ขอบพระคุณต่อผู้มีน้ำใจ ไมตรี ทั้งหลาย


เพิ่มเพื่อน    

      หายหน้า หายตา ไปประมาณหนึ่งอาทิตย์เต็มๆ...ด้วยเหตุเพราะต้องส่งเสด็จ มารดาบังเกิดเกล้า  ไปสู่สัมปรายภพ ทั้งที่ก่อนหน้านี้แค่ปีกว่าๆ ก็เพิ่งส่ง บิดาบังเกิดเกล้า ไปหมาดๆ แต่ทำไงได้..ในเมื่อพระมารดาท่านตัดสินใจตีตั๋วเที่ยวเดียว ไปไม่กลับ-หลับไม่ตื่น-ฟื้นไม่มี เอาดื้อๆ บรรดาลูกๆ หลานๆ ที่ต้องวุ่นๆ กับงานศพ เลยมีอันต้องเหน็ดเหนื่อย เมื่อยล้า ไปตามสมควร...

                                                          -------------------------------------------------

      แต่ก็ด้วยหัวจิต หัวใจ น้ำจิต น้ำใจ ของบรรดาพรรคพวกเพื่อนฝูง ญาติสนิทมิตรสหาย ตลอดไปจน  ผู้หลัก-ผู้ใหญ่ ที่แม้ว่าตัวเราเองจะแปลงสภาพเป็น ตัวประหลาดเร้นกาย มานานแสนนาน แต่ก็ยังอุตส่าห์แสดงออกถึงมิตรจิต มิตรใจ โผล่หน้า โผล่ตา ไปร่วมพิธีศพ ร่วมทำบุญ ทำทาน อุทิศส่วนกุศล  ส่งพวงหรีด ส่งกำลังใจไปให้ พอช่วยให้เกิดความชุ่มๆ ชื่นๆ เกิดแรงกระตุ้น แรงบันดาลใจ มีเรี่ยว มีแรง พอที่จะกลับมาเขียนโน่น เขียนนี่ ได้อีกต่อไปตามสภาพ ไม่ถึงกับต้องแห้งแล้ง หดหู่ ห่อเหี่ยว มากมายเกินไปนัก...

                                                           -------------------------------------------------

      คือด้วยน้ำใจ ไมตรี ในลักษณะทำนองนี้...ว่าไปแล้วมันคงไม่ได้มีผลแต่เฉพาะแค่ตัวบุคคล ปัจเจกบุคคล ผู้หนึ่ง ผู้ใด แต่เพียงเท่านั้น เพราะเมื่อมันถูกถักทอบูรณาการ จนกลายเป็นวัฒนธรรม ประเพณี  เป็นค่านิยมทางสังคม มันก็พอช่วยให้เกิดสายใย ความผูกพัน ในลักษณะใด ลักษณะหนึ่ง สำหรับผู้ซึ่งต้องใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันภายในสังคมแต่ละสังคม ไม่ให้ถึงกับต้องตัดขาด แยกขาด ออกจากกันและกัน แบบชนิดผีไม่เผา-เงาไม่เหยียบ อะไรทำนองนั้น หรืออย่างน้อย...ก็น่าจะยังพอ ลั้นลา อีคอนอมี หรือ ลั้นลา โพลิติค กันไปตามมี-ตามเกิด...

                                                          --------------------------------------------------

      ยิ่งโดยเฉพาะสังคมในช่วงระหว่างนี้ หรือยุคนี้ สมัยนี้ ที่โดยสภาวะการเมือง เศรษฐกิจ สังคม หรือเทคโนโลยีใดๆ ก็แล้วแต่ มันออกจะมีส่วนก่อให้เกิดการแตกแยก แตกตัว แยกห่าง ออกจากกันและกัน ของบรรดาผู้คนภายในสังคมเดียวกัน กลายเป็นฝ่ายมึง-ฝ่ายกู ฝ่ายมันและฝ่ายเรา เอาง่ายๆ ไม่เพียงแต่พร้อมสะบั้นสายใย ความผูกพัน ไม่หลงเหลือน้ำใจ ไมตรี ต่อกันและกัน แต่เพียงเท่านั้น ยังพร้อมที่จะหันมาสาดมือ สาดตีน สาดแข้ง สาดขา สาดสากกะเบือบิน ใส่กันและกัน อย่างชนิดไม่คิดจะหยุดยั้ง ไม่คิดจะอดทน อดกลั้นใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย...

                                                             -----------------------------------------------------

      ความมีน้ำใจ ไมตรี ไม่ว่าจะในแง่ปัจเจกบุคคล หรือในแง่สังคม วัฒนธรรม ประเพณี จึงต้องถือเป็นสิ่งสำคัญเอามากๆ ที่จะต้องช่วยกันประคับประคอง ช่วยหาทางฟื้นฟู ถนอมกล่อมเกลี้ยง ให้ดำรง คงอยู่ ต่อไปอย่างไม่ขาดสาย เพราะว่าไปแล้ว...มันคงไม่ต่างอะไรไปจาก ธรรมะ ชนิดหนึ่ง ไม่ต่างไปจาก ความรู้ ที่จะช่วยให้เกิด ความรัก และ ความสามัคคี ตามมาอย่างเป็นระลอก เพราะถ้ายังมัวแต่จมอยู่กับ อวิชชา กับ ความไม่รู้” อันเป็นตัวก่อให้เกิดความโกรธเกลียด เคียดแค้น อาฆาตริษยา ไร้เสียซึ่งน้ำใจ ไมตรี ระหว่างกันและกันแล้วล่ะก็ บรรยากาศบ้านเมืองช่วงนี้ ดูๆ แล้ว...มันชักเริ่มมีเค้าโครง รูปร่าง หน้าตา คล้ายๆ กำลังย้อนยุคไปสู่เมื่อ 40 กว่าปีที่แล้ว หรือคล้ายๆ ช่วง 6 ตุลาคม 2519 ยิ่งเข้าไปทุกที...

                                                              --------------------------------------------------------

      คือช่วงที่บรรดาเด็กๆ คนรุ่นใหม่ ประเภทที่คิดว่าตัวเองเป็น คนก้าวหน้า ทั้งหลาย...ท่านออกจะ สวิง ออกไปทางปีกซ้าย แบบชนิดสุดลิ่ม ทิ่มกระดาน ด้วยเหตุผลกลใดก็แล้วแต่ อันส่งผลให้บรรดาคนแก่ คนรุ่นเก่า ประเภท อนุรักษนิยม ในแต่ละรายเลยหนีไม่พ้นต้องหันมา สวิง ไปทางปีกขวา แบบไม่ต่างอะไรไปจากลูกตุ้มนาฬิกาที่หมุนเหวี่ยงไปคนละด้าน และในเมื่อต่างฝ่ายต่างจมอยู่กับ ความไม่รู้ จมอยู่กับ อวิชชา ไปด้วยกันทั้งคู่ ในจังหวะที่ความโกรธเกลียด เคียดแค้น อาฆาตริษยา  มันโผล่เข้ามาทางประตู ความมีน้ำใจ ไมตรี ระหว่างกันและกัน มันเลยต้องพรั่งพรูออกไปทางหน้าต่าง จนนำไปสู่ โศกนาฏกรรมทางประวัติศาสตร์ ที่หลายต่อหลายราย ยังคง ลืมไม่ลง จนตราบเท่าทุกวันนี้...

                                                                 -------------------------------------------------------

      การช่วยกันฟื้นฟู ประคับประคอง ถนอมกล่อมเกลี้ยง สิ่งที่เรียกว่า น้ำใจ-ไมตรี ระหว่างกันและกัน ไม่ว่าจะในแง่ปัจเจกบุคคล ในแง่วัฒนธรรม ประเพณี ค่านิยมทางสังคม จึงต้องถือเป็นสิ่งที่ เข้าท่า ไปด้วยกันทั้งสิ้น เพราะอย่างน้อย...มันน่าที่จะช่วยลดอาการ สวิง ไปในด้านใด ด้านหนึ่ง ได้มั่งไม่มากก็น้อย หรือทำให้ลูกตุ้มนาฬิกามันลดแรงเหวี่ยงออกมาทาง กลางๆ ออกไปในแนวมัชฌิมาปฏิปทา อันถือเป็นแก่นสาระของ พุทธศาสนา เอาเลยก็ยังได้ ที่ได้ช่วยให้เกิด ความรู้ เกิด ธรรมะ ในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าตั้งแต่ขันติธรรม อุเบกขาธรรม เมตตาธรรม จนนำไปสู่ สามัคคีธรรม ในขั้นตอนสุดท้าย...

                                                                  -------------------------------------------------------

      ปิดท้ายวันนี้...จาก Dhammapada...“Conquer anger by love. Conquer evil by good. Conquer the miser by liberality. Conquer the liar by truth. - พึงเอาชนะความโกรธด้วยความรัก  ชนะความร้ายด้วยความดี ชนะคนตระหนี่ด้วยการให้ ชนะความเท็จด้วยความจริง...”

                                                                    --------------------------------------------------------


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"