เมื่อประยุทธ์ 'เป็นนักการเมือง'


เพิ่มเพื่อน    

 

          ค่อนชีวิต "นายกฯ ประยุทธ์" หลอมอยู่ในบล็อกทหาร

              ฉะนั้น.........

            โลกทัศน์ที่สะท้อนผ่านการพูด-คิด-ทำทางการบ้าน-การเมือง ของนายกฯ ประยุทธ์ จึงเป็นโลกทัศน์ทหาร

            และด้วยบุคลิกทหาร!

            ท่านชิน.........

            แต่ชาวบ้านไม่ค่อยชินกับท่าน

            ดังนั้น จึงมีเสียงพูดกันว่า นายกฯ ดุ เจ้าอารมณ์ เอาแต่ใจ ชอบพูด-ชอบสั่ง เท่ากับไม่ชอบฟัง และไม่ชอบให้ใครต้านคำสั่ง

            แถม....

            "พูดจาเป็นมะนาวไม่มีน้ำ"!

            แต่มะนาวไม่เคยทรยศความเปรี้ยวในตัวมันเอง ฉันใด นายกฯ ก็ไม่เคยทำให้ใครผิดหวังเรื่องสัตย์ซื่อ-จริงใจของท่าน

            มาปลายๆ พรรษารัฐบาล คสช. .......

            หลังออก ครม.สัญจร ๓-๔ ครั้ง ได้สัมผัสชีวิตจริงชาวบ้านแทน "ครอบครัวทหาร" ในน้ำเลี้ยงหลวง ว่าคือประชาชน

            ผมสังเกตว่า.........

            ขอบคิดของท่าน ขยายฐานจากกรอบโลกทัศน์ทหาร ไพศาลสู่โลกทัศน์บนฐาน "ประชาชาติ-ประชาชน" ขึ้นเรื่อยๆ

            ประชาชนเลี้ยงทหาร........

            ไม่ใช่ทหารเลี้ยงประชาชน!

            นี่คือโลกทัศน์ใหม่ "นอกบล็อกทหาร" ที่ท่านได้จากใช้สถานภาพนายกฯ

            สัมผัส-เรียนรู้ "ชีวิต-วิถี-ความคิด" ชาวบ้าน จนทำให้บรรลุถึงคำว่า "ประชาชน"

            ระบบทหารนั้น ต้องปกครอง จึงจะเอาอยู่

            แต่สำหรับประชาชน แค่คิดจะปกครอง ก็ฉิบหายแล้ว!

            เพราะประชาชน ไม่ได้มีเพื่อให้รัฐบาลปกครอง........

            รัฐบาลมีหน้าที่ ๒ อย่างเท่านั้น คือ

            "บริหารและบริการ"

            คือบริหารระบบและกลไกรัฐ เพื่อให้กลไกรัฐและบุคลากรที่กินเงินเดือนประชาชน นั้น

            ทำหน้าที่บริการ การทำมาหากิน การเป็นอยู่ การค้า-การขาย การดูแล-พัฒนาบ้านเมือง

            การกำจัดและป้องกันคนเลวมิให้เข้ามาทำลายระบบและสังคม อย่างมีประสิทธิภาพ และซื่อสัตย์

            นายกฯ อยู่ในทำเนียบฯ ดูท่านเครียด

            เพราะการทำหน้าที่นายกฯ ทหาร ต้องใช้ทั้งระบบปกครองและระบบบริหาร-บริการ

            ครึ่งบก-ครึ่งน้ำ ดำได้ แต่ไม่ดิ่ง วิ่งได้ แต่ไม่ฉิว!

            จากออกคำสั่งแล้ว ต้อง "ครับ...รับปฏิบัติ"

            มาเป็นพูดอะไรไป สั่งอะไรไปในระบบราชการงานกระทรวง

            เหมือนปาหินลง "หลุมดำ"!?

            ร้อยก้อน ก็เงียบหายไปกับความเวิ้งว้าง จินตนาการตามได้ แต่ไม่มีรูปธรรมในคำว่า "เนื้องาน" ให้สัมผัสได้-ไปถึง

            เคราะห์ดี มีไมโครโฟนและนักข่าวทำเนียบฯ เป็นตัวถ่ายระบายความร้อนให้

            ด่าคนในระบบไม่ได้ ก็ใช้นักข่าวนั่นแหละแทน!

            เครื่องจึงไม่ระเบิด..........

            เดินครบสูบมาจนพูดได้ว่า รัฐบาลเลือกตั้งยังหนังเหนียวสู้รัฐบาลทหารตั้งไม่ได้

            นี่ก็....ป๊อบ-แป๊บ จะครบเทอม ๔ ปีแล้ว!?

            นายกฯ ทหาร

            เดินสาย "พบประชาชน" แต่ละถิ่นที่ ถี่ขึ้น..ถี่ขึ้น และนั่น ทำให้ท่าน "เข้าถึง-เข้าใจ" มากขึ้น

            อย่างเมื่อวาน-วันนี้ (๒๕-๒๖ ธ.ค.๖๐) ที่สุโขทัย นายกฯ อยู่กับประชาชนกลางดินกลิ่นกระไอแดด

            ท่านมีความสุข ที่ "บริสุทธิ์" มาก.....

            ไม่ต้องเค้น สุขก็ทะลักล้นให้เห็นทั้งดวงตาและใบหน้า ใจคิดอะไร ปากก็พูด-ก็บอก กับพี่-ป้า-น้า-อา-น้องนุ่ง-ลูกหลาน ด้วยภาษาบ้านๆ อย่างนั้น

            ๒๒ พฤษภา ๕๗ ที่เข้าควบคุมอำนาจปกครองประเทศ สู่ฐานะ "องค์รัฏฐาธิปัตย์"      

            คำแรก ที่นายกฯ ประยุทธ์ ย้ำแล้ว-ย้ำอีก.........

            ผมไม่ใช่นักการเมือง...ผมไม่เป็นนักการเมือง!

            พูดที่ขัดแย้งบทบาทตัวเองขณะนั้น ไม่ใช่ดัดจริต หากแต่ขณะนั้น ท่านเหมือน "ผลไม้ที่ยังไม่ลืมต้น"

            แต่ตอนนี้ เข้าปีที่ ๔ "หวานสนิท" ในบทนักการทหารสู่นักการเมือง

            เจอชาวบ้าน เป็นจีบดะ!

            ถึงยังกระโดก-กระเดก ในน้ำเสียงวิสัยทหาร แต่ใจนั้นหวานเจี๊ยบ-หวานจ๋อย แต่ละถ้อยจำเรียง สำเนียงการเมืองชัด

            พูดไปมือไม้ก็อ่อน.........

            ตอนนี้ ไม่มีใครได้ยินนายกฯ ออกตัว "ผมไม่ใช่นักการเมือง" แล้ว!

            นายกฯ เสพติดอำนาจทางการเมืองแล้วงั้นหรือ?

            ในความเห็นผม...ไม่ใช่

            ระบบทหารนั้น เมื่อ "การยุทธ์ยังไม่สิ้นเสร็จ" จะละทิ้งภารกิจไปไม่ได้

            นิสัยนี้ก็ติดตัวท่านมา........

            ๓ ปีกว่า ภารกิจที่เริ่มไว้ ยังไม่มีอะไรสะเด็ดน้ำ บวกกับเมื่อสัมผัสวิถีชีวิต-ความคิดบริสุทธิ์ชาวบ้านบ่อยเข้า

            จากเคยเลี่ยงเผชิญหน้าประชาชน เพราะเกรงคุมอารมณ์ไม่ได้ ถ้าถูกประชาชน "จิกถาม-จิกต้าน" ซึ่งๆ หน้า

            แต่ตอนนี้ ด้วยใจเข้าถึง "ความรับผิดชอบ" ทำให้ถอยไม่ได้ ถ้าถอย หมายถึง "ละทิ้ง"

            ดังนั้น เป็นต้องปรี่เข้าหา จ๊ะ...จ๋า ชาวบ้านต้องการอะไร เรียกร้องอะไร มีปัญหาติดขัดการทำมาหากินตรงไหน?

            ยืนฟัง-ยืนซัก

            แล้วกวักมือเรียกเจ้ากระทรวงบ้าง ปลัด-อธิบดี-ผู้ว่าฯ บ้าง มารับเรื่องไปแก้ไข

            เรียกว่า "เข้าถึง-เข้าใจ" เป็นนายกฯ คนละคนกับปีแรกไปเลย!

            เห็นได้เมื่อวาน จากข่าวโทรทัศน์ ท่านสนุกสนาน-เบิกบานในหมู่ชาวบ้านมาก ตั้งอก-ตั้งใจฟังปัญหาที่ชาวบ้านบากหน้ามาพึ่ง

            นายกฯ ประยุทธ์ นาทีนี้..........

            ถูกความผูกพันกับชาวบ้าน หลอมเป็น "นักการเมืองทหาร" เต็มตัวไปซะแล้ว!

            แต่ฝากไว้คำ เห็นไปจังหวัดไหน ก็รับปาก-รับปัญหามาทุกที่ ก็อย่าสักแต่รับปาก-รับปัญหาไปมื้อๆ นะครับ

            พอก้นพ้นพื้นที่นั้นแล้ว ก็ลืมที่รับปากเขาไว้ ไม่เคยตามเรื่องว่าที่สั่งไป มีใครแก้ไขให้เขาหรือยัง?

            ถ้าเป็นแบบนี้ จะล้ำหน้านักการเมืองอาชีพไปถึงขั้น "กะล่อนปากตะกร้อ" มากไป

            จะ "เกิดง่าย-ตายเร็ว" ในการเมืองนะ!

            ไปใต้สัปดาห์ก่อน ข้าราชการท้องถิ่นที่นั่น เขาไม่ขออะไร ขออย่างเดียว........

            ช่วยแก้ไขระเบียบ-ระบบราชการ ที่ออกมาบนสมมุติฐาน "ทุกคนจ้องโกง" ไปทั้งหมด ให้เขาหน่อย

            เพราะทำงานอะไรแทบไม่ได้เลย!

            ขยับซ้ายก็ผิดกฎหมาย ขยับขวา สตง.ก็บอกว่าผิดระเบียบ กลายเป็นว่า เป็นเจ้าหน้าที่-เป็นข้าราชการ วันนี้

            กินเงินเดือนไป ทำเฉพาะงานรูตีนไป

            อย่าไปแตะต้อง-ขยับขยายทำอะไร เคร่งครัดเป็น "หัวลูกเต๋า" ไว้

            "ปลอดภัย-สบายสุด"!

            ผมอ่านข่าวทราบว่า นายกฯ ไปพิษณุโลกคราวนี้ ซื้อลูกหมาพันธุ์บางแก้วตั้ง ๓ ตัว

            ให้เพื่อน "พลเอกฉัตรชัย" ๑ ตัว ให้พี่รอง "พลเอกอนุพงษ์" ๑ ตัว และเอาไว้เลี้ยงเอง ๑ ตัว

            ท่านจะเลี้ยงให้ลูกหมาทั้ง ๓ ตัว โตด้วยความรับรู้แบบไหนล่ะครับ

            แบบให้มันรับรู้ว่า ถูกปกครอง และถูกฝึกให้มันต้องเชื่อฟังคำสั่ง?

            หรือแบบให้มันโตไปกับความรับรู้ ซื่อสัตย์ และดุ ฝากบ้าน-ฝากสมบัติได้ ตามสายเลือด-สายพันธุ์ โดยไม่ต้องสั่ง-ไม่ต้องฝึก?

            ไม่ว่าแบบไหน ก็ต้องระวัง

            หมาบางแก้ว ไม่ต่างกับพิตบูล นิสัยล้ำลึกอย่างหนึ่งคือ แม้ขี้อ้อน ขี้ประจบ ขี้เล่น หวงเจ้าของ

            แต่เจ้าเล่ห์ ขี้อิจฉา กัดไม่เลือก กัดแล้วไม่ปล่อย

            เห็นข่าวเมื่อเดือนกรกฎามั้ยล่ะ ที่บุรีรัมย์.......

            มันกัดเจ้าของที่ขุนมากับมือแทบจะแล่เป็นชิ้นๆ ขึ้นชื่อว่ากัดแล้ว พิตบูลแบบไหน บางแก้วก็แบบนั้น มันเอาถึงตาย!

            บางแก้ว ก็หมาไทย .......

            แต่นิสัยต่างกับหมาวัด หมากลางถนน หมาร่อนเร่จรจัด ที่เรียกว่า "หมาไทย" ทั่วๆ ไป

            ท่านนายกฯ เลี้ยงพันธุ์บางแก้ว ลองศึกษาพฤติกรรมไว้เป็นวิทยาทานด้วยก็ดี

            เพราะพันธุ์นี้กำลังดัง มีราคาทั้งในและนอกประเทศ

            ที่คุยนี่ ไม่มีเลศนัยอะไร คุยไปตามประสาคนเคยกินกะหมา-นอนกะหมามาก่อนเท่านั้นเอง.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"