13มี.ค.- วธ.เดินหน้าจุดพลุชุดไ่ทยต่อ สั่งรวบรวมข้อมูลการแต่งกายผ้าไทย พร้อมมอบสวธ.สร้างแผนหนุน กำชับเร่งทำหลักสูตรอาชีพวัฒนธรรมเผยแพร่ความรู้ให้เด็กสถานพินิจ
นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รมว.วัฒนธรรม เปิดเผยว่า จากการประชุมผู้บริหารระดับสูงกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ครั้งที่ 2/2561 ได้มีการรายงานผลการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2561 ไตรมาส 2 (ม.ค. – มี.ค.) ณ วันที่ 19 ก.พ. โดยภาพรวมของ วธ. อยู่ที่ร้อยละ 30.53 ขณะที่งบลงทุนอยู่ที่ร้อยละ 20.15 ทั้งนี้ ตนกำชับให้แต่ละกรมเร่งรัดการเบิกจ่ายงบฯ และก่อหนี้ผูกพันงบลงทุนภายในวันที่ 31 มี.ค.นี้ เพื่อให้เป็นไปตามที่สำนักงบประมาณกำหนดกรอบเวลาไว้ นอกจากนี้ ที่ประชุมกำชับให้แต่ละกรมไปรวบรวมองค์ความรู้ด้านศาสนาและศิลปวัฒนธรรมในทุกสาขาที่เป็นมรดกของแผ่นดินและจัดพิมพ์เป็นหนังสือเผยแพร่สู่สังคมไทยในปีนี้ และมอบหมายให้กรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) รวบรวมข้อมูลเรื่องการส่งเสริมการแต่งกายด้วยผ้าไทย รายได้จากผ้าไทย และโรงเรียนที่ส่งเสริมการแต่งกายด้วยผ้าไทย รวมถึงจัดทำแผนงานเพื่อส่งเสริมในเรื่องนี้
รมว.วัฒนธรรม กล่าวอีกว่า สวธ.ได้รายงานความคืบหน้าการส่งเสริมให้เด็ก เยาวชนไทยสามารถเล่นดนตรีไทย หรือดนตรีสากลได้อย่างน้อย 1 ชิ้น หรือแสดงนาฏศิลป์ได้ตามข้อสั่งการของนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี โดยขณะนี้ได้เริ่มดำเนินการวิจัยเกี่ยวกับสภาพและแนวทางในการจัดการทรัพยากรดนตรีศึกษาในสถานศึกษาของประเทศไทย อาทิ จำนวนครูผู้สอนและเครื่องดนตรี จำนวนบริษัทผู้ผลิตและร้านค้าที่จำหน่ายเครื่องดนตรีไทย เครื่องดนตรีสากล เป็นต้น ทั้งนี้ ตนได้มอบหมายให้สวธ.เพิ่มเติมประเด็นการวิจัย โดยให้สำรวจสถานศึกษาที่เปิดสอนด้านดนตรีไทย ดนตรีสากลและศิลปวัฒนธรรมทั้งในระบบและนอกระบบการศึกษา และระหว่างนี้ สวธ.ให้มีการจัดกิจกรรมส่งเสริมคู่ขนานกัน อาทิ อบรมพัฒนาครูผู้สอนดนตรีไทยในภาคต่างๆ การคัดเลือกเยาวชนต้นแบบดนตรีไทย การจัดให้มีโรงเรียนนำร่องสอนดนตรีไทย 100 เปอร์เซ็นต์ เป็นต้น พร้อมกันนี้ให้ศึกษาแนวทางการให้รางวัลแก่ศิลปินไทยที่ไปสร้างชื่อเสียงในการแข่งขันทางศิลปวัฒนธรรมระดับนานาชาติเช่นเดียวกับนักกีฬาทีมชาติไทย ด้วย
“นอกจากนี้ ที่ประชุมกำชับให้สวธ.ร่วมกับสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์(สบศ.) และกรมศิลปากร(ศก.) เร่งจัดทำหลักสูตรและส่งบุคลากรไปสอนอาชีพด้านศิลปวัฒนธรรม อาทิ การแสดงโขน นาฏศิลป์ ร้องเพลงให้เยาวชนในสถานพินิจใน 4 จังหวัด ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ ขอนแก่นและสงขลา โดยจะนำร่องในดำเนินการในสถานพินิจ จ.เชียงใหม่ และกรุงเทพมหานคร จังหวัดละ 1 แห่ง รวมถึงให้ ศก.และ สบศ.บูรณาการความร่วมมือกับกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ดำเนินโครงการส่งเสริมให้มีห้องสมุดภายในสถานพินิจทั่วประเทศอีกด้วย” รมว.วธ. กล่าว