แก่นสาระของการเมือง


เพิ่มเพื่อน    

   ว่าไปแล้ว...การเมืองบ้านเราในช่วงหลังๆ นี้ อะไรต่อมิอะไรมันน่าจะเลยไปจากการจิก การตี กันภายใน เล้าไก่ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใดต่อฝ่ายใด ฝ่ายเหลือง-ฝ่ายแดง ฝ่ายอนุรักษ์-ฝ่ายก้าวหน้า หรือแม้กระทั่งฝ่ายคนรุ่นเก่ากับฝ่ายคนรุ่นใหม่ เพราะโดย แก่นสาระ ทางการเมือง มันดูจะข้ามพ้น หรือก้าวผ่าน ลักษณะอาการทำนองนี้ไปเยอะแล้ว...

                                   ---------------------------------------------------

                แต่ก็นั่นแหละ...เป็นธรรมดาของผู้ซึ่งจัดอยู่ในประเภท ลิ่วล้อในหนังจีน ทั้งหลาย หรือผู้ที่ยังไม่ได้ เข้าถึง-เข้าใจ ต่อแก่นสาระทางการเมืองแบบจริงๆ จังๆ ผู้ที่ต้องอยู่ในฐานะ ตัวประกอบอดทน อันได้แก่ บรรดาปุถุชน ปวงชน หรือประชาชนทั้งหลาย ที่คุณน้า  หงา คาราวาน ท่านเคยสรุปเอาไว้ในบทเพลงมานานแสนนานแล้วว่า เป็นไพร่พล...ประชาชนก็คือเบี้ย แล้วก็โดนเขี่ยแบบลิ่วล้อในหนังจีน อะไรประมาณนั้น ก็คงหนีไม่พ้นต้องเล่นบทตัวประกอบแบบสมจริง สมจัง เอามากๆ คือต้องหันมาออกอาการ แค้นจัด-กัดดะ-ฝังเขี้ยวจมน่อง ผู้ซึ่งถือเป็นฝ่ายตรงกันข้าม เลยทำให้ใครต่อใครลืมมอง หรือไม่คิดจะหันไปมองสิ่งที่เป็นแก่นสาระทางการเมือง ซึ่งกำลังก้าวผ่าน ข้ามพ้น การจิกตีกันเองภายในเล้าไก่ ของแต่ละฝ่ายยิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ...

                                     -----------------------------------------------

                แม้แต่ สื่อฯ ประเภทที่เคยถนัดในการวิเคราะห์ เจาะลึก ทั้งหลาย...จะด้วยเหตุผลกลใดก็มิอาจทราบได้ หรือจะเป็นเพราะ สิทธิชนยุคสุดท้าย ของวงการสื่อมวลชน มันได้ผ่านพ้นไปนานแล้ว อย่างที่คุณน้า สุทธิชัย หยุ่น ท่านเคยได้กล่าวเอาไว้เมื่อหลายสิบปีที่แล้ว หรือไม่ ประการใด ก็ตาม จึงทำให้ สื่อ แต่ละราย เกิดความยินยอม พร้อมใจ สมัครใจที่จะ อมเชาวริน หรืองับสากกะเบือกันเป็นด้ามๆ เมื่อมีอะไรที่ต้องไปคาบเกี่ยวกับแก่นสาระทางการเมือง หันมาหยิบเอาเรื่อง กระผีก หรือ กระพี้ มาพูดจาว่ากล่าวกันแทนที่ เลยทำให้ภาพของความขัดแย้งระหว่างฝ่ายโน้น ฝ่ายนี้ ฝ่าย เอาบิ๊กตู่-ไม่เอาบิ๊กตู่ หรือฝ่าย เอาธนาธร-ไม่เอาธนาธร, เอาทักษิณ-ไม่เอาธนาธร, เอาธนาธร-ไม่เอาทักษิณ ฯลฯ หรืออะไรต่อมิอะไรก็แล้วแต่ มันเลยกลายเป็น กระแสหลัก หรือกลายเป็นแก่นสาระทางการเมืองไปแทนที่...

                                    -------------------------------------------------

                ทั้งที่บรรดาสิ่งเหล่านี้...แทบไม่ได้มี พลัง ใดๆ เลย ที่จะหันเหทิศทางการเมืองให้ไปทางไหนต่อทางไหน ไม่ว่า ใครแพ้-ใครชนะ ก็ตาม หรือไม่ว่า บิ๊กตู่ จะอยู่ยาวว์ว์ว์ต่อไปอีก 20 ปี หรือ 50 ปี เพราะต่างฝ่ายต่างมีสถานะไม่ต่างไปจาก ตัวประกอบอดทน ไปด้วยกันทั้งสิ้น เพียงแต่ว่าบรรดาตัวประกอบเหล่านี้ จะสังกัดอยู่ใน พรรคมาร หรืออยู่ใน ฝ่ายธรรมะ เท่านั้น ที่อาจทำให้การล้มหายตายจากของ ลิ่วล้อ ในแต่ละราย มีค่า มีราคา ผิดแผกแตกต่างกันไปบ้าง แต่สุดท้าย...คงต้องขึ้นอยู่กับ พระเอก ขึ้นอยู่กับผู้เขียนบท ผู้ประพันธ์ นวนิยายในแต่ละเรื่อง ว่าจะออกไปทาง โกวเล้ง หรือ กิมย้ง หรือ อึ้งเอ็ง ฯลฯ ที่จะกำหนดพล็อต กำหนดโครงเรื่อง ให้เป็นไปในแนวไหน...

                                      --------------------------------------------------

                แนวแบบคว้านลึก ลึกซึ้ง แบบประเภท ท่านมาแล้ว...มาแล้วไยมิใช่ไม่มา...ไม่มาไยมิใช่มาแล้ว อย่างที่ โกวเล้ง ทำให้ใครต่อใครริดสีดวงทวารระบมกันไปเป็นแถบๆ หรือแนวซาดิสต์ มาโชคิสต์ แบบปรมาจารย์ กิมย้ง ที่ไม่ว่าพระเอก นางเอก ต้อง โง่ ซะเป็นหลัก หรือแนวองอาจ กล้าหาญ กล้าเจ็บ กล้าปวด ชนิด เบิ่งตา...จนหางตาฉีกขาด แบบ อึ้งเอ็ง ฯลฯ อันนี้นี่แหละที่ต้องถือเป็นสิ่งซึ่งคงต้องให้ความสำคัญเอาไว้ให้มากๆ หรือต้องถือเป็น แก่นสาระ ทางการเมืองแบบไทยๆ ที่กำลังดำเนินไปในอนาคตเบื้องหน้าอย่างมิอาจปฏิเสธและหลีกเลี่ยงได้ ไม่ว่าใครแพ้-ใครชนะ ไม่ว่าใครจะเอาบิ๊กตู่-ไม่เอาบิ๊กตู่ ก็แล้วแต่...

                                 -----------------------------------------------------

                การที่ แก่นสาระ ทางการเมืองแบบไทยๆ กำลังดำเนินไปในลักษณะเช่นนี้...เลยทำให้บรรดาฝ่ายต่างๆ เอาเข้าจริงๆ แล้วมีอยู่แค่ 2 ฝ่ายเท่านั้นเอง คือ ฝ่ายธรรมะ กับ ฝ่ายอธรรม นั่นแล ไม่ว่าฝ่ายดังกล่าวจะซ่อนรูป ซ่อนร่าง อยู่ในแบบไหน ในลักษณะไหน อยู่ในฝ่ายที่เอาบิ๊กตู่-ไม่เอาบิ๊กตู่ เอาธนาธร-ไม่เอาธนาธร หรือกระทั่งเอาทักษิณ-ไม่เอาทักษิณ ฯลฯ ไปโน่นเลย หรือพูดง่ายๆ ว่าในแต่ละฝ่ายที่กำหนดกรอบ กำหนดรูปร่างในลักษณะดังกล่าว ล้วนแล้วแต่ประกอบด้วย คนดี และ คนไม่ดี ผสมปนเปไปด้วยกันทั้งนั้น ใช่ว่าจะต้องเป็น ฝ่ายเอาบิ๊กตู่ เท่านั้น ที่จะต้องเป็นผู้ยึดมั่นในธรรมะ หรือเป็น คนดี ไปโดยตลอด หรือใช่ว่า ฝ่ายเอาธนาธร-เอาทักษิณ ล้วนแล้วแต่เป็นมาร เป็นฝ่ายอธรรมเสมอไป ลึกๆ ลงไปในแต่ละกรอบ แต่ละรูปแบบ ของแต่ละฝ่าย มันอาจยังพอหลงเหลือ คนดี ติดปลายนวมเอาไว้บ้างเช่นกัน...

                                  ----------------------------------------------------

                และโดยมาตรฐานความผิดแผก แตกต่าง ระหว่าง ธรรมะ กับ อธรรม นั่นเอง...ที่จะเป็นตัวแยกแยะ คนดี-คนเลว ออกจากกันและกันในขั้นตอนสุดท้าย ไม่ใช่มาตรฐานที่แต่ละฝ่ายกำหนดขึ้นมาเอง โดย รสนิยม หรือโดยอารมณ์ ความรู้สึก ที่เกิดจากการ ปรุงแต่ง ตามแบบฉบับของแต่ละฝ่าย ชนิดที่หากบรรดา คนไม่ดี เกิดไหลมา-เทมา หันมาสังกัดตัวเองเป็น ฝ่ายเอาบิ๊กตู่ กันเป็นสายๆ โดยหวังจะเป็นฝ่ายชนะ หรือหวังสิ่งใดๆ ก็ตาม สุดท้าย...ก็อาจส่งผลให้ บิ๊กตู่ ต้องกลายสภาพเป็น งักปุกคุ้ง ขึ้นมาวันหนึ่ง-วันใดก็ไม่แน่ เช่นเดียวกับฝ่ายมาร พรรคมาร ถ้าหากยังพอมี ธิดาพญามาร มีองครักษ์ผู้ซื่อสัตย์ กตัญญูรู้คุณ แซมๆ อยู่ภายในพรรค โอกาสที่จะมีส่วนก่อให้เกิด สันติภาพ-สันติธรรม ปรากฏขึ้นในบู๊ลิ้ม ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เอาเลย...

                                ---------------------------------------------------------

                แต่โดยสรุปรวมความแล้ว...ภายใต้แก่นสาระทางการเมืองในลักษณะเช่นนี้ สู้หันมาเป็น เหล็งฮู้ชง น่าจะสบายใจกว่าเป็นไหนๆ เป็น กระบี่เย้ยยุทธจักร ที่พร้อมยึดมั่นในธรรมะ ในคุณธรรม โดยไม่ได้หวังลาภ ยศ ชื่อเสียง หรือผลประโยชน์แบบหนึ่งแบบใดเอาเลยแม้แต่น้อย ส่วนใครที่ยังรักสมัครใจจะเป็น ลิ่วล้อในหนังจีน ก็คงต้องปล่อยให้แล้วแต่จะว่ากันไปตาม รสนิยม ของใครก็ของมัน ไปตามสภาพ แต่ก็นั่นแหละ...สำหรับผู้ที่ยังหลงเหลือ ธรรมะ อยู่ภายในหัวจิต หัวใจ การหันมามองถึง แก่นสาระ ทางการเมืองให้มากๆ เข้าไว้ และพยายามประคับประคองให้สิ่งเหล่านี้ดำเนินไปในทาง ธรรมะ ย่อมถือเป็น ภาระหน้าที่ ที่ไม่ว่าจะต้องตายลงไปแบบไหน ต้องเล่นบทเป็นตัวอะไรก็ตาม ล้วนแต่น่าภาคภูมิใจไปด้วยกันทั้งสิ้น...

                                   ------------------------------------------------

                ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Abraham Lincoln (อีกครั้ง)...“Let us have faith that right makes might, and in that faith let us do our duty as we understand it. – ขอให้เรามีความเชื่อมั่น ศรัทธา ว่าความถูกต้อง (ธรรมะ) คืออำนาจ และด้วยความเชื่อมั่นเช่นนี้ ขอเราจงปฏิบัติหน้าที่ของเราไปตามที่เราเข้าใจ...”

                                    ------------------------------------------------- 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"