อนาคตใหม่ร้าว! "อดีต ส.ส.-สมาชิกพรรค" 120 คนแห่ยื่นใบลาออก อ้างผู้นำพรรคไร้สัจจะ "ธนาธร" เมินไม่มีผลต่อพรรค บอกได้เวลาคัดกรองคนที่มีอุดมการณ์ตรงกัน "เลขาฯ อนค." เผย 29 ต.ค.นี้เริ่มสอบ ส.ส.โหวตสวนมติพรรค "อัยการ" นัดฟังคดี "ปิยบุตร" หมิ่นศาล รธน. 28 พ.ย. "ศรีสุวรรณ" ยื่น กกต.สอบที่มาเงิน "ช่อ" บริจาคเข้าพรรค 1 ล้าน พ่วงตีความ "เสี่ยเอก-เมีย" บริจาคเงินขัด ม.66 พ.ร.ป.พรรคการเมืองหรือไม่
ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) วันที่ 28 ต.ค. นายนิพนธ์ แจ่มจำรัส อดีตผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 จ.ชลบุรี พรรคอนาคตใหม่ (อนค.) พร้อมอดีตผู้สมัคร ส.ส. พรรค อนค. 30 คน และสมาชิกพรรคกว่า 90 คน ทยอยเข้ายื่นใบลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง กกต.
นายนิพนธ์กล่าวว่า วันนี้เราต้องการที่จะสื่อให้เห็นความคิดอุดมการณ์ของเรากับพรรค อนค.มีความแตกต่างกัน แต่เรายังรักปรารถนาดีและศรัทธาในนโยบายของพรรค ไม่ได้มีความคิดร้ายต่อกัน เราไม่ได้มีการทำร้ายพรรคหรือทำให้พรรคสั่นสะเทือน เราเข้าร่วมกับพรรคในวันที่พรรคไม่ได้มีชื่อเสียง เป็นสมาชิกรุ่นก่อตั้งพรรค แต่วันนี้พรรคมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับจากภาคส่วนต่างๆ
"เมื่อเรามีความคิดและอุดมการณ์ที่แตกต่างจากพรรค พวกเราจึงขอเดินออกมาเอง และก็ไม่มีอะไรค้างคาใจหรือบาดหมางกัน แต่วันนี้เราจำเป็นต้องถอยออกมา เพราะพรรคอนาคตใหม่ก่อนเลือกตั้งกับหลังเลือกตั้งมีความแตกต่างกัน ซึ่งการลาออกไม่ใช่เรื่องตำแหน่ง สมาชิกทุกคนไม่มีใครต่อรองหรือเรียกร้องเรื่องนี้ แต่เราต้องการที่จะสื่อให้เห็นว่าตรงนี้เป็นแค่ส่วนย่อยที่ทำให้เกิดปัญหา แต่เรื่องสัญญาและสัจจะของผู้นำนั้นเป็นเรื่องสำคัญ ถ้าเราไม่มีสัจจะในฐานะผู้นำแล้ว เราจะนำประชาชนทั้งประเทศให้ไปสู่จุดมุ่งหมายตามนโยบายได้อย่างไร" นายนิพนธ์กล่าว
ขณะที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค อนค.กล่าวว่า อดีตผู้สมัคร ส.ส.และสมาชิกพรรคลาออกเป็นสิทธิ์ของสมาชิกทุกท่าน เรามองว่าไม่มีผลกระทบอะไรกับพรรค ซึ่งพรรคมีสมาชิก 6 หมื่นคน ขอยืนยันที่จะเดินก้าวต่อไปข้างหน้าโดยให้ความสำคัญกับสมาชิก ให้สมาชิกมีบทบาท มีสิทธิ มีโอกาสได้แสดงความคิดเห็น เป็นความสวยงามของระบอบประชาธิปไตย เราไม่มีอะไรกังวลใจ ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์พวกเราว่าเราจะสร้างพรรคที่ยึดโยงกับประชาชน ยึดโยงกับสมาชิกได้จริงหรือไม่
นายธนาธรกล่าวว่า การสร้างพรรคเพียงแค่ 1 ปี 6 เดือนที่ผ่านมา ไม่มีอะไรทำได้สมบูรณ์แบบ ไม่มีทางที่จะสร้างพรรคที่เข้มแข็ง ที่เติบโตเร็วขนาดนี้อย่างสมบูรณ์แบบได้ในเวลา 1 ปีครึ่ง ดังนั้นประสบการณ์ต่างๆ ความผิดพลาดต่างๆ เราก็รับเข้ามาเรียนรู้ ปรับปรุง เพื่อที่จะสร้างพรรคให้เข้มแข็งมากขึ้น ดังนั้นกรณีที่มีอดีตผู้สมัคร ส.ส. รวมถึงสมาชิกท่านอื่นที่ไปลาออกจากสมาชิกพรรคในวันนี้ ก็ถือว่าเป็นกระบวนการตามปกติ ไม่ได้ทำให้พวกเราหวั่นไหวสั่นคลอน ก็ขอเดินหน้าต่อ ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์พวกเราว่าจะสร้างพรรคที่เข้มแข็งได้หรือไม่
"ตอนเลือกผู้สมัคร ส.ส.เข้ามา เรามีเวลาสั้นมากกว่าที่เราจะได้รับรองเป็นพรรคเดือน ต.ค. ปีที่แล้ว เลือกตั้ง มี.ค. เราใช้เวลาแค่ 2 เดือนในการคัดสรรผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคในการเลือกตั้งที่ผ่านมา กระบวนการที่สั้นทำให้เราไม่สามารถที่จะคัดกรองคนที่มีอุดมการณ์ คนที่มีหลักการ คนที่เชื่ออย่างพรรคได้ 100 เปอร์เซ็นต์ มันเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นเมื่อเวลาเดินเข้ามา สถานการณ์และเวลาก็พิสูจน์คนว่าใครยืนหยัดร่วมกับพรรค ว่าใครมีอุดมการณ์ตรงกับพรรค ดังนั้นก็ไม่ใช่เรื่องแปลก" นายธนาธรกล่าว
ถามว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกระทบกับภาพลักษณ์ของพรรคหรือไม่ หัวหน้าพรรค อนค.กล่าวว่าคงเป็นธรรมดา โดยเฉพาะในจังหวะที่พรรคกำลังถูกผู้มีอำนาจตั้งใจจะทำร้าย ตั้งใจจะลดความน่าเชื่อถือของแกนนำ ต้องการจะดิสเครดิตเรา เมื่อเกิดอะไรที่เป็นเรื่องเล็กน้อย ถามจริงถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นที่พรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคอื่นๆ จะเป็นเรื่องราวใหญ่โตขนาดนี้หรือไม่
ส่วนนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค อนค.กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีการสอบวินัย ส.ส. โหวตสวนมติพรรคว่า จะเริ่มกระบวนการในวันที่ 29 ต.ค.นี้ เรียกมาชี้แจงทยอยกันมา อีกด้านหนึ่งมีคำร้องเข้ามาจากสมาชิกพรรคท่านอื่นและคณะทำงานจังหวัด ก็จะสอบสวนกันตามกระบวนการตามข้อบังคับ
ถามว่า มีการพูดคุยกับ น.ส.ศรีนวล บุญลือ ส.ส.เชียงใหม่หรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้ไม่พอใจที่มีการกล่าวหาว่าเป็นงูเห่า เลขาฯ พรรค อนค.กล่าวว่า ไม่มีใครในพรรคไปกล่าวหาว่า น.ส.ศรีนวลเป็นงูเห่า เราก็มั่นใจว่า น.ส.ศรีนวลไม่ได้รับผลประโยชน์อะไรทั้งสิ้น และยังเป็นบุคลากรที่สำคัญของพรรค
ที่สำนักงานอัยการสูงสุด พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา นัดแจ้งผลคำสั่งของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าจะมีความเห็นแย้งหรือไม่ในคดีที่พนักงานอัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องนายธนาธร, นายไกลก้อง ไวทยการ นายทะเบียนสมาชิกพรรค และ น.ส.จารุวรรณ ศรัณย์เกตุ กรรมการบริหารพรรค ที่พนักงานสอบสวน บก.ปอท.ได้เคยส่งสำนวนพร้อมความเห็นสมควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งสามในความผิดฐานร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จฯ จากกรณีผู้ต้องหาร่วมกันจัดรายการ "คืนวันศุกร์ให้ประชาชน" ผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ ในเพจอนาคตใหม่ (The Future We Want) และเพจ Thanathorn Juangroongruangkit วิจารณ์กระแสข่าวกรณีพลังดูดของ คสช.
นอกจากนี้ พนักงานสอบสวน บก.ปอท.ได้นัดนายปิยบุตร พร้อมนำสำนวนพร้อมความเห็นสมควรสั่งฟ้องมายื่นให้พนักงานอัยการ สำนักงานคดีอาญาพิจารณาสั่งฟ้องในความผิดฐานดูหมิ่นศาล กรณีนายปิยบุตรเคยอ่านแถลงการณ์วิจารณ์ศาลรัฐธรรมนูญ หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยยุบพรรคไทยรักษาชาติ โดยนายธนาธรและนายปิยบุตรต่างเดินทางมาที่สำนักงานอัยการอย่างพร้อมเพรียง
นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความ กล่าวว่า คดีนายธนาธร สตช.ยังไม่ส่งความเห็นกลับมาที่อัยการว่าจะมีความเห็นแย้งหรือเห็นด้วยกับคำสั่งไม่ฟ้องของพนักงานอัยการ ถ้ามีความเห็นแย้งก็จะต้องส่งอัยการสูงสุดเป็นผู้พิจารณาชี้ขาด แต่ถ้าเห็นด้วยคดีของนายธนาธรจะสิ้นสุดที่สั่งไม่ฟ้อง โดยพนักงานอัยการได้เลื่อนนัดแจ้งคำสั่งของสำนักงานตำรวจแห่งชาติอีกครั้งในวันที่ 2 ธ.ค.นี้ เวลา 10.00 น.
นายกฤษฎางค์กล่าวว่า ส่วนของนายปิยบุตร ปอท.ได้นำสำนวนพร้อมความเห็นสมควรสั่งฟ้องในความผิดฐานดูหมิ่นศาลรัฐธรรมนูญ มายื่นให้อัยการสำนักงานคดีอาญาเพียงข้อหาเดียว ไม่ได้ยื่นในส่วนของความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ซึ่งอธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญาได้นัดฟังคำสั่งในวันที่ 28 พ.ย.นี้ เวลา 10.00 น.
ด้านนายปิยบุตรกล่าวว่า ปอท.ไม่ได้สั่งฟ้องใน พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ แล้วคนที่ไปแจ้งความอย่าง พล.ต.บุรินทร์ ทองประไพ ฝ่ายกฎหมายคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้มารับผิดชอบอะไรบ้างหรือไม่ หรือชีวิตมีแค่เดินไปฟ้องตำรวจอย่างเดียว เรื่องจะเป็นอย่างไรต่อไปไม่รู้อย่างเดียว ภาพรวมทั้งหมดเราเรียกกันว่าการดำเนินคดีเพื่อกลั่นแกล้ง หรือปิดปาก
"อย่างเรื่องการแจ้งข้อหาของ ปอท.ที่ผมได้อ่านสำนวน ก็พบว่าเป็นเพียงข้อกล่าวหาที่เบาหวิว สิ่งที่ พล.ต.บุรินทร์เอามาแจ้งความก็เป็นการถอดเทปแบบผิดๆ ถูกๆ ไม่ตรงกับที่ได้พูด ผมเป็นอาจารย์สอนกฎหมาย เคยวิจารณ์ศาลรัฐธรรมนูญมาตลอด ไม่เคยโดนคดีสักครั้งเดียว แต่พอเป็นนักการเมืองกลับโดนคดี" นายปิยบุตรกล่าว
วันเดียวกัน นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เข้ายื่นคำร้องต่อ กกต.ขอให้ตรวจสอบกรณีการบริจาคเงินเข้าพรรคอนาคตใหม่ของ น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่และกรรมการบริหารพรรค จำนวน 1 ล้านบาทเมื่อเดือน พ.ย.61 เนื่องจากเห็นว่าในการแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) น.ส.พรรณิการ์มีทรัพย์สินไม่มาก มีเงินฝากเพียงหลักหมื่น
นอกจากนี้ ขอให้ตรวจสอบการบริจาคเงินให้พรรคของนายธนาธร ที่บริจาคเข้าพรรคช่วงเดือน ต.ค.61-ม.ค.62 จำนวน 10 ล้านบาท และนางรวิพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ ภรรยานายธนาธรที่บริจาคจำนวน 7.2 ล้านบาท เนื่องจากเห็นว่าบุคคลทั้งสองเป็นที่รับรู้กันในทางกฎหมายว่าเป็นสามีภรรยากันโดยชอบด้วยกฎหมาย เปรียบเสมือนเป็นบุคคลคนเดียวกัน ดังนั้นการบริจาคเงินของบุคคลทั้งสองน่าจะถือว่าเป็นการบริจาคของบุคคลคนเดียวกัน แต่จะใช่หรือไม่เป็นข้อสงสัยที่ กกต.ควรจะมีคำตอบ หากถือว่าเป็นบุคคลเดียวกันการกระทำดังกล่าวก็จะถือว่าขัดต่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 มาตรา 66 ที่กำหนดให้บุคคลสามารถบริจาคเงินให้พรรคการเมืองได้ไม่เกิน 10 ล้านบาทต่อปี และห้างหุ้นส่วนบริจาคเงินให้พรรคการเมืองได้ไม่เกิน 5 ล้านบาทต่อปี และอาจเป็นเหตุให้นำไปสู่การยุบพรรคการเมืองที่รับบริจาคนั้นได้.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |