(เกาะดินให้นักท่องเที่ยวลงถ่ายรูป)
ทริปนี้เราได้เดินทางมายังจังหวัดพัทลุง แหล่งท่องเที่ยวเมืองรองที่อาจจะไม่ได้อยู่ในตัวเลือกของนักท่องเที่ยวสักเท่าไหร่ แต่ที่นี่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของผู้คนที่ยังคงมีวิถีชีวิตเรียบง่าย มีหนังตะลุงที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น และแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่ยังคงสมบูรณ์
ไฟลต์บินค่อนข้างเช้า เครื่องลงที่สนามบินนครศรีธรรมราช นั่งรถตู้ต่อไปยังพัทลุงประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง แต่ก่อนจะเดินทาง เพราะมื้อเช้าสำคัญที่สุดเราเลยมุ่งหน้ามาที่ร้านโกปี๊ 1942 ชื่อนี้สายชา-กาแฟคงคุ้นหูเป็นอย่างดี เพราะถือว่าเป็นร้านดัง รีวิวก็เยอะมากๆ เราสั่งติ่มซำ บะกุ๊ดเต๋ และน้ำ ชาเย็น บะกุ๊ดเต๋อร่อยมากๆ ไปต่อที่สถานที่ไหว้พระเสริมสิริมงคล ที่วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ซึ่งองค์พระบรมธาตุเจดีย์เป็นทรงระฆังคว่ำ ยอดเจดีย์หุ้มด้วยทองคำแท้ โดยรอบยังรายล้อมไปด้วยเจดีย์บริวารอีก 149 องค์ มีวิหารพระทรงม้า วิหารพระแอด เป็นต้น ใครไหว้พระเสร็จก็สามารถไปเดินตลาดด้านข้างได้อีกด้วยนะ
หลับบ้างชมวิวข้างทางบ้างเราก็มาถึงพัทลุง สะลึมสะลือลงจากรถ เก็บสัมภาระเข้าที่พักที่ท่าเรือปากประ บ้านต้นลำพูน เรียบร้อยก็เดินทางไปนั่งทานของหวานเล่นที่ บิ้งนา คาเฟ่ ร้านสไตล์ลอฟต์ อยู่ติดริมถนนห่างจากตัวเมืองไม่มากนัก มีทุ่งนาล้อมรอบให้บรรยากาศชิวๆ เราคิดว่าร้านน่าสนใจมาก ไม่ใช่แค่น้ำอร่อยนะ แต่มุมถ่ายรูปเยอะ หลายแนว ทั้งชิงช้า บันได วิวเขา เชิงสะพาน มีให้เลือกแบบไม่ต้องแย่งชิงกันเลย ใครชอบถ่ายรูปกับร้านคาเฟ่นะ บอกเลยว่าตอบโจทย์ที่สุด
(บรรยากาศงานมหกรรม 390 ปี ชัยบุรีฯ)
บ่าย 3 กว่าๆ เดินทางต่อไปที่ศาลากลางจังหวัด เที่ยวงาน "มหกรรม 390 ปี ชัยบุรี เปิดวิถีเมืองเท่พัทลุง" ที่จัดขึ้นเมื่อเดือนที่แล้ว งานนี้เรียกได้ว่าเป็นงานใหญ่ทีเดียว เพราะมีทั้งแสง สี การแสดง ร้านอาหารพื้นบ้าน ร้านค้างานหัตถกรรมท้องถิ่นมาตั้งบูธให้ได้เลือกช็อป ชิมกันตั้งแต่หัวค่ำ พอฟ้ามืดก็มีการแสดงหนังตะลุง การแสดงจากศิลปินนักร้องต่างๆ มากมาย ให้ชาวบ้านได้รับชมกันอย่างครบรส เดินชมงานจนหนำใจเราก็แวะร้านข้าวต้มบ่าววี กินเบาๆ ก่อนนอน
(ทะเลบัวแดง)
วันถัดมาต้องตื่นเช้ากันสักหน่อย เพราะมีนัดล่องเรือ ซึ่งที่พักก็จะมีบริการให้แบบเหมาลำนั่งได้ 6 คน ราคา 1,200 บาท ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าๆ เราเริ่มต้นกันตั้งแต่ทะเลสาบสงขลา แต่ท้องฟ้านั้นไม่เปิดเท่าไหร่ ความหวังที่จะเห็นพระอาทิตย์ดวงกลมโตยามเช้าก็ริบหรี่ลงทันที พอเรือแล่นออกไปกลางทะเลสาบสงขลาได้สักพักเราก็จะเห็นว่าชาวบ้านยังใช้การยกยอขนาดใหญ่หาปลากันอยู่ไม่น้อยเลย
(ฝูงนกทะเลน้อย)
นั่งเรือชมวิวไปเพลินๆ ก็เข้าสู่พื้นที่อุทยานนกน้ำทะเลน้อยที่มีไฮไลต์คือ ชมบัว และชมนกกว่า 200 ชนิด จากที่เคยผิดหวังกับการชมบัวมาหลายรอบ เราต้องขอปักหมุดไว้ที่นี่เลยว่า ขนาดมาในฤดูที่สภาพอากาศแปรปรวนก็จะยังได้เห็นบัวแดงเต็มท้องทะเล แซมด้วยบัวหลวงบ้าง ล่องไปเรื่อยๆ เราก็มาถึงจุดชมนก จะเริ่มเห็นนกเกาะอยู่ตามต้นไม้ทั้งนกอีโก้ง นกเป็ดน้ำ นกกระสาแดง และฝูงนกที่มาถลาเล่นลมให้เราได้เห็นกัน ยังมีเกาะดินกลางน้ำให้นักท่องเที่ยวได้ลงไปถ่ายรูปด้วย มองไปรอบๆ ก็จะมีฝูงควายน้ำด้วย จุดนี้เราใช้เวลาอยู่นานพอควร ให้คุ้มกับการตื่นเช้าแล้วได้มาชมธรรมชาติที่สวยงาม
(เดินช็อปที่ตลาดบรรยากาศในป่า)
ไปต่อกันที่อำเภอควนขนุน ตลาดป่าไผ่สร้างสุข ซึ่งในบริเวณเดียวกันก็มีสวนไผ่ขวัญใจ ทั้งสองสถานที่คล้ายกัน คือ เป็นตลาดสีเขียว ลดการใช้ถุงพลาสติก ให้ชาวบ้านได้นำอาหารหรือสินค้าพื้นบ้านมาขาย เราเริ่มเดินกันที่สวนไผ่ขวัญใจ ร้านค้าเรียงรายตั้งอยู่ในซุ้มที่สร้างด้วยไม้ไผ่อย่างเป็นสัดส่วน มีทั้งอาหาร-ขนมพื้นบ้าน อย่าง ขนมลา ปลาทอด ขนมจีนน้ำยา ข้าวยำ ไข่ปลาทอด สาคู มีขนมม้าโบราณ บอกได้เลยว่าถ้าได้มาเดินตั้งแต่ทางเข้าจนถึงทางออกของตลาดป่าไผ่ต้องมีของกินติดไม้ติดมือกลับบ้านแน่นอน ที่นี่เปิดทุกวันเสาร์ ตั้งแต่ 09.00-17.00 น. จากนั้นเราเดินทางไปที่ ร้านกระจูดวรรณี หัตถกรรมพื้นบ้านของชาวพัทลุง ที่ได้นำกกที่มีอยู่มากในพื้นที่มาทำเป็นผลิตภัณฑ์ แต่ก่อนอาจจะมีแค่เสื่อ แต่ปัจจุบันมีการดีไซน์ที่ร่วมสมัยมากขึ้น จึงมีทั้งกระเป๋า รองเท้า ที่วางจานชามและสินค้าอื่นๆ นักท่องเที่ยวสามารถมาเรียนรู้วิธีการสานกระจูดได้ด้วยนะ ติดต่อได้ที่เบอร์ 08-7760-9879
(ตาไข่)
จุดหมายปลายทางสุดท้ายก่อนกลับเราได้มีโอกาสเดินทางไปยังวัดเจดีย์ (ไอ้ไข่) ในอำเภอสิชล ที่มีชื่อเสียงด้านความศักดิ์สิทธิ์ ใครมาบนบานอะไรก็สมปรารถนา มีแก้บนด้วยรูปปั้นไก่ การจุดประทัด ชุดทหาร และอื่นๆ โดยเฉพาะเรื่องโชคลาภและค้าขาย แต่ไม่ใช่บนที่วัดนะ บนกับไอ้ไข่ เรียกให้สุภาพก็คือ ตาไข่ ซึ่งมีตำนานเล่าว่าคือวิญญาณเด็กอายุประมาณ 9-10 ขวบที่คอยติดตามหลวงปู่ทวด แต่เกิดเหตุให้ต้องเสียชีวิตก่อนวัยอันควร ทั้งนี้ก็เป็นเรื่องของความเชื่อส่วนบุคคลด้วย.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |