ข้าพเจ้าจะไปอยู่บัานพักคนชราแล้ว


เพิ่มเพื่อน    

    ข้าพเจ้าไม่ใช่มนุษย์ป้านะคะ แต่เขาชื่อ "จื่อ จินชัน" เขียนไว้น่าสนใจจนต้องขยายต่อค่ะ
    1.เมื่อข้าพเจ้าจะไปอยู่บ้านพักคนชรา ถ้าไม่ใช่เพราะความจำเป็น ข้าพเจ้าคงไม่คิดไปอยู่บ้านพักคนชรา แต่เมื่อการดำรงชีวิตเริ่มจะไม่สามารถจัดการทุกสิ่งได้ด้วยตนเอง อีกทั้งลูกเต้าต้องยุ่งกับหน้าที่การงาน และดูแลหลานจนไม่มีเวลามาดูแลข้าพเจ้า นี่จึงดูเหมือนเป็นเพียงทางออกเดียวของข้าพเจ้าถึงเวลาที่จะต้องเตรียมตัวย้ายบ้านแล้ว……ย้ายไปอยู่บ้านพักคนชรา
    แท้จริงแล้วบ้านพักคนชราก็นับว่าไม่เลว.  ห้องเดี่ยวที่สะอาดสะอ้าน อีกทั้งยังมีเครื่องใช้ไฟฟ้าที่จำเป็นทั่วไป ทั้งอุปกรณ์ให้ความบันเทิงครบครัน อาหารก็นับว่าถูกปาก การให้บริการก็ทั่วถึง สภาพแวดล้อมก็สวยงาม เพียงแต่ราคาค่อนข้างแพง ลำพังเงินบำนาญของข้าพเจ้าจึงไม่พอค้ำจุน 
    แต่ข้าพเจ้ามีบ้านของตนเอง เมื่อขายมันออกไปจะได้เงินหลายล้าน ดังนั้นเงินจึงไม่เป็นปัญหา ข้าพเจ้าใช้ในยามชราคงใช้ไม่หมด อีกไม่นานข้างหน้าเงินที่เหลือก็จะเป็นมรดกเหลือไว้ให้ลูกเต้า ลูกก็เข้าใจดี::เงินของท่าน ท่านใช้เองเถอะ::ไม่ต้องเป็นห่วงพวกเรา จากนี้คือการพิจารณาเตรียมตัวไปอยู่บ้านพักคนชราของข้าพเจ้า
    2.คำพังเพยกล่าวไว้ว่า บ้านเป็นของมีค่ามาก หมายถึงมีสิ่งของมาก การใช้ชีวิต สิ่งละอันพันละน้อยย่อมขาดไม่ได้ หีบ, ตู้, ลิ้นชัก ล้วนใส่เต็มไปด้วยของใช้ในชีวิตประจำวัน เสื้อผ้าที่ใส่ทั้งสี่ฤดู ของใช้บนเตียงกองเป็นภูเขาเลากา 
    บ้านพักคนชรามีห้องเพียงห้องเดียว ตู้หนึ่งใบ เก้าอี้หนึ่งตัว เตียงหนึ่งหลัง โซฟาหนึ่งตัว ตู้เย็นหนึ่งใบ เครื่องซักผ้าหนึ่งเครื่อง ทีวีหนึ่งเครื่อง เตาไฟฟ้าหนึ่งเครื่อง เตาไมโครเวฟหนึ่งเครื่อง มันย่อมไม่มีที่เพียงพอสำหรับเก็บสมบัติที่ข้าพเจ้าสะสมมา ทันใดนั้น ข้าพเจ้าเกิดคิดได้โดยฉับพลันว่าสิ่งที่เรียกว่าสมบัติของข้าพเจ้านั้นล้วนเป็นของเกินความจำเป็น มันไม่ได้เป็นของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าเป็นเพียงแต่ผู้ดูๆ เล่นๆ ใช้ๆ แท้จริงแล้วพวกมันล้วนเป็นของโลก ทุกชีวิตที่ผลัดเปลี่ยนกันมาสู่โลกนี้ ล้วนเพียงแต่เป็นแขกผู้มาชมเท่านั้น 
    ข้าพเจ้าเข้าใจขึ้นมาทันใด ทำไมบิลเกตส์จึงคิดบริจาคทรัพย์สินทั้งหมดหลังจากที่ตายแล้ว ทำไมหม่า อุ้ยตู จึงได้ประกาศที่จะบริจาคของสะสมทุกอย่างในพิพิธภัณฑ์ของเขาทั้งหมด แท้จริงแล้วทุกๆ สิ่งแต่เดิมไม่ใช่ของเราอยู่แล้ว เราเพียงแต่มาดูๆ เล่นๆ ใช้ๆ เท่านั้น เกิดมาก็ไม่ได้เอามา ตายแล้วก็เอาไปไม่ได้ สู้นำมันมาแสวงหาชื่อเสียงดีกว่า ยังได้ชื่อว่าเป็นผู้สร้างบุญสร้างกุศล นับว่าเป็นความชาญฉลาดอย่างยิ่ง 
    3.ของทุกอย่างในบ้านข้าพเจ้า คิดอยากบริจาคจริงๆ แต่ดูแล้วไม่มีคุณค่าเพียงพอ จะจัดการสิ่งเหล่านี้อย่างไรดี จึงเป็นปัญหายาก สิ่งที่ลูกหลานจะสามารถรับช่วงต่อไปได้ก็มีเพียงไม่กี่อย่าง ข้าพเจ้าสามารถจินตนาการถึงวันข้างหน้าเมื่อลูกหลานอยู่ต่อหน้าสมบัติเหล่านี้ของข้าพเจ้า จะมีสภาพการณ์เช่นไร เสื้อผ้า เครื่องนอนทั้งหมดจะถูกโยนทิ้ง รูปถ่ายหลายสิบเล่มที่ข้าพเจ้าเห็นว่าล้ำค่าจะถูกทำลายสิ้น หนังสือจะถูกขายทิ้งเป็นของเสีย ของสะสมอันไหนที่ไม่สนใจก็จะจัดการทิ้ง เฟอร์นิเจอร์ไม้แดงที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์จะถูกขายทิ้งในราคาถูกๆ เหมือนดั่งตอนจบในเรื่องความรักในหอแดง เหลือแต่ความเวิ้งว้างว่างเปล่า ช่างสะอาดเกลี้ยงเกลาจริงๆ 
    ต่อหน้าเสื้อผ้าที่กองเป็นภูเขาเลากา ข้าพเจ้าได้เลือกเพียงไม่กี่ชิ้นที่ใช้ได้ ของใช้ในครัวก็เลือกเพียงถ้วยโถโอชามไปหนึ่งชุด หนังสือก็เลือกเพียงไม่กี่เล่มที่มีคุณค่าในการอ่าน กาน้ำชาก็เลือกไปหนึ่งชุด พกเอาบัตรประชาชน บัตรผู้สูงอายุ บัตรโรงพยาบาล สมุดสำมะโนครัว แน่นอนต้องมีบัตรเอทีเอ็มด้วย ก็เพียงพอแล้ว นี่ไม่ใช่ทรัพย์สมบัติทั้งหมดของข้าพเจ้าหรอกหรือ ข้าพเจ้าไปแล้ว และควรคืนบ้านหลังนี้ไปเสียที
ใช่แล้ว ชีวิตคนเรานอนได้เพียงเตียงหลังเดียว อาศัยบ้านเพียงหลังเดียว ส่วนเกินเหล่านั้นจึงเป็นเพียงของดูเล่นเท่านั้น คนเราอยู่มาชั่วชีวิต ในที่สุดก็เข้าใจ สิ่งที่เราต้องการจริงๆ นั้นมีไม่มากนัก อย่าให้สิ่งที่เป็นส่วนเกินมาผูกมัดความสุขของเราไว้เลย.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"