เทคโนโลยีตัวแปรการลงทุนอีอีซี


เพิ่มเพื่อน    

        "แนวโน้มอุตสาหกรรมโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมในช่วง 4-5 ปี หลังจากนี้ไป เชื่อว่าจะมีจำนวนงานออกมาเพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นการเตรียมความพร้อมด้านการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีใหม่ ขณะที่ภาครัฐต้องการจะผลักดันระบบโครงข่าย เพื่อกระจายความเจริญไปทั่วประเทศ ซึ่งจะทำให้บริษัทได้รับงานต่อเนื่องช่วยสนับสนุนผลประกอบการให้เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้"

 

 

เทคโนโลยีตัวแปรการลงทุนอีอีซี

 

        การผลักดันเพื่อให้เกิดการลงทุนในโครงการพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ทำให้หลายธุรกิจได้รับอานิสงส์กันมากขึ้น ทั้งในส่วนของผู้ประกอบการภาคการท่องเที่ยว อสังหาริมทรัพย์ ค้าปลีก และครอบคลุมไปยังธุรกิจเกี่ยวเนื่องอีกหลายด้าน รวมถึงโทรคมนาคมที่จะเป็นอีกหนึ่งหัวใจขับเคลื่อนให้อีอีซีเดินหน้าไปสู่ความเป็นเมืองอัจฉริยะ โดยมีเทคโนโลยีเข้ามาต่อยอดให้ธุรกิจ และการเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีสื่อสารไร้สายในระบบ 5 จี (5G) ที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เตรียมเปิดประมูลภายในครึ่งหลังของปี 2563 หรืออย่างช้าต้นปี 2564

 

เร่ง 5 จี รองรับการลงทุน

        หัวเหว่ยเป็นหนึ่งในบริษัทที่สนใจเข้ามาลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) โดยบริษัทดังกล่าวตกลงที่จะเข้าไปจัดตั้งหัวเหว่ย อคาเดมี เพื่อพัฒนาบุคลากรร่วมกันในอีอีซี ซึ่งจากหลังจากที่ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้หารือกับบริษัทดังกล่าวแล้ว ก็สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของ 5 จี ซึ่งต้องยอรับว่าจะเป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่เข้ามาขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ทางหนึ่ง รวมถึงยังจะเป็นตัวแปรของการสร้างการเปลี่ยนแปลงในวงการอุตสาหกรรมของประเทศไทย แน่นอนว่าการเตรียมความพร้อมในเรื่องดังกล่าว จึงนับว่าจำเป็นอย่างยิ่ง

        การที่ประเทศไทยจะมีการประมูล 5 จี ภายในอีก 2 ปีข้างหน้า อาจทำให้นักลงทุนที่จะเข้ามานั้น มองว่าช้าไปหรือไม่?  เนื่องจากมีหลายประเทศในอาเซียนที่ได้มีการเริ่มใช้คลื่นความถี่ 5 จี ไม่ว่าจะเป็นมาเลเซียและฟิลิปปินส์เองก็เตรียมพร้อมที่จะเริ่มใช้คลื่นดังกล่าวแล้วเช่นเดียวกัน หากเป็นเช่นนั้นแล้วประเทศไทยเองก็ควรมีการเร่งรัดให้เกิดการประมูลเร็วขึ้น  หรือหากเป็นไปได้การเปิดประมูลในช่วงกลางปี 2563 ก็จะนับว่าเหมาะสมมากกว่า

        นายสมคิดกล่าวว่า ได้มีการหารือกับทางผู้บริหารของหัวเหว่ย ซึ่งต้องการลงทุนเกี่ยวกับ 5 จี ในประเทศไทย โดยได้แจ้งว่าประเทศไทยกำลังเตรียมความพร้อม และจะเปิดการประมูลใน 2 ปี โดยหัวเหว่ยมองว่าหากต้องอาศัยระยะเวลาตามที่กล่าวมานั้น อาจจะเป็นการดำเนินงานที่ช้าเกินไป เมื่อเทียบกับหลายประเทศในอาเซียน ซึ่งกำลังจะเดินหน้าในอีกไม่ช้า จึงอยากขอให้ประเทศไทยทำการเร่งรัดในประเด็นดังกล่าว เพราะมีความต้องการลงทุนในไทย หรือให้จบการประมูลภายในกลางปี 2563 โดยก่อนหน้านี้ได้มีการหารือกับสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) ด้วยเช่นกันว่าจะต้องไม่มองในเรื่องของเม็ดเงินที่ภาครัฐจะได้จากการประมูลแต่เพียงเท่านั้น ควรจะต้องมองในเรื่องของการเกิด 5 จี แล้วมีผลประโยชน์ในวงกว้างมากที่สุด

        หากมาดูข้อมูลฝ่ายวิจัยโทรคมนาคม กสทช. ในปี 2562  ระบุว่ามูลค่าตลาดสื่อสาร อยู่ในระดับ 629,673 ล้านบาท แม้จะเติบโตจากปี 2561 ในอัตราเพียงแค่ 2.57% แต่ก็นับว่าเติบโตเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา หรือตั้งแต่ปี 2558-2562 โดยเฉพาะปี 2562 นี้ คาดว่าผู้ใช้อินเทอร์เน็ตจะทะลุไปถึง 50.8 ล้านคน จากเดิมที่ 48 ล้านคน ขณะที่จำนวนเลขหมายโทรศัพท์มือถือก็มีมากกว่า 120 ล้านเลขหมายแล้ว ซึ่งการเติบโตและความต้องการในตลาดที่เพิ่มขึ้น ทำให้เป็นโอกาสของผู้ประกอบการที่อยู่ในธุรกิจโทรคมนาคม

       

(ศักดิ์บวร พุกกะณะสุต)

INSET ระดมทุนลุยโทรคมนาคม

      นายศักดิ์บวร พุกกะณะสุต กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินฟราเซท จำกัด (มหาชน) (INSET) กล่าวว่า เป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของไทยกับการเดินหน้าลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับโครงการพัฒนาอีอีซี และการเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีสื่อสารไร้สายในระบบ 5 จี ที่ กสทช.เตรียมเปิดประมูลภายในครึ่งหลังของปี 2563 หรืออย่างช้าต้นปี 2564 รวมไปถึงโครงการสื่อสารโทรคมนาคมโครงการนำสายสื่อสารลงใต้ดินในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งถือเป็นตัวแปรสำคัญในการเติบโตของธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน

        ทั้งนี้ บริษัท อินฟราเซท จำกัด (มหาชน) หรือ INSET หนึ่งในผู้ประกอบการธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน โทรคมนาคมครบวงจร ซึ่งเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) และเข้าเทรดในวันที่ 8 ต.ค.2562 ที่ผ่านมา ก็เป็นอีกหนึ่งองค์กรที่เล็งเห็นว่าการเติบโตในโทรคมนาคมมีความน่าสนใจ โดยธุรกิจของ INSET แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ 1.ธุรกิจก่อสร้างศูนย์ข้อมูลและระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ 2.ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานและโครงข่ายโทรคมนาคม และ 3.ธุรกิจงานซ่อมบำรุงและบริการ โดยปัจจุบันมีงานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog) กว่า 2.7 พันล้านบาท

        นายศักดิ์บวร กล่าวว่า บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนใช้ในการขยายธุรกิจ ประกอบด้วยโครงการก่อสร้างโครงข่ายท่อร้อยสายสื่อสารลงใต้ดิน ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร พื้นที่ 2 และโครงการวางระบบเครือข่ายรวมถึงอุปกรณ์ WiFi (โครงการ Google Station) รวมทั้งใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทต่อไป รวมถึงรองรับโครงการลงทุนต่างๆ ทั้งปัจจุบันและในอนาคต ช่วยเพิ่มฐานทุนให้บริษัทมีศักยภาพในการเข้าประมูลงานในโครงการที่มีมูลค่าสูงขึ้นจากเดิม อยู่ที่ประมาณ 1 พันล้านบาทในอนาคต ซึ่งจะทำได้เพิ่มมากขึ้น ถือเป็นการลดขีดจำกัดในการรับงาน เพิ่มโอกาสในการเติบโตทางหนึ่ง

        ทั้งนี้ ปัจจุบัน INSET มีโครงการในมือรอรับรู้รายได้ประมาณ 2.7 พันล้านบาท ซึ่งจะทำให้บริษัทสามารถรักษาระดับผลประกอบการให้อยู่ในระดับที่ดีและต่อเนื่องในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า โดยยังไม่นับรวมโครงการที่อยู่ระหว่างการประมูลเพิ่มเติมในอนาคตที่จะมีเพิ่มขึ้นอีกด้วย โดยได้ตั้งเป้าหมายที่จะมีอัตราการขยายตัวของรายได้ไม่ต่ำกว่า 10% ต่อปี

        ส่วนภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 2559-2561 และงวด 6 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.2561 และปี 2562 มีรายได้รวมจำนวน 451.36 ล้านบาท, 530.29 ล้านบาท, 1,007.12 ล้านบาท, 452.66 ล้านบาท และ 577.68 ล้านบาท ตามลำดับ โดยรายได้หลักของบริษัทมาจากรายได้จากธุรกิจก่อสร้างศูนย์ข้อมูลและระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ รองลงมาเป็นรายได้จากธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานและโครงข่ายโทรคมนาคม ซึ่งในปี 2559-2561 และงวด 6 เดือนปี 2561 และปี 2562 บริษัทมีกำไรสุทธิ 43.14 ล้านบาท 63.91 ล้านบาท, 94.56 ล้านบาท, 31.18 ล้านบาท และ 46.57 ล้านบาท ตามลำดับ

      "แนวโน้มอุตสาหกรรมโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมในช่วง 4-5 ปีหลังจากนี้ไป เชื่อว่าจะมีจำนวนงานออกมาเพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นการเตรียมความพร้อมด้านการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีใหม่ ขณะที่ภาครัฐต้องการจะผลักดันระบบโครงข่าย เพื่อกระจายความเจริญไปทั่วประเทศ ซึ่งจะทำให้บริษัทได้รับงานต่อเนื่อง ช่วยสนับสนุนผลประกอบการให้เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้"

 

เทคโนโลยีสร้างโอกาส

        รายงานของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ระบุว่า ในช่วงระหว่างเดือนมกราคม 2561 - เดือนมิถุนายน 2562 ได้มีการขอส่งเสริมการลงทุนในเขตสามจังหวัดของอีอีซี ได้แก่ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง แล้วประมาณ 800,000 ล้านบาท โดยจากจำนวนดังกล่าวเป็นการลงทุนในชลบุรีประมาณ 640,000 ล้านบาท แน่นอนว่าย่อมทำให้พื้นที่ดังกล่าวเตรียมหาแนวทางขับเคลื่อนจังหวัดของตนเอง เพื่อรองรับการขยายตัวในอนาคต

        ในช่วงที่ผ่านมาเมืองพัทยาได้ร่วมกับกระทรวงดิจิทัลพัฒนาต้นแบบเครือข่าย 5G บริเวณชายหาดพัทยา วางระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารเมืองพัทยา เนื่องจากอีอีซีจะทำให้มีจำนวนประชากรเพิ่มขึ้น รวมถึงนักท่องเที่ยวที่จะขยายตัวตามไปด้วย จากเดิมที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวประมาณ 14 ล้านคน การเข้ามาของนักลงทุนจะทำให้ภาพของเมืองพัทยาเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม โดยเฉพาะโครงสร้างเศรษฐกิจที่แตกต่างจากเดิม ซึ่งปัจจุบันเมืองพัทยาต้องอาศัยภาคการท่องเที่ยวมากถึง 80% ในอนาคตจะต่อยอดสู่เมืองชายทะเลที่มีความแข็งแรง และสามารถดำรงอยู่ในธุรกิจที่หลากหลายมากขึ้น และแน่นอนว่าหากมีการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัล ก็จะก่อให้เกิดธุรกิจใหม่ได้ในเมืองแห่งนี้ โดยเฉพาะสตาร์ทอัพใหม่ๆ ที่มีเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้อง

        การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ในครั้งนี้ของ INSET ถือเป็นโอกาสการเติบโตของยักษ์เล็กที่พร้อมขยับอย่างเต็มที่ จากฐานทุนที่เพิ่มขึ้น และจากจุดเด่นของ INSET ที่ดำเนินธุรกิจและให้บริการแบบครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ซึ่งแตกต่างจากผู้ประกอบการรายอื่นๆ

        นายศักดิ์บวร กล่าวเสริมว่า จุดเริ่มต้นของการเข้าระดมทุนในตลาดหุ้น เกิดจากการที่ได้มีโอกาสเข้าร่วมโครงการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดย่อม (SMEs) ของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมในปี 2559 และเป็น 1 ใน 5 บริษัท ของผู้ประกอบการจำนวนทั้งสิ้น 160 บริษัท ที่กรมส่งเสริมฯ ส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาสนับสนุน เนื่องจากมองว่าธุรกิจของมีส่วนสำคัญในการช่วยพัฒนาประเทศและมีโอกาสเติบโต

        บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) เผยแพร่บทวิเคราะห์ พร้อมกับระบุอีกว่า ภายหลังจาก INSET ทำ IPO จะส่งผลให้มีการเติบโต จะเป็นก้าวแห่งการเติบโต ซึ่งการคาดการณ์ผลการดำเนินงานเติบโตต่อเนื่องระยะ 2 ปีข้างหน้า INSET อยู่ในช่วงการเติบโตของรายได้และกำไรสุทธิ โดยในปี 2562-2563 คาดว่าจะมีรายได้ที่ระดับ 1,301 และ 1,431 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 30% จากงวดเดียวกันปีก่อน และ 10% จากงวดเดียวกันปีก่อนตามลำดับ รวมถึงการคาดการณ์กำไรสุทธิสำหรับปี 2562-63 ไว้ที่ระดับ 121 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% จากงวดเดียวกันปีก่อน และ145 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% จากงวดเดียวกันปีก่อนตามลำดับ

        โดยแรงหนุนสำคัญจากยอดขายที่เติบโตขึ้นทั้งในส่วนของธุรกิจ data center และ maintenance and services รวมถึงการควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งบริษัทดำเนินธุรกิจก่อสร้างศูนย์ Data Center และระบบเทคโนโลยีสารสนเทศด้วยประสบการณ์กว่า 13 ปี

        นายเล็ก สิขรวิทย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินในการเข้าจดทะเบียนในตลาด mai ของ INSET กล่าวว่า INSET เป็นน้องใหม่ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักลงทุน นอกจากจะเป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งแล้ว การดำเนินธุรกิจในอนาคตมีโอกาสเติบโตสูงตามภาวะอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและโทรคมนาคม รวมทั้งการกำหนดราคาไอพีโอในระดับที่เหมาะสม โดยราคาไอพีโอที่ 2.69 บาท มีค่า P/E ที่ระดับ 13.70 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่า P/E ของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ที่มีธุรกิจที่ใกล้เคียงกันอยู่ที่ระดับ 16 เท่า หากเปรียบเทียบกับบทวิเคราะห์ที่มีการประเมินราคาที่เหมาะสมกับพื้นฐานประมาณ 3.10-3.68 บาท จะเห็นว่าราคาไอพีโอยังมีส่วนลดในระดับที่น่าสนใจ อีกทั้งในการจัดสรรหุ้นที่ผ่านมา พบว่ามีนักลงทุนสถาบันและรายย่อยแสดงความสนใจเข้าลงทุนเป็นจำนวนมาก แม้จะเป็นหุ้นขนาดเล็ก แต่มีความโดดเด่นด้านศักยภาพการเติบโตในอนาคต

        ทั้งนี้ INSET เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไป (IPO) จำนวน 146 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็น 26.1% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด และหลังจากการเสนอขายหุ้น กลุ่มตระกูลพุกกะณะสุต จะถือหุ้นสัดส่วน 49.21% โดยบริษัทมีทุนจดทะเบียนหลังไอพีโอจำนวน 280 ล้านบาท คิดเป็นจำนวนหุ้นทั้งหมด 560 ล้านหุ้น

      อย่างไรก็ตาม จะเห็นได้ว่าการจะเกิดโครงการพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) นั้น การเดินหน้าเกี่ยวกับโทรคมนาคมก็เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่ต้องเร่งดำเนินงาน เพราะการมี 5 จี (5G) ย่อมสร้างความน่าสนใจทางด้านการลงทุนของเอกชนมากขึ้น และหากไม่สามารถทำได้สำเร็จภายในปี 2563 คาดว่าจะทำให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดีแน่นอน โดยเฉพาะเม็ดเงินทางด้านเศรษฐกิจที่อาจจะสูญเสียไปในหลายภาคอุตสาหกรรม.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"