นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มอบนโยบายให้กับกรมส่งเสริมการเกษตรในโอกาสวันที่ระลึกคล้ายวันสถาปนากรมส่งเสริมการเกษตร ณ กรมส่งเสริมการเกษตร ว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนงานตามนโยบายของรัฐบาล ในการช่วยเหลือดูแลและสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรและกรมส่งเสริมการเกษตรคือหนึ่งในหน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่ถือว่าเป็นกลไกที่สำคัญยิ่งในการขับเคลื่อนให้เป็นไปตามเป้าหมาย สำหรับการดำเนินงานในปี 2563 นี้กรมส่งเสริมการเกษตรจะมุ่งเน้นนโยบาย “การตลาดนำการเกษตร” ซึ่งจะมีการบูรณาการการทำงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน เพื่อสร้างความเข้มแข็งของภาคการเกษตรในระดับฐานราก ด้วยการส่งเสริมการผลิตตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง และการพัฒนาเกษตรกรและองค์กรเกษตรกร
“จะให้ความสำคัญกับพี่น้องเกษตรกรให้มากขึ้น ส่วนนโยบายที่ดำเนินการอยู่ทั้งเกษตรแปลงใหญ่ เกษตรปลอดภัย เกษตรยั่งยืน ก็ดำเนินการต่อไป โดยเฉพาะการมุ่งสู่เกษตรอินทรีย์ด้านการผลิตภาคการเกษตรภาครัฐจะต้องเข้าไปดูแล และบูรณากับหน่วยงานในสังกัดให้มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ได้พยายามดำเนินการเรื่อง พ.ร.บ. เกษตรกรรมยั่งยืน ซึ่งจะมีการตั้งคณะทำงานเข้ามาติดตาม เชื่อว่า พ.ร.บ. ดังกล่าว จะสามารถตอบสนองการทำการเกษตรทั้งปัจจุบันและอนาคตได้เพราะตลาดให้การยอมรับผลผลิตทางการเกษตรที่เป็นเกษตรอินทรีย์เพิ่มมากขึ้นในปัจจุบัน ” นายเฉลิมชัย กล่าว
ทางด้านนายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตรกล่าวว่า กรมส่งเสริมการเกษตรได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2510 และได้ปฏิบัติงานอยู่เคียงคู่กับพี่น้องเกษตรกรมาด้วยความมุ่งมั่นมาอย่างต่อเนื่อง และเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันสถาปนากรมส่งเสริมการเกษตรครบรอบ 52 ปี จึงได้มีการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ขึ้นในวันที่ 21 ตุลาคม 2562 ณ บริเวณอาคาร 1 กรมส่งเสริมการเกษตร โดยมีนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เดินทางมาร่วมงานและมอบนโยบายแก่เจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมการเกษตรในโอกาสนี้ด้วย
“ในปีงบประมาณ 2563 กรมส่งเสริมการเกษตรจะให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนงานตามนโยบายของรัฐบาลและของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในการช่วยเหลือดูแล และสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร โดยเฉพาะนโยบาย “การตลาดนำการเกษตร” จะมีการบูรณาการการทำงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน นอกจากนี้ยังจะให้ความสำคัญกับการสร้างความเข้มแข็งของภาคการเกษตรในระดับฐานราก ด้วยการส่งเสริมการผลิตตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง และการพัฒนาเกษตรกรและองค์กรเกษตรกร” นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง กล่าว
อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตรกล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า ในการดำเนินงานนั้นจะอยู่ภายใต้การขับเคลื่อนการดำเนินงานใน 6 ประเด็น คือ 1. ขยายผลโครงการพระราชดำริให้เกิดผลเป็นรูปธรรมและสืบสาน ศาสตร์พระราชา โดยการส่งเสริมโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และโครงการหลวงเพื่อให้เกษตรกรสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับพื้นที่ของตนเอง การส่งเสริมเศรษฐกิจพอเพียงและสืบสานศาสตร์พระราชา ยึดแนวทางสืบสาน รักษา ต่อยอดศาสตร์พระราชา และหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้ตลอดปี มีภูมิคุ้มกัน และมีความมั่นคงในอาชีพ การส่งเสริมการทำเกษตรกรรมยั่งยืน เพื่อสร้างสมดุลของระบบการผลิตทางการเกษตร ทั้งในมิติด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม 2. บริหารจัดการสินค้าเกษตรโดยยึดหลักการตลาดนำการเกษตรและสร้างรายได้แก่เกษตรกร เน้นพัฒนาการผลิตสินค้าเกษตรให้มีคุณภาพมาตรฐานเพื่อเข้าสู่เกษตรอุตสาหกรรม โดยส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการผลิตและการบริหารจัดการสินค้าเกษตร การส่งเสริมเกษตรอินทรีย์และการผลิตสินค้าเกษตรที่มีโอกาสทางเศรษฐกิจ ใช้สารชีวภัณฑ์ลดการใช้สารเคมี สนับสนุนการดำเนินงานตามนโยบายประกันรายได้เกษตรกร ปรับปรุงข้อมูลทะเบียนเกษตรกรให้ถูกต้องและเป็นปัจจุบัน และส่งเสริมการตลาดสินค้าเกษตร ด้วยการพัฒนาตลาดเกษตรกร ขยายความร่วมมือกับภาคส่วนต่างๆ พร้อมเพิ่มช่องทางการตลาดทั้งในและนอกประเทศ รวมทั้งการตลาดออนไลน์ และการพัฒนาโลจิสติกส์สินค้าเกษตร 3. พัฒนาองค์กรเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และเกษตรกรรุ่นใหม่ โดยส่งเสริมการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของวิสาหกิจเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม และงานเคหกิจเกษตร เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของครัวเรือนให้ดีขึ้น ตลอดถึงพัฒนาเกษตรกรรุ่นใหม่ให้เป็นผู้ประกอบการ สร้าง Young Smart Farmer ให้มีบทบาทสำคัญและเป็นผู้นำพัฒนาการเกษตรของชุมชน ควบคู่กับการส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงเกษตรรวมทั้งสร้างความมั่นคงด้านอาหารในครัวเรือนเกษตรและชุมชน
4. สร้างความเข้มแข็งของเครือข่ายและบูรณาการการทำงานกับทุกภาคส่วน โดยสร้างความเข้มแข็งของเครือข่ายการทำงาน พัฒนาศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) และศูนย์เครือข่าย ให้มีความเข้มแข็งทำงานเชื่อมโยงกันอย่างเป็นระบบ และเป็นศูนย์กลางด้านการเกษตรของชุมชนเป็นจุดเชื่อมโยงงานวิจัยสู่ชุมชน และบูรณาการการทำงานกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนพัฒนางานส่งเสริมการเกษตรเชิงพื้นที่โดยพัฒนาต่อยอดจากฐานการพัฒนาที่มีอยู่แล้วและให้ชุมชนมีส่วนร่วมในกระบวนการพัฒนา 5. ช่วยเหลือดูแลและให้บริการแก่เกษตรกร ที่ประสบภัยพิบัติ (ภัยธรรมชาติ ศัตรูพืชและโรคพืช) และ 6. พัฒนาองค์กร ระบบการทำงาน และบุคลากรกรมส่งเสริมการเกษตร โดยพัฒนาระบบข้อมูล Big Data ระบบเทคโนโลยีและการสื่อสารต่าง ๆ อย่างทันสมัยและก้าวตามทันกับสถานการณ์ และให้บริการเกษตรกรอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงยึดหลักการทำงานอย่างมีส่วนร่วม และพัฒนาบุคลากรให้มีความพร้อมในการทำงานตามหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“ซึ่งแนวทางการดำเนินงานของกรมส่งเสริมการเกษตร ประจำปีงบประมาณ 2563 ดังกล่าว จะทำให้การทำงานด้านการส่งเสริมการเกษตรแก่เกษตรกรมีทิศทางที่ชัดเจน ส่งผลให้เกษตรกรได้รับการดูแลช่วยเหลือในการประกอบอาชีพการเกษตรที่มีความมั่นคง และมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น”นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง กล่าว
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |