เจอร์เกน คล็อปป์ บอสลิเวอร์พูล ออกอาการหัวฟัดหัวเหวี่ยงหลังลูกยิงของ มาร์คัส แรชฟอร์ด ได้ประตูทั้งที่น่าจะมีการเป่าฟาวล์ในจังหวะก่อนหน้า ขณะที่ ซาดิโอ มาเน่ ชวดประตูตีเสมอ หลังโดน VAR จับแฮนด์บอลไม่กี่นาทีหลังจากนั้น
แรชฟอร์ด ช่วยให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เจ้าบ้าน ได้ประตูขึ้นนำ แชมป์ยุโรป ลิเวอร์พูล ได้ในนาทีที่ 36 หลังจากที่ ดิว็อค โอริกี เหมือนจะโดน วิคตอร์ ลินเดลอฟ ทำฟาวล์ก่อน แต่ไม่โดนลงโทษ และหลังจากดู VAR แล้ว ผู้ตัดสินตัดสินใจให้ลูกนี้ได้เป็นประตู ซึ่งทำให้ คล็อปป์ ออกอาการหัวเสียให้เห็นที่ข้างสนาม
จากเหตุการณ์นี้ มีหลายคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย โดย แกรี่ เนวิลล์ อดีตกองหลังแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยอมรับว่า "ผมคิดว่ามันน่าจะเป็นการฟาวล์ แต่ผมเห็นปัญหานี้กับการใช้ VAR มาตลอดทั้งซีซั่น ถึงอย่างนั้น เจอร์เกน คล็อปป์นัดนี้ก็หมดมุขเหมือนกัน เพราะทีมตั้งเกมของตัวเองไม่ได้"
อดีตกองหลังลิเวอร์พูล เจมี่ คาร์ราเกอร์ ไม่ค่อยประทับใจนักกับการใช้ VAR ซึ่งเขาเสริมว่า "ทุกคนต้องการให้มันช่วยตัดสินให้ถูกต้อง ต้องการให้มันมีประโยชน์ต่อเกม แต่ที่ผ่านมา การใช้ VAR มีแต่ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ฟาวล์ก็คือฟาวล์"
แกรม ซูเนสส์ ตำนาน ลิเวอร์พูล เป็นอีกคนที่บอกว่าลูกนี้ ลิเวอร์พูล สมควรได้ฟาวล์ "ผมคิดว่า ลินเดลอฟ เตะโดนเขา ไม่ว่าจะอย่างไร คุณลองกลับไปดูจังหวะนี้ มันคือการฟาวล์ มันมีการสัมผัสโดนตัวกันระหว่างผู้เล่น และมันคือฟาวล์ เขาโดนเตะที่ใต้เข่าซ้าย คุณเตะใครจากด้านหลัง มันคือการทำฟาวล์ เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องถกเถียงกันให้เสียเวลา แต่ก็ต้องยอมรับว่า แมทช์นี้ ลิเวอร์พูล เล่นไม่ออก และ ยูไนเต็ด โชคร้ายที่ไม่ชนะ"
ขณะที่ เพียร์ส มอร์แกน วิจารณ์ VAR รุนแรง โดยเขาทวีตบอกว่า ประตูของ ยูไนเต็ด เกิดขึ้นหลังมีการทำฟาวล์ โอริกี้ และ ประตูที่ ลิเวอร์พูล อดได้หลังจากมีเหตุการณ์ที่ มาเน่ ทำแฮนด์บอลก่อน เพราะบอลมาโดนท่อนแขน โดยเขาบอกว่า VAR ทำให้เกมหมดความสนุกไปเยอะ การใช้ VAR ทำให้การตัดสินผิดไปแทบทุกครั้งทุกหน เลิกใช้ได้แล้วแบบนี้"
เกิดปัญหาถกเถียงแบบนี้ มือท็อปอย่าง มาร์ค แคล็ทเทนเบิร์ก จึงออกมาคลายข้อสงสัย อย่างประตูแรกของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นั้น หลังจากเช็ค VAR แล้ว สมควรเป่าให้ทีมปีศาจแดงไม่ได้ประตูหรือเปล่า คำตอบคือ ไม่
แคล็ทเทนเบิร์ก ยืนยันว่า มาร์ติน แอทกินสัน ทำถูกต้องที่ให้ลูกยิงของแรชฟอร์ด เป็นประตู ซึ่ง ดิว็อค อาจจะล้มลงจากการเข้าประทะของ ลินเดอลอฟ แต่ แอทกินสัน ยืนอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะและมองเห็นเหตุการณ์ได้อย่างชัดแจ้ง จึงตัดสินใจให้เล่นต่อ"
ลิเวอร์พูล คิดว่าพวกเขาตีเสมอได้แล้วช่วงก่อนเบรก แต่ VAR ก็เหมือนเข้ามาช่วย ยูไนเต็ด ไว้อีกตอนนั้น ซึ่งจากภาพรีเพลย์แล้ว แสดงให้เห็นว่า บอล ชนไหล่ มาเน่ จังหวะก่อนทำประตู
แคลทเทนเบิร์ก ชี้ว่า มาเน่ ได้ประโยชน์จากการทำแฮนด์บอลนั้น ดังนั้นจึงเป็นการตัดสินที่ถูกต้องแล้ว ที่ไม่ให้จังหวะนั้นได้ประตู
ไม่ว่าจะอย่างไร ลิเวอร์พูล มาได้ประตูตีเสมอจาก อดัม ลัลลาน่า ตัวสำรอง ในช่วง 5 นาทีสุดท้าย ผลเสมอนัดนี้ทำให้ ทีมยักษ์ใหญ่จากเมอร์ซีย์ไซด์ เหลือนำ แชมป์เก่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็น 6 แต้ม หลังจากที่ ทีมเรือใบสีฟ้า กลับมาเก็บชัยชนะได้อีก ที่บ้านของ คริสตัล พาเลซ เมื่อวันเสาร์
หลังเกม คล็อปป์ ให้สัมภาษณ์บอกตอนแรกมั่นใจ 100 เปอร์เซนต์ว่า หลังเช็ค VAR แล้ว ยูไนเต็ด จะต้องไม่ได้ประตูนั้น แต่ผิดคาด แต่ก็ทิ้งท้ายขอหยามทีมคู่แข่งว่าเจอกันทีไรก็เอาแต่ตั้งรับ "เราเก็บได้แค่แต้มเดียวในวันนี้ ตอนที่ผมมาอังกฤษ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็จัดทีมและแผนคล้ายกับแบบนี้ ทุกคนพูดกันว่ามันเป็นเกมใหญ่มาก แต่พอถึงเวลา ก็มีอยู่ฝ่ายหนึ่งที่เอาแต่ตั้งรับ ขณะที่อีกทีมคอยสร้างสรรค์เกม เราไม่ได้เสียหายอะไร ยังไงเราก็เก็บเพิ่มได้อีกหนึ่งคะแนน เราต้องลุยกันต่อ"
อย่างไรก็ตาม หลังฟังคอมเมนท์จาก คล็อปป์ อดีตบอสปีศาจแดง โชเซ มูรินโญ่ ที่เคยเป็นนายใหญ่โอลด์แทรฟฟอร์ดระหวางปี 2016-18 ออกมาบอกว่า "เขาแค่ไม่ชอบเมนูที่ได้ เขาชอบเนื้อ แล้วดันได้ปลา แน่นอนว่าเขาคงไม่มีความสุข อย่าลืมว่ายูไนเต็ดในตอนนี้มีตัวเลือกให้ใช้น้อยมาก ผมดีใจที่พวกเขาไม่ชนะ เพราะสถิตินั้นยังคงอยู่ โอลด์แทรฟฟอร์ด คือที่พิเศษที่ ลิเวอร์พูล ต้องมาชนะให้ได้ ซึ่งเขายังไม่เคยทำได้สำเร็จสักครั้ง"
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |