่ อ.สายบุรี จ.ปัตตานีนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานปัตตานีได้ร่วมกับแพทย์โรงพยาบาลปัตตานีทำการชันสูตรศพ และตรวจสอบลายนิ้วมือของผู้ตายและมาตรวจสอบในสารบบของคนร้ายในคดีความมั่นคง ทราบชื่อและประวัติเบื้องต้นคือ นายอัมรัน บือราเฮง อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 26 ม.6 ต.ปะเสยะวอ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี เคยถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวเมื่อเดือน ม.ค.2552 ข้อหายิงชาวบ้านไทยพุทธในพื้นที่ อ.สายบุรี แต่ปฏิเสธ ทำให้เจ้าหน้าที่ปล่อยตัว ส่วนอีกคนคือนายลุกมาน สาและ อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 114 ม.3 ต.ตะโละไกรทอง อ.ไม้แก่น จ.ปัตตานี มีประวัติเป็นแนวร่วมในสารบบของฝ่ายความมั่นคง
ส่วนสาเหตุของการสร้างสถานการณ์ในพื้นที่ปัตตานีหลายจุดนั้น ทางด้านฝ่ายความมั่นคงเชื่อว่าน่าจะเป็นกลุ่มของนายยารานิง แตมามุ และนายยาการียา บาโง ซึ่งเป็นกลุ่มคนร้ายที่มีการเคลื่อนไหวในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างติดตามเพื่อจับกุมมาดำเนินการทางกฎหมายต่อไป.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |