21 ต.ค.62 -  พล.ต.ต. ถาวร แสงฤทธิ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตรัง พร้อมด้วย พ.ต.อ.พูลศักดิ์ เซ็งแซ่ รอง ผกก.อำนวยการ ปจว.ตรัง รักษาการแทน ผกก.สภ.ย่านตาขาว ร.ต.อ.สุวิทย์ สุวรรณราช ร้อยเวรสอบสวน สภ.ย่านตาขาว  พ.ต.ท.จุลพงศ์ อัตบุตร  สารวัตรสืบสวน สภ.ย่านตาขาว พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจลงพื้นที่ตรวจสถานที่เกิดเหตุที่คนร้าย คือ ด.ต.สุรพงค์ จิตรบุญ อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 160/11 หมู่ที่ 1 ซอยสันติสุข ต.ทุ่งกระบือ อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง ปัจจุบันเป็นตำรวจสายตรวจ สภ.ย่านตาขาว ใช้อาวุธปืน357 สมิทแอนเวสสัน ไม่มีทะเบียน ยิงไป 5 นัด เหลือ 1 นัดมีการใช้งานแต่ไม่ลั่น  ปืนครก.30 หรือ 11 มม.มีทะเบียน บรรจุ 10 นัด ยิงหมดกระสุนหมดแม็ก ยิงบ้านเลขที่ 226 ถ.ตรัง-ปะเหลียน อ.ทุ่งกระบือ อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง

ซึ่งเป็นบ้านของ น.ส.วสุณัฐชา โล่สถาพรพิพิธ ส.ส.ตรัง เขต 3 พรรคประชาธิปัตย์ และนายสมชาย โล่สถาพรพิพิธ (พ่อ) อดีต ส.ส.ตรัง หลายสมัย และอดีตประธานกรรมาธิการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร โดนประตูรั้วบ้านทะลุ 1 นัด พบปลอกกระสุน 1 ปลอก ส่วนกระสุนปืนอีกนัดวิถีกระสุนเจาะต้นไม้หน้าบ้าน

ทั้งนี้ นายสมชาย  กล่าวว่า ตอนเกิดเหตุตนเองไม่ได้อยู่ในบ้านออกไปทำธุระมีภรรยาและลูกที่อยู่ในบ้าน พอกลับมาถึงบ้านพบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่เต็มบ้านแล้ว ตอนเกิดเหตุจากกล้องวงจรปิดมี ด.ต.สุรพงค์ จิตรบุญ มาเขย่าประตูบ้านและยิงปืนเข้ามาในบริเวณบ้านประมาณ 10 นัดซึ่งตอนหลังมาทราบว่าใช้ปืน 2 กระบอก 357 และ 11 มม.โดนรั้วบ้าน 2-3 นัดโดนต้นไม้ด้วย 

สำหรับตัวผู้ก่อเหตุตนไม่เคยรู้จักแต่ทราบข่าวว่าเขาติดยาแต่เวลาที่เขาช็อกต้องนึกถึงตนเองก่อนเพราะคิดว่าตนต้องให้ตำรวจไปจับตอนที่เขาเสพยา ทุกครั้งที่เกิดเหตุจะประมาณเที่ยงคืนซึ่งอาจจะเป็นเวลาที่เขาเสพยาพอดี จิตใต้สำนึกเขาคงจะมีอยู่ว่าตนจะให้ตำรวจไปจับเวลาที่เขาเสพยาจึงเกิดความรู้สึกนี้ฝังใจจะต้องมาหาตนเองทุกครั้ง แต่เหตุการณ์เมื่อคืนค่อนข้างรุนแรง ทราบข่าวว่าหลังจากที่เข้ามายิงปืนใส่บ้านตนเองเสร็จแล้วเขากลับไปอยู่บ้านที่หน้า สภ.ย่านตาขาว ตำรวจสายสืบได้ตามไปปรากฏว่าได้ชักปืนยิงสารวัตรสืบสวน โชคดีว่าตำรวจคว้าไว้ได้ทันปืนลั่นแต่ไม่โดนใครได้รับบาดเจ็บ ตำรวจจึงควบคุมตัวไปโรงพัก ก็ต้องรอกระบวนการสอบสวน

อย่างไรก็ตามขณะนี้มีผู้บังคับบัญชาระดับสูงของผู้ต้องหา ได้ประสานมายัง นายสมชาย พร้อมกับย้ำว่าขณะนี้ได้สั่งการให้ ดาบตำรวจผู้ก่อเหตุ ให้ออกจากราชการไว้ก่อน หลังจากพบว่ามีสารเสพติดในร่างกาย พร้อมให้ดำเนินคดีกับดาบตำรวจผู้ต้องหาขั้นสูงสุด.