“ประยุทธ์” ย้ำไม่มีปัญหาเข้าพบ กมธ.ของเสรีพิศุทธ์ แต่ต้องรอฝ่ายกฎหมายตรวจสอบก่อนตัดสินใจ ฝ่ายค้านโอดครวญทำงานในรัฐสภายากลำบาก รัฐบาลเอาแต่พวกมากลากไปทั้งที่เสียงปริ่มน้ำ เตรียมจองกฐินวาระ 2 งบกลาโหมหลัง กมธ.ทหารเชิญผู้นำมาให้ข้อมูลแต่ไม่ได้อะไร “ลุงตู่” ยันปีหน้ามีเลือกตั้งท้องถิ่น-ผู้ว่าฯ กทม.แน่ แต่ไม่รู้ใครมาก่อนกัน
เมื่อวันพฤหัสบดี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ย้ำถึงกรณี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.และหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ ทำหนังสือเชิญให้ไปชี้แจงการจัดทำร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ หลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบอีกครั้งในวันที่ 6 พ.ย. ว่าวันนี้ก็พูดกันมาหลายทาง ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบกันอยู่ของฝ่ายกฎหมาย ส่วนตัวไม่มีข้อขัดข้องอะไร เพียงแต่ต้องไปดูว่าประเด็นที่สอบถามและเรียกไปชี้แจงนั้นเป็นอย่างไร รวมทั้งที่ได้มีหนังสือสอบถามไป อะไรที่ซ้ำซ้อนกับของเดิม ควรต้องหากันใหม่หรือไม่ ก็ยังไม่แน่ใจเหมือนกัน
“ผมเองนั้นไม่มีปัญหาอะไร และเมื่อถึงเวลาผมก็จะตัดสินใจของผมเองได้ อย่าเพิ่งมาถามกันทุกวันเลย เวลาก็ยังมีอยู่” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ด้านนายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะที่ปรึกษาคณะ กมธ.ทหาร กล่าวว่า ในการประชุม กมธ.วันที่ 31 ต.ค. ได้เชิญปลัดกระทรวงกลาโหม และเสนาธิการเหล่าทัพต่างๆ มาชี้แจงข้อสงสัยกรณีที่งบประมาณกระทรวงกลาโหมจำนวน 233,000 ล้านบาท ในร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ 2563 หลายรายการไม่ได้แจกแจงรายละเอียดการใช้ โดยเฉพาะงบเกี่ยวกับการจัดซื้ออาวุธ งบการปรับปรุงสมรรถนะกองทัพที่เขียนแค่บรรทัดเดียว ซึ่งเสนาธิการทุกเหล่าทัพที่มาชี้แจงต่างไม่ยอมชี้แจงให้ กมธ.ทหารรับทราบ เหมือนมีสัญญาณบอกมาว่าไม่ให้พูด บอกเพียงสั้นๆ ว่าเป็นเรื่องความมั่นคง และจะไปชี้แจงรายละเอียดต่างๆ ต่อ กมธ.พิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ เท่านั้น ทั้งที่ กมธ.ทหารมีสิทธิรับรู้ข้อมูล ดังนั้น กมธ.ทหารจึงแทบไม่ได้ข้อมูลอะไรเลยในการเชิญกองทัพมาชี้แจง จึงจะนำเรื่องงบกองทัพไปแปรญัตติอภิปรายในร่าง พ.ร.บ.งบประมาณวาระ 2 ต่อไป
นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรค พท. ในฐานะรองประธานคณะกรรมการประสานสานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ยอมรับว่าการทำงานในรัฐสภาเป็นการทำงานที่ยาก เพราะพรรคร่วมรัฐบาลใช้วิธีการพวกมากลากไป การนำเสนอกฎหมายหรือการเสนอญัตติอะไรไม่ให้ความสำคัญกับการทักท้วงของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ส่งผลให้การทำงานลำบาก รัฐบาลใช้อำนาจจนติดเป็นนิสัย ไม่ฟังเสียงใคร ทั้งๆ ที่รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ
“การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล หรือการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลเป็นไปตามกติกาการเมือง เป็นหน้าที่ของพรรคฝ่ายค้านที่ต้องการเตือนรัฐบาลถึงการทำงานว่ามีปัญหาตรงไหน มีข้อบกพร่องตรงไหน มีปัญหาคอร์รัปชันหรือไม่ หากรัฐบาลมั่นใจว่าทำดีจริง โปร่งใสจริง ต้องมาตอบในสภาต่อหน้าประชาชน หากรัฐบาลจะล้มก็เป็นเพราะการกระทำของรัฐบาลเอง รัฐบาลต้องไม่มองว่าฝ่ายค้านจ้องจะล้มรัฐบาล” นายสมคิดกล่าว
ย้ำงบประมาณซ้ำซ้อน
นายสมคิดกล่าวอีกว่า การใช้จ่ายงบประมาณของรัฐบาลหลายโครงการซ้ำซ้อน เปลืองเงินภาษีของประชาชนโดยใช่เหตุ งบประมาณที่เป็นไขมันส่วนเกิน กมธ.ซีกฝ่ายค้านก็มีการตรวจสอบและปรับลดลง เพื่อนำงบส่วนเกินเหล่านั้นเอาไปให้ส่วนที่จำเป็น จากเดิม พล.อ.ประยุทธ์ใช้จ่ายงบประมาณอย่างไรก็ได้ อยากซื้ออาวุธก็ซื้อ ทั้งรถถัง ทั้งเครื่องบิน เรือดำน้ำ ซื้อหมด แต่ในสมัยนี้มี ส.ส.คงทำตามใจตัวเองไม่ได้ จะมามั่วเอาภาษีประชาชนไปใช้จ่ายตามใจผู้มีอำนาจเหมือนที่ผ่านมาคงไม่ได้
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรค พท. กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ขอให้ ผบ.เหล่าทัพเตรียมพร้อมชี้แจงงบของแต่ละเหล่าทัพ เพราะอาจจะโดนหนักหน่อย เนื่องจากเป็นนายกฯ มาจากทหาร ว่าไม่แน่ใจว่า พล.อ.ประยุทธ์เข้าใจผิด หรือสื่อสารไม่ครบ การตรวจสอบปรับลดงบประมาณไม่ได้หนักหรือไม่หนัก จากการมีนายกฯ มาจากทหารหรือพลเรือน สาระสำคัญของการพิจารณางบประมาณคือการตรวจสอบการจัดสรรงบประมาณให้กับหน่วยงานต่างๆ อย่างเหมาะสมและเอื้อต่อการเสริมศักยภาพการแข่งขันของประเทศ งบกระทรวงกลาโหมหรืองบของกองทัพติดอยู่ในอันดับที่ได้รับการจัดสรรเงินงบประมาณสูงมาโดยตลอด จะให้แข่งกันทำลายสถิติพิจารณาเร็วขึ้นทุกปีเหมือน 5 ปีที่ผ่านมาคงไม่ได้
"แทบทุกประเทศต่างเตรียมการรับมือผลกระทบจากสงครามการค้า แต่การจัดทำงบประมาณของกระทรวงกลาโหมและเหล่าทัพยังคงวนเวียนอยู่กับการสร้างความเข้มแข็งของกองทัพ มากกว่าการเอาตัวรอดทางเศรษฐกิจของประเทศ" นายอนุสรณ์ กล่าว
ด้านนายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในฐานะโฆษก กมธ.วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 แถลงว่า กมธ.ได้พิจารณาในส่วนของกระทรวงพาณิชย์เรียบร้อยแล้ว และกำลังพิจารณาในส่วนของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) และหน่วยงานในกำกับ ทั้งนี้ ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์นั้น กมธ.ได้ตั้งข้อสังเกตในส่วนของศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (องค์การมหาชน) หรือ ศ.ศ.ป. ที่ขอรับจัดสรรงบ 252,138,900 บาท ว่าหน่วยงานมีเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ในการส่งเสริมกิจกรรมการตลาดทั้งในและต่างประเทศผ่านช่องทางการจำหน่ายสินค้าของ ศ.ศ.ป. 190,590,000 บาท ซึ่งกรณีนี้จะถือว่า ศ.ศ.ป.มีผลประกอบการต่ำกว่างบประมาณที่ได้รับจัดสรรหรือไม่ และจากการตั้งเป้าหมายดังกล่าวแสดงว่าหน่วยงานไม่ได้ให้ความสำคัญในการส่งเสริมการผลิตภายในประเทศใช่หรือไม่ นอกจากนี้ แผนบูรณาการของ ศ.ศ.ป. 14 โครงการ ซึ่งขอรับจัดสรรงบเท่ากันทุกโครงการคือ 979,200 บาท และเป็นรายการงบเกี่ยวกับการฝึกอบรมสามารถโอนเปลี่ยนแปลงไปใช้จ่ายงบในโครงการอื่นได้
นายชัยชนะกล่าวอีกว่า สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) นั้น กมธ.เห็นว่าปัจจุบันผู้ซื้อมีความกังวลในอัญมณีที่ซื้อไปว่าอาจเป็นของปลอม ส่งผลให้จำนวนผู้ซื้อลดลง ดังนั้นหากสามารถตรวจสอบเลขอัญมณีได้ตลอด 24 ชั่วโมง จะทำให้ตลาดอัญมณีในประเทศคึกคักเหมือนในอดีต ซึ่งในสัปดาห์หน้าจะตั้งคณะอนุ กมธ.ขึ้นมาช่วยพิจารณา 5 คณะ และการพิจารณาของ กมธ.ขณะนี้ยังเป็นเพียงการตั้งข้อสังเกต ยังไม่มีการปรับหรือเกลี่ยงบแต่อย่างใด ซึ่งการปรับเกลี่ยงบนั้นจะอยู่ในชั้นของคณะอนุ กมธ.
ยันเลือก อปท.ปีหน้า
วันเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ที่มีการบริหารจัดการที่ดีประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2562 โดยนายกฯ กล่าวตอนหนึ่งว่า การได้รับรางวัลขอให้ภาคภูมิใจ ส่วน อปท.ไหนที่ยังไม่ได้รับรางวัล ก็ต้องพยายาม โดยเงินรางวัลที่ได้ไปขอให้นำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งการกระจายอำนาจเราก็มีอยู่แล้ว วันนี้คิดว่าเราสามารถกระจายความเข้าใจไปถึงกัน กระจายจิตใจให้ถึงกันว่าเราจะร่วมมือกันได้ ซึ่งการทำงานตรงนี้รัฐบาลยืนยันเรื่องเหล่านี้จะพัฒนาเพิ่มขึ้นเป็นระยะ เนื่องจากให้ความสำคัญกับท้องถิ่นมากพอสมควร
"เราจะมีการเลือกตั้งในปีหน้านี้ เมื่อทุกอย่างมันพร้อมค่อยมีการเลือกตั้ง รัฐบาลนี้ยืนยันอีกว่าไม่ว่าใครจะเป็นหรือไม่เป็นผมก็ไม่รู้ แต่จะสนับสนุนเรื่องการทำงานให้ได้มากที่สุด โดยคำนึงถึงความต้องการพื้นที่และประชาชน แล้วนำเข้าสู่การพิจารณาเป็นขั้นเป็นตอน ทำให้ง่ายขึ้น เร็วขึ้น ตรงขึ้น เพราะผมเข้าใจดีการที่ส่วนกลางกำหนดลงไปแต่เพียงฝ่ายเดียวมันทำไม่ได้มากนัก ในโลกวันนี้ต้องฟังความคิดเห็นประชาชนด้วย"
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า สิ่งสำคัญจะทำอย่างไรให้ทุกคนมีรายได้ดีขึ้น ประชาชนมีความสุขขึ้น มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น ซึ่งการเพิ่มบทบาทการปกครองขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เราพยายามทำให้มากที่สุด เพื่อเป็นกลไกขับเคลื่อนการพัฒนาระดับพื้นที่ ให้สามารถบริหารจัดการตนเองตามหลักธรรมาภิบาลได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยคำนึงประโยชน์สุขของประชาชนเป็นสำคัญ
นายกฯ ยังกล่าวว่า การทำงานของรัฐบาล การใช้งบประมาณจำเป็นต้องได้รับการตรวจสอบจากหลายส่วนด้วยกัน สิ่งใดก็ตามที่ใช้งบประมาณก็ต้องสอดประสานกับยุทธศาสตร์ชาติซึ่งได้วางไว้แล้ว ยุทธศาสตร์ชาติไม่ได้ไปล็อกอะไรมากมาย เป็นเพียงกรอบใหญ่ๆ แต่ถ้าจะไปคิดโครงการก็ขอให้ไปศึกษาตรงนี้ด้วย ถ้าเรารู้ไม่ตรงกันทั้งหมดตั้งแต่ข้างบนลงไปข้างล่าง มันทำงานกันไม่ได้ มันจะขาดวิ่นไปทั้งท่อนไม่ได้ ทั้งนี้ หลายอย่างที่รัฐบาลได้ทำมีการใช้งบประมาณผ่านกระทรวงมหาดไทยที่ลงไปถึงข้างล่าง ซึ่งเป็นการกำหนดความต้องการของประชาชนโดยตรงอย่างแท้จริง แต่ขอเพียงอย่างเดียวทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย ตาม พ.ร.บ.ต่างๆ กฎหมายใหม่ออกมาเยอะ สิ่งที่ต้องเรียนรู้คือตรงนี้ เรื่องการใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดินไม่ง่ายนักหรอก แต่ถ้าทำให้ถูกต้องตรงวัตถุประสงค์มันทำได้หมด ในวงเงินที่เรามีอยู่ ขอให้ทุกคนมุ่งมั่นตั้งใจทำงาน และหวังว่า อปท.ทุกแห่งจะพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว ในช่วงนี้เป็นต้นไป และหวังวันหน้า อปท.จะใช้ระบบออนไลน์ให้มากขึ้นเพื่อลดเวลาให้กับประชาชน
“วันนี้ต้องเข้าใจว่าบางทีถ้าเรามองเล็กๆ ปัญหามันก็เยอะอยู่แล้ว ถ้าเรามองใหญ่ขึ้นมาอีก ปัญหาจะเยอะกว่าเดิม แต่รัฐบาลต้องดูทั้งหมด รัฐบาลต้องรับปัญหามีเท่าไหร่ ยืนยันรัฐบาลนี้จะทำอย่างต่อเนื่อง เพราะเราทำยุทธศาสตร์ชาติไว้แล้วเดินหน้าไปอย่างนั้น บางอันอาจจะช้า บางอันอาจจะเร็ว ทุกอย่างขึ้นอยู่กับประชาชนว่าจะเห็นชอบหรือไม่ สิ่งสำคัญคือความร่วมมือระหว่างกันในทุกภาคส่วน สิ่งสำคัญคือการปรับเปลี่ยนวิธีการและแนวคิด เราต้องคิดใหม่โดยไม่ทิ้งของเดิม หาทางปฏิบัติที่ดีกว่าเดิม และตนหวังว่าท่านจะทำหน้าที่ของท่านให้ดีที่สุด เช่นเดียวกับรัฐบาลจะทำหน้าที่ของรัฐบาลให้ดีที่สุดและร่วมมือกันให้มากยิ่งขึ้น”พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า ในอนาคตอย่างที่ได้ย้ำไปแล้วว่าจะมีการเลือกตั้งปีหน้า เราต้องคำนึงถึงประชาชนเป็นที่ตั้ง เมื่อเราได้รับเลือกจากประชาชนมาแล้วก็ทำงานร่วมกัน แต่การทำงานร่วมกันที่จะทำให้ตอบสนองประชาชนได้จำเป็นต้องร่วมบริหารกับรัฐบาล ส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และท้องถิ่น ต้องจับมือเดินไปข้างหน้าด้วยกัน ไม่เช่นนั้นเดินไปไม่ได้ เราต้องร่วมกัน สัญญาว่ารัฐบาลนี้ยืนยันจะให้การสนับสนุนการทำงานของ อปท.อย่างเต็มที่ ให้สามารถเดินหน้าต่อไปได้เพื่อประเทศและประชาชนของเรา
เมื่อถามถึงการเลือกตั้งท้องถิ่นจะเริ่มจากส่วนไหนก่อน พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า คณะกรรมการกำลังหารือกันอยู่ ดูกฎหมายดูความพร้อม วันนี้คงไม่ติดขัดอะไร ทำงานกันไป รัฐบาลมีแผนงานที่ชัดเจน งบประมาณก็กำลังออกมาจะเดินหน้าไปได้ ส่วนใครจะเป็นไม่เป็น ถ้าเรายึดมั่นในหลักการว่าเรายึดแนวทางยุทธศาสตร์และแผนปฏิรูปของเราใครจะเป็นก็ได้ แต่ต้องเป็นคนที่ตั้งใจมั่นตั้งใจดี ในเมื่อได้รับความเห็นชอบของประชาชนมาแล้วก็ต้องทำตัวให้ดีที่สุด และการเลือกตั้งท้องถิ่นไม่ได้ขึ้นอยู่กับงบประมาณเพียงอย่างเดียว มีเรื่องอื่นด้วย เพราะความพร้อมมันมีหลายมีติ ทั้งกฎหมาย ทั้งการเตรียมการเลือกตั้งที่ กกต. ต้องกำหนดอีกครั้ง แต่ถึงอย่างไรวันนี้ก็มีคนทำงานอยู่แล้ว
เชื่อเงิน 1 ล้านพัน พปชร.
เมื่อถามย้ำว่า จะจัดการเลือกตั้ง กทม.หรือ อบจ.ก่อนกัน พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ยังไม่ได้รับรายงานขึ้นมา เป็นเรื่องที่หน่วยงานต้องตัดสินใจ ไม่ใช่เรื่องที่นายกฯ ต้องตัดสินใจ เป็นเรื่องของท้องถิ่น เป็นการเลือกตั้งตามกฎหมายอยู่แล้ว
ส่วนที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยเข้ายื่นคำร้องต่อ กกต. ขอให้ตรวจสอบนายพิเชษฐ สถิรชวาล หัวหน้าพรรคประชาธรรมไทย กรณีพบหลักฐานสลิปการโอนเงินวันที่ 1 เม.ย.62 จำนวน 1 ล้านบาท ผ่านระบบบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาสะพานใหม่ดอนเมือง ไปยังบัญชีออมทรัพย์ของนายพีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค หัวหน้าพรรคไทรักธรรม ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงที่ 11 พรรคการเมืองขนาดเล็กมีการประชุมเพื่อพิจารณาจะร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ โดยนายศรีสุวรรณระบุว่า ได้รับหลักฐานสลิปการโอนเงินดังกล่าวจากนายชัยวุฑ ตรึกตรอง อดีตรองหัวหน้าพรรค และรักษาการเลขาธิการพรรคประชาธรรมไทยที่มาขอความช่วยเหลือ ซึ่งเห็นว่าการโอนเงินดังกล่าวมีความผิดปกติ หากให้เพื่อประโยชน์ในการจัดตั้งรัฐบาลก็จะเข้าข่ายเป็นความผิดตาม พ.ร.ป.พรรคการเมือง มาตรา 28, มาตรา 29, มาตรา 44 และมาตรา 65 โดยเฉพาะมาตรา 72 ดังนั้นจึงขอให้ กกต.ตรวจสอบเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริง โดยอาจส่งเรื่องให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ตรวจสอบเส้นทางการเงินและดำเนินการตามกฎหมาย
“จะถือเป็นการให้มัดจำเพื่อให้พรรคเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ ผมไม่ทราบ เป็นเรื่องที่ กกต.ต้องตรวจสอบ แต่มีข้อน่าสงสัยว่า หลังการเลือกตั้งที่ทราบว่าพรรคไหนมี ส.ส.ในสังกัดเท่าใดแล้ว และมีพรรคเล็กที่คาดว่าได้ ส.ส.รวม 11 พรรคการเมือง จากนั้นวันที่ 13 พ.ค. ก็มีการประชุมของ 11 พรรคเล็กและลงสัตยาบันว่าจะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งการโอนเงินดังกล่าวมันเกิดขึ้นในช่วงเวลาใกล้เหตุการณ์นี้ฉะนั้นมันเป็นเหตุผลที่เชื่อมโยงกัน” นายศรีสุวรรณกล่าว และว่า ไม่เชื่อว่าการโอนเงินดังกล่าวเป็นการยืมกันส่วนตัวของบุคคล เพราะเงิน 1 ล้านบาทไม่ใช่เงินเล็กน้อย จะมาใจดีให้ยืมกันโดยไม่มีการทำสัญญาคงไม่ได้
ส่วน พ.ต.ท.ฐนภัทร กิตติวงศา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ซึ่งเป็นหนึ่งใน 3 ส.ส.ที่โหวตเห็นชอบกับพระราชกำหนดอัตรากำลังฯ กล่าวว่า ได้ชี้แจงกับทางกรรมการสอบสวนของพรรคไปแล้วเมื่อวันที่ 29 ต.ค. ซึ่งได้พูดไปตามที่คิด และอธิบายไปตามความเป็นจริงว่าเหตุผลที่เลือกโหวต พ.ร.ก.ไม่เป็นไปในแนวทางเดียวกับพรรคเพราะอะไร จากนี้ก็คงต้องรอทางพรรคพิจารณาโทษว่าจะมีอะไรบ้าง ซึ่งก็น้อมรับแต่โดยดี
“ผมไม่มีปัญหาหากพรรคจะมีมติขับออก เพราะสิ่งที่ผมตัดสินใจทำไปนั้นมาจากความต้องการที่ผมได้ชี้แจงก่อนการโหวตไปแล้ว ขณะเดียวกันเรื่องบางเรื่องที่เกิดขึ้น หรืออุดมการณ์บางอย่างก็ทำให้ผมไม่สบายใจบ้าง ต่อจากนี้การตัดสินใจบางอย่างก็คงต้องหันมามองตัวเองให้มากขึ้น แต่ที่แน่นอนที่สุดคือผมจะให้ความสำคัญกับประชาชนในพื้นที่ของผมเป็นอันดับแรก” พ.ต.ท.ฐนภัทรระบุ.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |