22 ต.ค.2562 นายถาวร เสนเนียม รมช.คมนาคม เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงคมนาคมอยู่ระหว่างศึกษาและผลักดันการใช้เทคโนโลยีสแกนใบหน้าในสนามบินเข้ามาใช้ภายในสนามบินภูมิภาคของประเทศไทย ซึ่งจะมีการตั้งคณะทำงานโดยมีทั้งจากกรมท่าอากาศยาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติและกระทรวงมหาดไทย เพื่อหาแนวทางในการเชื่อมโยงข้อมูล Big Data ควบรวมข้อมูลของหน่วยงานความมั่นคงกับข้อมูลในการเดินทางผ่านสนามบินและข้อมูลด้านนักท่องเที่ยว นำไปสู่การเชื่อมโยงระบบในภาพกว้างที่สามารถแก้ปัญหาสนามบินแออัดไปพร้อมกับการส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยว สร้างความประทับใจให้ผู้เดินทางเข้ามายังประเทศไทย
นายถาวรกล่าวต่อว่า ระบบสแกนใบหน้านั้นได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศกลุ่มยุโรปและทางฝั่งอเมริกาใต้ ซึ่งในภูมิภาคอาเซียนมีสนามบินสิงคโปร์สามารถทำได้ และรัฐบาลมาเลเซียกำลังศึกษา จึงเป็นโอกาสอันดีของประเทศไทยที่จะพัฒนาเทคโนโลยีแบบนี้เพื่อก้าวทันเพื่อนบ้านในอาเซียน เพราะประเทศไทยเป็นหนึ่งในจุดยุทธศาสตร์ด้านการขนส่งสำคัญของภูมิภาคและของทวีปเอเชีย ซึ่งการสแกนใบหน้ายืนยันตัวตนสามารถลดระยะเวลาในการเช็คอินลงได้ 50% ดังนั้นเมื่อนำระบบดังกล่าวมาใช้แล้ว คนไทยจะสามารถขึ้นเครื่องบินได้โดยไม่ต้องใช้บัตรประชาชนอีกต่อไป เช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวที่อาจจะไม่ต้องใช้พาสปอร์ตหากทำการบินในประเทศไทย ซึ่งระบบตรวจสอบจะมีการสแกนใบหน้าเพียงครั้งเดียวที่เคาน์เตอร์เช็คอินภายในสนามบิน จากนั้นสามารถเดินขึ้นเครื่องบินได้เลยโดยไม่ต้องมีการแสดงบัตรประชาชน พาสปอร์ต หรือ บอร์ดดิ้งพาสอีกต่อไป
อย่างไรก็ตามในปัจจุบันกว่าจะขึ้นเครื่องบินอาจต้องแสดงบัตรประชาชนหรือพาสปอร์ตเกือบ 4 ครั้งต่อเที่ยวบิน อย่างไรก็ตามบริษัทเอกชนที่มีความเชี่ยวชาญได้รายงานว่าในอนาคตสามารถพัฒนาไปถึงขั้น ผู้โดยสารและนักท่องเที่ยวไม่ต้องมาเช็คอินที่สนามบินเลย สามารถพิมพ์ตั๋วเครื่องบินและติดแท็กกระเป๋าเดินทางได้ตั้งแต่ที่โรงแรม หรือสถานที่เกี่ยวข้องที่ได้รับอนุญาต เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้เดินทางมีจุดเช็คอินตามสถานที่ต่างๆโดยไม่จำเป็นต้องมาแออัดกันที่สนามบินอีกต่อไปแล้ว
นายถาวร กล่าวว่าเทคโนโลยีสแกนใบหน้าเป็นเพียงหนึ่งในส่วนประกอบของแผนพัฒนาสนามบินอัจฉริยะ (Smart Airport) ทั่วประเทศ ซึ่งตนตั้งเป้านำร่องไว้ 5 แห่ง เน้นสนามบินที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก เช่น สนามบินกระบี่ สนามบินสุราษฎร์ธานี สนามบินอุดรธานี สนามบินอุบลราชธานีและสนามบินขอนแก่น โดยในอนาคตจะมีการพัฒนาเทคโนโลยีครอบคลุมด้าน การเดินทาง ความปลอดภัยและเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้โดยสาร ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมแผนดำเนินงานด้านนวัตกรรมเทคโนโลยีสนามบิน นอกจากนี้ตนได้มอบนโยบายให้สนามบินทั้ง 5 แห่งดังกล่าวนั้นเร่งรัดการพัฒนาจุดพักรอเพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้โดยสารที่เจอปัญหาเที่ยวบินดีเลย์และเป็นจุดพักผ่อนให้กับคนที่รอขึ้นเครื่องบิน ซึ่งแบ่งการพัฒนาเป็น 2 รูปแบบ คือ 1.ห้องนอนสำหรับผู้โดยสารที่รอขึ้นเครื่อง 2.สถานที่นั่งพักผ่อนและทำงานชั่วคราวแบบ co-working space
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |