วันนอร์ต่อรองถอนฟ้องกลับ แลกบิ๊กแดงไม่เอาผิดม.116


เพิ่มเพื่อน    

 ปากกล้าขาสั่นของจริง 7 พรรคฝ่ายค้านชง “บิ๊กแดง” ให้ถอนฟ้อง 12 แกนนำฝ่ายค้านและนักวิชาการกรณีแก้มาตรา 1 บอกเฉยเป็นเรื่องจิ๊บๆ ไกล่เกลี่ยได้! วันนอร์ระบุหาก พล.อ.อภิรัชต์ทำจริง พรรคร่วมก็จะถอนด้วย “พงศกร” แจง 12 ประเด็นถกใน กมธ. กลับไม่มีเรื่องเกี๊ยะเซียะ มีแต่ป้องพ่อฟ้าเรื่องโจชัว หว่อง

เมื่อวันพุธที่ 23 ตุลาคม นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) สามัญความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ กล่าวถึงกรณีกระแสข่าว 7 พรรคฝ่ายค้านเสนอให้ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ประสานงานกับ พล.ท.พรศักดิ์ พูนประสิทธิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ภาค 4 ส่วนหน้า ให้ถอนการแจ้งความเอาผิดมาตรา 116 กับ 12 แกนนำฝ่ายค้าน และนักวิชาการ กรณีที่ 7 พรรคฝ่ายค้านเปิดเวทีรณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 ที่จังหวัดปัตตานี ว่าในที่ประชุมได้หารือเรื่องดังกล่าวจริง โดยเป็นผู้เสนอให้ พล.อ.อภิรัชต์พิจารณา เพราะคิดว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ คนพูดเป็นนักวิชาการ อาจพูดไปด้วยความไม่ตั้งใจ แต่ทุกคนบนเวทีถูกแจ้งจับด้วยทั้งหมด ทำให้มีการแจ้งความกลับ กอ.รมน.ภาค 4 ฐานใช้อำนาจหน้าที่เกินขอบเขต และแจ้งความเท็จทำให้เกิดความเสียหายจากพรรคฝ่ายค้านอีก
         “อันนี้จริงเรื่องมันนิดเดียวเอง มันน่าจะไกล่เกลี่ยพูดคุยกันได้ ก็เรียนท่าน ผบ.ทบ.ไปว่าคุยกันได้ไหม เพราะฝ่ายค้านก็ฟ้องกลับกันบานปลาย ทั้งๆ ที่เรื่องไม่มีอะไรเลย ซึ่ง พล.อ.อภิรัชต์ก็รับปากแล้วไว้โอกาสคุยกันนอกรอบ ถือเป็นท่าทีที่ดี จะได้จบๆ กันไป เพราะพรรคฝ่ายค้านจะมาตอบโต้กับกองทัพรายวันก็ดูไม่งาม สู้เอาเวลาไปทำอย่างอื่นดีกว่า มาติดกับอยู่ตรงนี้มันไปไหนไม่ได้เลย เราน่าจะถ้อยทีถ้อยอาศัยกันได้ เพราะเชื่อว่าทุกคนบริสุทธิ์ใจ ไม่ได้มีเจตนายุยงปลุกปั่นให้ทำผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 1 อยู่แล้ว จึงเสนอให้ท่านส่งตัวแทนจากกองทัพมาร่วมเป็นที่ปรึกษา กมธ. จะได้เป็นตัวประสานหารือกันเพื่อทำงานร่วมกันในอนาคต ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายก็ตกลง และเมื่อมีตัวแทนแล้วก็คุยนอกรอบ เชื่อว่าจากนี้ก็คงประสานงานกันเรื่อยๆ” นายพิเชษฐ์กล่าว 
ด้านนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ (ปช.) กล่าวในประเด็นนี้ว่า เป็นสิทธิของกองทัพบกที่เป็นผู้กล่าวหาและถอนฟ้อง หากไปถอนฟ้องจริง 7 พรรคฝ่ายค้านคงต้องไปถอนฟ้อง ผบ.ทบ.เช่นกันในข้อหาแจ้งความเท็จ เพราะไม่รู้จะฟ้องต่อทำไมในเมื่อกองทัพถอนฟ้อง จึงไม่มีเรื่องแจ้งความเท็จ ซึ่ง 7 พรรคฝ่ายค้านคงต้องหารือในเรื่องนี้
“หากกองทัพบกหรือ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนถอนฟ้องจริง ก็ถือเป็นเรื่องดีทางการเมือง ที่คุยกันรู้เรื่องระหว่างฝ่ายการเมืองกับฝ่ายความมั่นคง การเปิดเวทีรณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญ จ.ปัตตานีหรือภูมิภาคอื่น 7 พรรคฝ่ายค้านไม่มีเจตนาร้ายต่อบ้านเมือง โดยการรณรงค์แก้หรือให้ความรู้ประชาชนเรื่องรัฐธรรมนูญนั้น เพราะเมื่อสภาผู้แทนราษฎรเปิดสมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งที่สอง วาระแรก คงเป็นเรื่องกำหนดวิธีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ดังนั้นการเปิดเวทีของฝ่ายค้านที่ผ่านมา จึงไม่ใช่เรื่องที่ไม่เหมาะสม” นายวันมูหะมัดนอร์กล่าว
ร่าย 12 หัวข้อถกบิ๊กแดง
ขณะที่ พล.ท.พงศกร รอดชมภู ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ในฐานะประธาน กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐฯ ได้โพสต์เฟซบุ๊กในกรณี กมธ.ได้เชิญ พล.อ.อภิรัชต์มาแลกเปลี่ยนความเห็นเมื่อวันจันทร์ ว่ามีประเด็นที่พอจะเปิดเผยได้ดังนี้ 1.เรื่องการเมืองและผู้แทนราษฎรกับทหารต่างมีหน้าที่ เป็นไปตามกฎหมายและระบอบประชาธิปไตย
    2.กรณีสงครามลูกผสมหรือสงครามพันธุ์ทาง (hybrid warfare) เป็นหลักทางทหารมานานแล้ว เช่น พรรคคอมมิวนิสต์จีนและ ISIS ประเด็นจึงควรยกตัวอย่างจากต่างประเทศเพื่อป้องกันความเข้าใจผิดว่ามีกำลังทหารใน 3 จังหวัดชายแดนใต้เพื่อแยกดินแดน จะเข้าเงื่อนไขการขัดกันด้วยอาวุธที่มิใช่ระหว่างประเทศ
3.กรณีการกำหนดใจตนเองที่เหมือนกระทบกับมาตรา 1 ของรัฐธรรมนูญนั้น หลักเกณฑ์นี้ สหประชาชาติโดยคณะกรรมาธิการปลดปล่อยอาณานิคม ไม่มีรายชื่อ 3 จังหวัดชายแดนใต้ในความรับผิดชอบ เพราะไม่ใช่การเป็นอาณานิคมของจักรวรรดินิยมตะวันตกในยุคก่อน ดังนั้น 3 จังหวัดใต้ไม่มีทางแบ่งแยกดินแดนโดยเงื่อนไขนี้ได้ การให้กำหนดใจตนเองด้วยการปกครองส่วนท้องถิ่นจะดีกว่า เพราะไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 1 4.ในขณะที่การพูดคุยสันติสุข มีภาครัฐและผู้เห็นต่าง ซึ่งเป็นคนนอก ไม่มีคนในพื้นที่มีส่วนได้เสียเลย ดังนั้นจึงควรนำแนวทางเหมือน ส.ว.ในยุโรปและสหรัฐอเมริกาที่มีอำนาจเท่าเทียมกันระหว่างกลุ่มความเชื่อที่ต่างกัน และจะพัฒนาไปเป็นการปกครองท้องถิ่นที่ดีได้ต่อไป
5.ใน 3 จังหวัดควรมองภาพการทำงานกันใหม่ โดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาสร้างความปลอดภัย เช่น การจดจำใบหน้า การจดจำยานพาหนะ โดรน ระบบกล้องวงจรปิดแบบ real time และเพื่อไม่ให้เข้าเงื่อนไขการขัดกันด้วยอาวุธฯ ทหารก็ควรถอยออกมาเป็นกองหนุน เรื่องด่าน เรื่องกฎอัยการศึก เรื่องซิม ที่รบกวนประชาชนให้ใช้ระบบที่ทันสมัยกว่าเป็น smart city ใครทำผิดจับได้ถูกตัว ไม่เกิดแนวร่วมมุมกลับ ไม่มีความคับแค้นจะดีกว่าหรือไม่ 6.ยาเสพติดตามชายแดน กองทัพจับได้มากกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด กมธ.ขอให้เพิ่มการใช้เครื่องสแกนรถยนต์ เพื่อไม่ให้ต้องใช้กำลังเข้าตรวจค้น และหายาเสพติดได้รวดเร็วขึ้นกว่าเดิม
7.อาชญากรรมไซเบอร์ กระทรวงกลาโหมสหรัฐเป็นผู้ดำเนินการ กรณีไทยความไว้วางใจของประชาชนยังไม่มี แต่ขอให้พิจารณาไว้ 8.ความมั่นคงไม่ได้หมายถึงความมั่นคงของรัฐบาล แต่เป็นความมั่นคงของรัฐ ข้าราชการมักเข้าใจผิด และถูกนำไปใช้งานด้านการเมืองมากกว่าความมั่นคงที่แท้จริง กมธ.ฝากเป็นข้อสังเกต 9.เรื่องต่างประเทศ เช่น กรณีฮ่องกง ข้าราชการผู้ใหญ่ควรไม่เข้าไปเกี่ยวข้อง และกรณีนี้มีมหาอำนาจเกี่ยวข้องด้วย ส่วนประเด็นโจชัว หว่อง คงทราบข้อมูลไปแล้วว่าไม่ได้เข้าประเทศมาบ่อยอย่างที่คิด และกรณีนายธนาธร เป็นความบังเอิญในที่เสวนาเท่านั้น ไม่ใช่ความตั้งใจแทรกแซงกิจการภายในของประเทศอื่น
“เจี๊ยบ”ชมบิ๊กแดงหล่อ
10.การควบคุมโซเชียลแบบบางประเทศ หรือ single gateway เทียบกับการใช้ big data ที่ไม่รบกวนชีวิต และเสรีภาพของประชาชน แต่ตรวจสอบได้จริงนั้น อย่างหลังจะดีกว่า ควรนำมาใช้จะทำให้ประชาชนคิดสร้างสรรค์ต่อไปได้ 11.การปฏิบัติการข่าวสาร (I/O : information operations) กองทัพบกได้ทำหรือไม่? คำตอบคือไม่ได้ทำ มีแต่การเฝ้าติดตามทั่วๆ ไปเท่านั้น และคงไม่มีใครกล้าขัดคำสั่งได้ให้ข้อสังเกตว่า I/O พัฒนามาจากคำว่าปฏิบัติการจิตวิทยาที่มีการพูดเท็จได้ จึงไม่ควรใช้กับประชาชนไทย เพราะผิดหลักการ ทหารต้องพูดแต่ความจริงเท่านั้น ประชาชนจะมีความเชื่อใจ และ 12.กรณีการยึดอำนาจมีความเห็นอย่างไร? คำตอบคือ ตนเองจะไม่แทรกแซงทางการเมือง
ขณะที่ ร.ท.หญิงสุณิสา ทิวากรดำรง รองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า เห็นด้วยกับ พล.อ.อภิรัชต์ ที่ระบุว่าการเมืองยุคนี้มีการเล่นการเมืองแบบกินรวบ แต่ไม่แน่ใจว่าประชาชนจะเห็นตรงกับ ผบ.ทบ.หรือไม่ ว่านักการเมืองฝ่ายใดกันแน่ที่กำลังนั่งกินรวบประเทศไทย ผบ.ทบ.ไม่ได้ระบุว่าท่านพูดถึงใคร นักการเมืองที่กินรวบประเทศคือนักการเมืองที่ตรวจสอบไม่ได้ แทรกแซงองค์กรอิสระได้หมด นอกจากนี้ยังมีนักการเมืองที่ชอบกินงู คอยซื้องูเห่าให้ยกมือในสภาอีกด้วย ซึ่งเป็นจุดอ่อนของรัฐธรรมนูญ 2560 ที่เปิดช่องให้นักการเมืองที่ไม่มีอุดมการณ์เข้าไปมีที่นั่งในสภาได้ง่ายๆ คิดจะเอาเก้าอี้ ส.ส.ไปแลกรับผลประโยชน์ต่างๆ โดยไม่ได้ตั้งใจเข้ามาทำงานเพื่อแก้ปัญหาให้ประชาชน หากไม่มีการแก้รัฐธรรมนูญเพื่อแก้ไขกติกาเลือกตั้งที่บิดเบี้ยวและกติกาอื่นๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการบริหารประเทศ ก็จะทำให้สถาบันการเมืองอ่อนแอลงเรื่อยๆ จนประชาชนอาจเสื่อมศรัทธากับระบอบประชาธิปไตย
“ถ้าหาก พล.อ.อภิรัชต์เป็นห่วงประเทศชาติ ควรเลิกขัดขวางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และฟังเสียงประชาชนที่เรียกร้องให้กองทัพถอยจากการเมือง อย่าปล่อยให้กลุ่มการเมืองไม่ว่าจะฝ่ายใดมาใช้กองทัพเป็นเครื่องมือเล่นการเมือง ถ้า พล.อ.อภิรัชต์ทำเช่นนี้ได้ ก็จะได้รับความชื่นชมจากประชาชน เพราะท่านมีรูปเป็นทรัพย์อยู่แล้ว หากท่านฟังเสียงประชาชน ท่านจะนั่งในหัวใจชาวบ้านได้ไม่ยาก ท่านยังอายุน้อย มีอนาคตอีกยาวไกล อย่าทำเหมือน พล.อ.ประยุทธ์ ที่ไม่มีวุฒิภาวะและไม่ฟังเสียงประชาชน ทำให้ภาพลักษณ์ของกองทัพเสียหาย” ร.ท.หญิงสุณิสาระบุ.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"