เพชรบุรี/ เครือข่ายขบวนชุมชนภาคกลาง-ตะวันตก 16 จังหวัดจัดงานวันที่อยู่อาศัยโลกที่ จ.เพชรบุรี ชูประเด็นการแก้ไขปัญหาชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากโครงการรถไฟรางคู่ของ รฟท. เผยมีชุมชนที่ได้รับผลกระทบทั่วประเทศกว่า 60,000 ครัวเรือน หลายชุมชนถูกยกเลิกสัญญาเช่า โดนขับไล่ โดยขบวนองค์กรชุมชนฯ ยื่นข้อเสนอแก้ไขปัญหาผ่านทางผู้ช่วยรัฐมนตรี พม.ให้ยุติการไล่รื้อและดำเนินคดีกับชาวชุมชนในที่ดิน รฟท., จัดตั้งกองทุนช่วยเหลือผู้เดือดร้อน ฯลฯ
วันจันทร์แรกของเดือนตุลาคมทุกปี องค์การสหประชาชนกำหนดให้เป็น ‘วันที่อยู่อาศัยโลก’ (World Habitat Day) เพื่อให้ประเทศต่าง ๆ ให้ความสนใจกับสถานการณ์การอยู่อาศัยและการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ ตลอดจนสิทธิพื้นฐานของการมีที่อยู่อาศัยที่เหมาะสม และเพื่อสร้างความตระหนักในความรับผิดชอบร่วมกันในการจัดการให้มนุษย์ทุกคนมีที่อยู่อาศัยในอนาคต ส่วนในประเทศไทยมีการจัดกิจกรรมรณรงค์อย่างต่อเนื่องในภูมิภาคต่างๆ ในช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายนนี้ โดยที่ภาคกลางและตะวันตกได้จัดงานที่จังหวัดเพชรบุรี โดยชูประเด็นการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยที่ได้รับผลกระทบจากโครงการรถไฟรางคู่เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมแก้ไข
ระหว่างวันที่ 31 ตุลาคม-1 พฤศจิกายน เครือข่ายขบวนองค์กรชุมชนในจังหวัดภาคกลางและตะวันตก รวม 16 จังหวัด ประกอบด้วยสหพันธ์พัฒนาองค์กรชุมชนคนจนเมืองแห่งชาติ (สอช.) เครือข่ายที่ดินแนวใหม่ชุมชนท้องถิ่นจัดการตนเองแห่งชาติ และเครือข่ายสลัมสี่ภาค ได้ร่วมกันจัดกิจกรรมรณรงค์วันที่อยู่อาศัยโลกประจำปี 2562 ที่จังหวัดเพชรบุรี มีผู้แทนเครือข่ายประมาณ 400 คนร่วมกันเดินรณรงค์จากบริเวณสนามกีฬากลางไปยังศาลากลางจังหวัดเพชรบุรี มีนายพลยุทธ อังกินันทน์ รองนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองเพชรบุรีเป็นประธานในการปล่อยขบวนรณรงค์ หลังจากนั้นขบวนได้ไปยื่นหนังสือแถลงการณ์ต่อนายกอบชัย บุญอรณะ ผู้ว่าฯ จ.เพชรบุรี และร่วมกันประกาศเจตนารมณ์
นายพลยุทธ อังกินันทน์ รองนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองเพชรบุรีเป็นประธานปล่อยขบวนรณรงค์
นายสาคร อำภา ผู้แทนขบวนองค์กรชุมชนภาคกลางและตะวันตก กล่าวแถลงการณ์มีใจความว่า 1.เราจะมีบทบาทสำคัญในการเก็บ รวบรวม และวิเคราะห์ข้อมูลชุมชน ครัวเรือนที่อยู่อาศัยในที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย และที่ดินรัฐประเภทอื่นๆ เพื่อวางแผนการแก้ไขปัญหาในระดับนโยบาย ทั้งแผนพัฒนาระยะสั้น-กลาง-ยาว และร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องที่ ท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระดับตำบล และเมืองเต็มพื้นที่ทุกจังหวัด 2. เราจะร่วมสร้างพื้นที่รูปธรรมเชิงคุณภาพเพื่อเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ การสื่อสาร และขยายผลในพื้นที่ ในทุกตำบล เมือง และจังหวัด 3.เราอยากเห็นทุกจังหวัดประกาศนโยบาย แผนการพัฒนาว่าด้วยเรื่องที่ดิน ที่ทำกิน และที่อยู่อาศัยของผู้มีรายได้น้อยของภาคประชาชน ได้รับการบรรจุเป็นแผนพัฒนาในระดับจังหวัดทั้งในระยะสั้น-กลาง และระยะยาว
“ท้ายนี้ พี่น้องขบวนองค์กรชุมชนภาคกลางและตะวันตก จะเป็นพลังสำคัญในการพัฒนาเคียงคู่กับภาครัฐ หน่วยงานภาคีทุกภาคส่วน ในการสร้างความเข้มแข็งของชุมชนท้องถิ่น อันจะนำมาซึ่งการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดี โดยเราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ภายใต้โครงการบ้านมั่นคง บ้านโดยชุมชน ทุกคนร่วมกันสร้าง” ผู้แทนขบวนองค์กรชุมชนฯ กล่าว
ส่วนในวันที่ 1 พฤศจิกายน มีการจัดกิจกรรมวันที่อยู่อาศัยโลก ‘บ้านมั่นคง บ้านโดยชุมชน ทุกคนร่วมกันสร้าง’ (World Habitat Day 2019 ‘Collective Housing’) ที่ห้องประชุมมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี โดยมีนายสากล ม่วงศิริ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เป็นประธานในพิธี มีนายสมชาติ ภาระสุวรรณ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) นายกอบชัย บุญอรณะ ผวจ.เพชรบุรี ผู้แทนขบวนองค์กรชุมชนภาคกลางและตะวันตก ผู้แทนหน่วยงานต่างๆ ร่วมงานประมาณ 500 คน ทั้งนี้ผู้แทนชุมชนที่อยู่อาศัยในที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ที่ได้รับผลกระทบจากโครงการรถไฟรางคู่ได้ยื่นข้อเสนอและแผนพัฒนาที่อยู่อาศัยในที่ดิน รฟท.ให้แก่นายสากลด้วย
นายสากล ม่วงศิริ ผู้ช่วย รมว.พม.กล่าวว่า กระทรวง พม.มีแผนแม่บทการพัฒนาที่อยู่อาศัยระยะ 20 ปี (พ.ศ.2560-2579) เพื่อแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยให้แก่ประชาชนที่มีรายได้น้อยทั่วประเทศ โดยมีสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ รับผิดชอบประมาณ 1 ล้านครัวเรือน และการเคหะแห่งชาติประมาณ 2 ล้านครัวเรือน ส่วนการแก้ไขปัญหาที่ดินการรถไฟฯ ที่พี่น้องประชาชนมายื่นข้อเสนอในวันนี้ ตนจะรับข้อเสนอเพื่อนำไปประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาต่อไป
นายสากล ม่วงศิริ ผู้ช่วย รมว.พม.รับมอบข้อเสนอการแก้ไขปัญหาที่ดิน รฟท.
โครงการรถไฟรางคู่ คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 27 เมษายน 2553 เห็นชอบแผนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของการรถไฟแห่งประเทศไทย ระยะเร่งด่วน พ.ศ. 2553 - 2558 รวมถึงการพัฒนาโครงข่ายรถไฟทางคู่ ในเส้นทางสายเหนือ สายตะวันออกเฉียงเหนือ และสายใต้ รวม 873 กิโลเมตร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งทางรถไฟ โดยจะมีการก่อสร้างทางรถไฟ และขยายพื้นที่เส้นทางรถไฟออกไปด้านละ 40 เมตร และรัศมีรอบสถานีชั้น 1 ระยะ 150 เมตร จำนวน 77 สถานี ใน 47 จังหวัด เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2558
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจากการสำรวจของสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) และคณะสถาปัตยกรรม มหาวิทยาลัยศรีปทุม พบว่า มีบ้านเรือนประชาชนที่จะได้รับผลกระทบจำนวน 60,961 หลังคาเรือน แบ่งเป็นบ้านเรือนที่จะได้รับผลกระทบในแผนพัฒนาระยะที่ 1 (พ.ศ. 2561 – 2565) จำนวน 24,266 หลังคาเรือน, แผนพัฒนาระยะที่ 2 (พ.ศ. 2566 – 2570) จำนวน 11,678 หลังคาเรือน, แผนพัฒนาระยะที่ 3 (พ.ศ. 2571 – 2575) จำนวน 1,026 หลังคาเรือน และไม่อยู่ในแผนพัฒนา 23,982 หลังคาเรือน ส่วนผู้ที่ได้รับผลกระทบมีทั้งผู้ที่มีสัญญาเช่าอาศัยอยู่ในที่ดินการรถไฟฯ อย่างถูกต้อง และที่อยู่อาศัยแบบไม่มีสัญญาเช่าอีกเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ในพื้นที่ภาคกลางและตะวันตกมี 11 จังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากโครงการรถไฟฯ คือ สมุทรสาคร ประจวบคีรีขันธ์ ราชบุรี นครปฐม กาญจนบุรี เพชรบุรี นครสวรรค์ สมุทรสงคราม พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี และสุพรรณบุรี มีผู้ได้รับผลกระทบรวม 15,764 หลังคาเรือน เฉพาะที่จังหวัดเพชรบุรีได้รับผลกระทบ 1,067 ครัวเรือน
การขยายเส้นทางรถไฟรางคู่และสร้างสถานีใหม่ที่ จ.เพชรบุรี
ส่วนการแก้ไขผลกระทบชุมชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากการก่อสร้างทางรถไฟรางคู่นั้น รฟท.ได้ให้สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ เป็นหน่วยงานที่ทำสัญญาเช่าที่ดินจาก รฟท.แทนชุมชนที่ได้รับผลกระทบจำนวน 59 ชุมชน รวม 3,442 ครัวเรือน โดยสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ สนับสนุนงบประมาณการพัฒนาที่อยู่อาศัยครัวเรือนละประมาณ 50,000 บาท และให้สินเชื่อซื้อที่ดิน-สร้างที่อยู่อาศัยไม่เกิน 300,000 บาท โดยชุมชนที่อาศัยอยู่ในที่ดินเดิมของ รฟท.ได้จะต้องรื้อย้ายบ้านเรือนออกจากแนวเส้นทางรถไฟด้านละ 40 เมตร ส่วนชุมชนที่อยู่ในที่ดิน รฟท.ไม่ได้จะต้องหาที่ดินแปลงใหม่โดยการเช่าหรือซื้อที่ดิน ขณะนี้ดำเนินการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยไปแล้วกว่า 10 ชุมชนในหลายจังหวัด เช่น เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์สงขลา ฯลฯ
อย่างไรก็ตาม เครือข่ายขบวนองค์กรชุมชนทั่วประเทศไทยเห็นว่า แม้ว่าชุมชนจะได้รับสัญญาเช่าที่ดิน รฟท.แล้ว แต่ก็ยังไม่มีความมั่นคง เนื่องจากในสัญญาเช่าที่ดินจาก รฟท.ระบุว่า หาก รฟท.ต้องการใช้ประโยชน์ในที่ดินก็จะไม่ต่อสัญญาเช่าให้กับชุมชน ทำให้ชุมชนต้องถูกไล่รื้อ โดยที่ผ่านมามีหลายชุมชนที่โดนไล่รื้อแล้ว เช่น จ.สงขลา ได้รับสัญญาเช่าที่ดิน รฟท. 19 ชุมชน แต่ได้รับผลกระทบจากการขยายทางรถไฟ 13 ชุมชน อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้รับผลกระทบ 19 ชุมชน (บุกรุกที่ดิน รฟท.) ประมาณ 1,004 ครัวเรือน โดย รฟท.ฟ้องร้องต่อศาลเพื่อให้ชุมชนรื้อย้ายออกจากที่ดิน รฟท.ภายในสิ้นเดือนธันวาคมนี้ ฯลฯ
ดังนั้นเครือข่ายขบวนองค์กรชุมชนทั่วประเทศไทยจึงได้จัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อการพัฒนาที่ดินที่อยู่อาศัยและคุณภาพชีวิตสำหรับประชาชนที่มีรายได้น้อยในที่ดินการรถไฟฯ โดยมีข้อเสนอดังนี้ 1.หยุดการไล่รื้อ และการดำเนินคดีความกับชุมชนในที่ดิน รฟท. 2.ให้มีการเปิดเผยข้อมูล นโยบาย โครงการพัฒนาในที่ดิน รฟท.ที่ส่งผลกระทบต่อชุมชน และต้องมีกระบวนการรับฟังความคิดเห็นจากชุมชนที่ได้รับผลกระทบโดยตรง
3.ให้มีการจัดตั้งกองทุนกลางเพื่อพัฒนาที่ดินที่อยู่อาศัยและคุณภาพชีวิต โดยให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการ โดยรวมไว้ในมูลค่าโครงการอย่างเป็นธรรม เพื่อนำกองทุนไปช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบ เช่น ช่วยเหลือค่ารื้อย้าย ลดภาระค่าที่อยู่อาศัยตามความเหมาะสม จัดซื้อที่ดิน ที่อยู่อาศัย ของเอกชน การเคหะแห่งชาติ หรือเข้าร่วมโครงการบ้านมั่นคงของสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ
4.ให้มีการอำนวยการก่อสร้างที่อยู่อาศัยและจัดหาที่ดินรองรับผู้ที่ได้รับผลกระทบที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตชุมชน 5.ให้มีการจัดตั้งและประสานให้เกิดกลไกในการแก้ไขปัญหาชุมชนที่ได้รับผลกระทบกรณีที่ดิน รฟท.ที่มีส่วนร่วมจากภาคประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งในระดับนโยบายและจังหวัด และ 6.ให้มีการปรับคู่สัญญาเช่าที่ดิน รฟท. โดยให้ชุมชน/สหกรณ์สามารถเช่าที่ดินโดยตรงกับ รฟท.ได้
การจัดงานวันที่อยู่อาศัยโลกที่ ม.ราชภัฏเพชรบุรี
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |