เข้าสู่โหมดลุ้นระทึกอีกครั้ง สำหรับ แกนนำคนเสื้อแดง  31 ต.ค. ศาลจังหวัดพัทยา นัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดีแกนนำกลุ่ม นปช. ล้มการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนเมื่อเดือน เม.ย.2552 ในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี แม้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นมาร่วมสิบปี แต่คงยังเป็นแผลใจใครหลายคน ที่ไม่มีวันลืมเลือนเหตุการณ์ดังกล่าว ที่โรงแรมรอยัล คลิฟ บีช รีสอร์ท เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ได้อย่างแน่นอน

                คดีนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 10-11 เม.ย.2552 นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำคนเสื้อแดง ฮาร์ดคอร์ในขณะนั้น พร้อมกับพวก เข้าปิดล้อมหน้าโรงแรมรอยัล คลิฟ บีช รีสอร์ต เมืองพัทยา ที่กำลังจัดการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนแล้วบุกเข้าในโรงแรมเพื่อยื่นหนังสือประท้วงต่อตัวแทนอาเซียน จนการประชุมต้องล้มเลิกลง ในเวลาต่อมาเจ้าหน้าที่จับกุมดำเนินคดีผู้ร่วมกระทำความผิดส่งพนักงานอัยการส่งฟ้องต่อศาลจังหวัดพัทยารวม 13 คน ประกอบด้วย

                นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง, นายนิสิต สินธุไพร, นายพายัพ ปั้นเกตุ, นายวรชัย เหมะ, นายวันชนะ เกิดดี, นายพิเชฐ สุขจินดาทอง, นายศักดา นพสิทธิ์, พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์, นายนพพร นามเชียงใต้, นายสำเริง ประจำเรือ, นายสมยศ พรหมมา, นพ.วัลลภ ยังตรง และนายสิงทอง บัวชุม

                สำหรับข้อหาที่แนวร่วมแกนนำเสื้อแดงถูกฟ้องเอาผิด ประกอบด้วย 1.ร่วมกันขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน ซึ่งสั่งให้เลิกการมั่วสุม 2.ข้อหาร่วมกันเดินแถวเป็นขบวน และการกระทำด้วยประการใดๆ ในลักษณะที่เป็นการกีดขวางการจราจร

                3.ร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจาหรือวิธีอื่นใด อันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ และมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ถึงขนาดที่ก่อให้เกิดความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร และเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน

                4.มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองโดยเป็นหัวหน้า เป็นผู้มีหน้าที่สั่งการในการกระทำผิดนั้น  5.ร่วมกันบุกรุกและทำให้เสียทรัพย์ โดยขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116, 215, 216, 358, 362, 364, 365 และ พ.ร.บ.จราจรทางบก มาตรา 108, 114, 148

                คดีนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยคนละ 4 ปี โดยไม่รอลงอาญา แม้ก่อนหน้า 11 ก.ย. ศาลจะนัดอ่านคำพิพากษา แต่เนื่องจากมีจำเลย ศักดา นพสิทธิ์ เดินทางมาศาลเพียงคนเดียว ส่วนคนอื่นๆ อ้างว่า ยังไม่ได้รับหมายเรียก และศาลได้นัดหมายอ่านคำพิพากษาอีกครั้งในวันที่  31 ต.ค.

                ดูจากห้วงเวลา เหลือเวลาเพียงสัปดาห์ จะถึงวันพิพากษา คดีคนเสื้อแดง คดีนี้แม้เกิดมานานนับสิบปี มีการต่อสู้ แต่ละฝ่ายงัดข้อมูล พยาน หลักฐานออกมาสู้กันอย่างเต็มที่ ระหว่างบรรทัด ก่อนถึงวันพิพากษา ก็เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในบางกลุ่ม บางคนน่าจะมีคนถูกหวย รอดการถูกลงโทษ อันเนื่องจากโปรย้ายค่าย

                เปลี่ยนเส้นทางการเมืองจากค่ายหนึ่ง ไปยังอีกค่ายหนึ่ง  จนถูกเชื่อมโยง ที่คนบางกลุ่มนำมาเชื่อมโยง ผูกเรื่องราวกันอย่างสนุกสนาน

                เมื่อวันที่ 11 ก.ย. ที่ศาลนัดอ่านคำพิพากษา แต่จำเลยมาไม่ครบ มีเพียงศักดา นพสิทธิ์ เดินทางมาคนเดียว และจากฐานความผิด ทำให้ถูกควบคุมตัว ไปอยู่ในเรือนจำหนองปลาไหล พัทยา เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ท่ามกลางกระแสข่าวที่ออกมา คนที่ไม่เดินทางมา เพราะขอรอดูท่าที ประเมินสถานการณ์อีกครั้ง แต่ในเวลาต่อมา แนวร่วมที่อยู่ในขบวนการ อาทิ สิงห์ทอง บัวชุม พายัพ ปั้นเกตุ ทยอยไปมอบตัว และถูกควบคุมตัวเป็นที่เรียบร้อย

                ส่วนแนวร่วมคนอื่นๆ ที่เหลือ ที่ไม่ได้เดินทางมา ยังเดาใจไม่ออก ท้ายที่สุดตัดสินใจกันอย่างไร นาทีนี้มีเพียงเสียงร่ำลือจากแวดวงคนเสื้อแดง บางคนตัดสินใจ หลบออกไปพักชั่วคราว แล้วจะเดินทางมาฟังคำพิพากษาวันที่ 31 ต.ค.อย่างแน่นอน บางคนที่ยังไม่ตัดสินใจ อยู่ระหว่างตัดสินใจเช่นกันว่า จะเดินทางมาหรือไม่มาฟังคำตัดสินดี และมีบางคนตัดสินใจเด็ดขาดไปแล้ว ใช้ช่องทางธรรมชาติ ไม่เดินทางมาฟังคำพิพากษาอย่างแน่นอน  

                อย่างไรก็ดี มีกระแสข่าวแพร่สะพัดออกมาอีกว่า สำหรับคนที่ปักหลัก ขอสู้ต่อ จะเดินทางมาฟังคำพิพากษา ขอต่อสู้อีกเฮือก งัดกลยุทธ์ อิงตาม แนวร่วมแกนนำคนเสื้อแดงบางคนที่ย้ายขั้ว ย้ายข้าง พลิกคำให้การ รับสารภาพ ทำให้แนวร่วมอีกส่วน ที่แม้จะไม่ได้ย้ายฝั่ง ย้ายค่าย ก็ยึดตามแนวทางนี้เหมือนกัน ด้วยความมุ่งหวังในผลแห่งคดี ที่ไม่ว่าจะออกมาในทิศทางใด น่าจะต้องออกมาเหมือนกัน 

                แต่ไม่ว่าอย่างไร คำตอบในบรรทัดสุดท้าย ไม่มีใครรู้ได้ว่าจะออกมาเป็นเช่นไร แนวร่วมเสื้อแดงที่ยังไม่ถูกควบคุมตัวจะเดินมาฟังอย่างพร้อมเพรียง หรือมีเหตุอื่นใด ทำให้ไม่เดินทางมา ชะตากรรมแกนนำเสื้อแดงจะเป็นเช่นไร บทสรุปของคดีจะออกมาในทิศทางใด 31 ต.ค.นี้มีคำตอบแน่นอน!!.