ศรีวราห์พลิกลำ ลูบหลังโซเชียล เสือดำไม่ตายฟรี


เพิ่มเพื่อน    

    เตี้ยอุ้มค่อม "บิ๊กป้อม" เดินหน้าการันตี "ศรีวราห์" โปร่งใส ไม่นอกลู่นอกทาง "บิ๊กปู" เปลี่ยนไป! บอกให้ประชาชนสบายใจทั้งโซเชียลและสื่อ เสือดำไม่ตายฟรีแน่นอน เหลือเชื่อปล่อย 15  นักศึกษามอบหน้ากากเสือดำถึงห้องทำงาน ให้ถามตอบเคลียร์ปม "เปรมชัย" จบชื่นมื่น 
    วันจันทร์ที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์กรณีนายตระกูล วินิจนัยภาค อดีตอัยการสูงสุด ออกมาแสดงความกังขาการทำงานของ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ในการทำคดีนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารและกรรมการ บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ กับพวกเข้าไปล่าสัตว์ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ว่าคนที่พูดเป็นอดีตอัยการสูงสุด ต้องให้คนทำงานปัจจุบันเป็นคนพูดเพราะเขารู้ข้อเท็จจริง
    เมื่อถามว่า คดีนี้น่าจะแล้วเสร็จได้เมื่อไหร่ รองนายกฯ ตอบว่าไม่รู้ เจ้าหน้าที่ต้องหาพยานหลักฐานให้ชัดเจน ไม่ต้องห่วงทุกฝ่ายทุกคนตั้งใจทำงานกันอยู่แล้ว และเรื่องนี้อยู่ในกระแส เพราะฉะนั้นไม่มีหรอกในเรื่องความไม่โปร่งใส 
    "ตอนนี้ปล่อยให้เจ้าหน้าที่เขาทำงานไปก่อน คนนอกจะพูดอะไรก็พูดได้ แต่คนที่อยู่เขาทำงานมีพยานหลักฐานต้องให้เขาทำของเขาไป ไม่มีใครไปนอกลู่นอกทางได้" พล.อ.ประวิตรกล่าว
    ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ วันเดียวกันนี้ นักศึกษาและอดีตนักศึกษา ม.รามคำแหงกลุ่ม "เรารักชาติ" ประมาณ 15 คนเข้าพบ พล.ต.อ.ศรีวราห์ถึงห้องทำงาน เพื่อสอบถามความคืบหน้าการดำเนินคดีนายเปรมชัย ที่เกิดข้อสงสัยในหลายประเด็นทั้งการตั้งคำถามจากสังคมและสื่อออนไลน์ถึงความไม่ชอบมาพากลในการทำคดี
      ตัวแทนได้ตั้งคำถามโดยเฉพาะประเด็น ทำไมไม่เรียกว่าเป็นการล่าสัตว์ป่าแต่เรียกว่าเป็นการครอบครองสัตว์ป่า รอง ผบ.ตร.ได้ชี้แจงว่า ในข้อหามีทั้งล่าและครอบครอง แต่ในคดีนี้กรมอุทยานฯ นำหลักฐานมาส่งมีแต่ซาก มีหนัง กระดูก ไม่มีตัว เราจึงต้องพิสูจน์เพื่อยืนยันว่าทั้งเนื้อทั้งหนังมาจากเสือดำตัวเดียวกัน ซึ่งผลการพิสูจน์ก็ออกมาแล้วว่าเป็นการล่า 
    ส่วนที่ถามว่าทำไมไม่ตั้งโต๊ะแถลงข่าวความคืบหน้าของคดีนั้น เพราะตนเป็นคนดูสำนวน ถ้าไม่มาถามก็ไม่ตอบ เพราะโดยหลักการแล้วเป็นความลับ ถึงแม้จะตอบก็เจาะลึกในรายละเอียดไม่ได้ ตอบได้เพียงภาพรวม ขณะนี้แจ้งไปแล้ว 9 ข้อหา เชื่อว่าเราฟ้องได้แน่นอน และคาดว่าพนักงานอัยการก็จะมีความเห็นตามพนักงานสอบสวน
      กลุ่มเรารักชาติได้ถามต่อว่า ที่ผ่านมาการปราบปรามผู้มีอิทธิพลผลเป็นที่น่าพอใจ แต่คดีของนายเปรมชัยกลับช้า รอง ผบ.ตร.ชี้แจงว่าต้องรวบรวมหลักฐานเพื่อยืนยันความผิด อย่างที่กล่าวข้างต้นตั้งข้อหาล่าแต่ไม่มีตัวเสือ มีแต่หนังเสือ เนื้อ กระดูก จำเป็นต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าเป็นหนังเสือ ร่องรอยอาวุธปืน   ร่องรอยการแล่เนื้อ ใช้มีดสับกระดูก ไม่เหมือนคดีทั่วไป และทางผู้ถูกกล่าวหาก็ปฏิเสธ ต้องบรรยายท้ายรายงานการสอบสวนให้อัยการพิจารณาให้ได้ 
    "การดำเนินคดีในกฎหมายไม่มีคนรวยคนจน ในกฎหมายมีเฉพาะว่าคุณทำผิดหรือไม่ทำผิด"
    กลุ่มเรารักชาติถามต่อว่า การทำงานที่ช้ามีใบสั่งจากผู้ใหญ่สั่งกำชับมาหรือไม่ พล.ต.อ.ศรีวราห์ยืนยันว่าคดีไม่ล่าช้า นี่ถือว่าเร็วสุดแล้ว การรวบรวมต้องอาศัยนิติวิทยาศาสตร์ พนักงานสอบสวนจะไปทำทันทีไม่ได้ต้องอาศัยเจ้าหน้าที่นิติวิทยาศาสตร์ นี่ฝากขังผัดที่ 3 ยังไม่หมดเลย มีเวลาให้พนักงานอัยการพิจารณาอีก 4 ฝาก การทำงานของเจ้าหน้าที่ไม่เคยหยุด ทำในกรอบของกฎหมาย ยืนยันไม่เกินวันที่  26 มี.ค.สามารถสรุปสำนวนส่งอัยการได้ทันแน่นอน
    ส่วนกรณีที่เชิญนิติกรของกรมอุทยานฯ ออกนอกห้องนั้น เป็นเพราะวันนั้นเชิญเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมมาสอบปากคำ แต่เจ้าหน้าที่ใช้เวลาในการพูดคุยกัน 3 ชั่วโมง เมื่อพนักงานสอบสวนภาค 7 สอบถามจะเริ่มสอบปากคำ ถูกนิติกรคนดังกล่าวตวาดออกมา เจ้าหน้าที่มารายงาน เมื่อเห็นว่าเวลาผ่านไปนานแล้ว จะเลื่อนก็เลื่อนไม่ใช่มาดึงเวลา อีกอย่างการสอบพยานไม่จำเป็นต้องมีนิติกรมาร่วมฟัง ไม่ใช่ผู้ต้องหาหรือเด็ก การสอบสวนเป็นความลับจึงต้องเชิญออกไป ถ้างั้นก็ไม่เสร็จสักที  
    ช่วงท้ายการเข้าพบ ตัวแทนได้มอบหน้ากากเสือดำให้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ใส่ แต่ พล.ต.อ.ศรีวราห์ไม่ได้ใส่แต่อย่างใด เพียงแต่รับหนังสือถวงถามความคืบหน้าคดีเท่านั้น  
    พล.ต.อ.ศรีวราห์เปิดเผยในภายหลังว่าวันที่ 13 มี.ค.จะเดินทางไปที่ สภ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี  เพื่อไปดูสำนวนเรียบร้อยแค่ไหน ถ้าเรียบร้อยก็อาจสรุปส่งอัยการเลยจำนวน 9 ข้อหา 
    รอง ผบ.ตร.ยังกล่าวว่าวันที่ 14 มี.ค.ที่จะเชิญนายเปรมชัยมารับทราบข้อกล่าวหาอีก 3 ข้อหา คือ ครอบครองอาวุธปืน ครอบครองงาช้าง และติดสินบนที่ บก.ปทส. ทราบจากพนักงานสอบสวนแล้วว่านายเปรมชัยรับหมายแล้ว แต่จะเลื่อนหรือไม่ยังไม่ทราบ
    เมื่อถามว่าที่นายเปรมชัยเดินทางกลับมา เพื่อต้องการพิสูจน์ตัวเองในกระบวนการยุติธรรมหรือไม่  พล.ต.อ.ศรีวราห์ตอบว่า ตราบใดที่ยังไม่ถึงศาลฎีกาเชื่อว่าเขาไม่หนี ไม่มีความจำเป็นต้องหลบหนี มั่นใจว่าพนักงานสอบสวนเราฟ้องทุกข้อหา เชื่อว่าพนักงานอัยการจะฟ้องทุกข้อหา ส่วนศาลจะวินิจฉัยอย่างไรเป็นอำนาจศาล ตำรวจอัยการไปก้าวล่วงไม่ได้
    ซักต่อถึงกรณีขัดแย้งกับกรมอุทยานฯ เรื่องนิติวิทยาศาสตร์ผลการตรวจดีเอ็นเอเป็นเช่นไร รอง ผบ.ตร.เผยว่าไม่มีการขัดแย้ง ถึงแม้ผลดีเอ็นเอไม่ได้ก็ยังมีพยานอื่น พยานบุคคล ประจักษ์พยาน ใช้หลักฐานอื่นประกอบ คดีนี้สอบผู้เกี่ยวข้องไม่ต่ำกว่า 40 ปาก หลักฐานพอฟ้องแน่นอน ยืนยันให้ประชาชนสบายใจทั้งโซเชียลและสื่อ เสือดำไม่ตายฟรีแน่นอน  
    ด้าน พล.ต.ต.ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข ผบก.พฐก.ตอบคำถามดังกล่าวว่า การปฏิบัติงานของกองพิสูจน์หลักฐานกลางและนิติวิทยาศาสตร์ของกรมอุทยานฯ มีการประสานงานกันโดยตลอด ตั้งแต่การส่งของกลางมาตรวจ อย่างมีดประเด็นไหนที่จะตรวจดีเอ็นเอของเสือ แยกของกลาง โดย พฐ.ตรวจดีเอ็นเอของบุคคล ที่ตัวมีดเราก็ได้ดีเอ็นเอของคนที่เกี่ยวข้อง ส่วนมีดอันไหนที่ต้องการดีเอ็นเอของเสือก็เป็นนิติวิทยาศาสตร์กรมอุทยานฯ ตรวจ ยืนยันไม่มีการขัดแย้ง
    พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวว่า การรวบรวมพยานหลักฐานในการส่งฟ้องน่าจะแล้วเสร็จตามกรอบระยะเวลาที่กำหนด เรื่องสำนวนสามารถปล่อยให้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ได้เลย แต่ถ้ามีประเด็นอะไรใหม่ๆ เข้ามาท่านก็จะมารายงาน พล.ต.อ.ศรีวราห์เป็นคนกำกับดูแลมีประสบการณ์อยู่แล้ว 
    "ผมยังยืนยันคำเดิม ขณะนี้ยังไม่มีอะไรที่ไม่ชอบมาพากล ไม่มีพิรุธ ยืนยันไม่ได้ขัดแย้งกับใคร ส่วนที่สังคมเฝ้าจับตาการทำงานของเจ้าหน้าที่เป็นเรื่องที่ดี เหมาะที่สุดสำหรับประเทศไทยแล้ว ให้สังคมช่วยดู" ผบ.ตร.กล่าว
    ขณะที่ พล.ต.ต.กมล เหรียญราชา ผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ  (ปปป.) ระบุถึงความคืบหน้าภายหลังการสอบปากคำ พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล อดีตผู้บังคับการ จ.กาญจนบุรี ที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาตามมาตรา 157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ทีมทนายความขอรวบรวมหลักฐานภายใน 15 วันก่อนยื่นพนักงานสอบสวน ว่าตำรวจสามารถเอาผิด พล.ต.ต.สุทธิได้แน่นอน แม้ว่าทีมทนายจะไม่เอาพยานหลักฐานมาให้ พนักงานสอบสวนก็มีหลักฐานเพียงพอที่จะส่งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ทันภายใน 30 วันแน่นอน
    ที่ศาลปกครองกลาง เครือข่ายประชาชนรักษ์ต้นไม้ และชมรมอนุรักษ์ธรรมชาติและทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ นำโดย น.ส.ช่อผกา วิริยานนท์, นางอรยา สูตะบุตร, นายเดชรัตน์ สุขกำเนิด เข้ายื่นฟ้อง รฟม.และ บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ ต่อศาลปกครองกลาง เพื่อขอให้มีคำสั่งให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และบมจ.อิตาเลียนไทยฯ รวมทั้งบริษัทที่เกี่ยวข้องหยุดการตัด ย้าย หรือการกระทำใดๆ ต่อต้นไม้ที่อยู่ในแนวการก่อสร้างรถไฟฟ้า 11 สายในกรุงเทพมหานคร จนกว่าจะได้มีการปฏิบัติถูกต้องตามหลักวิชาการและกฎหมายที่ชัดเจน โดยให้ประชาชนมีส่วนร่วม และขอให้ศาลมีคำสั่งให้ รฟม. ผู้รับเหมานำต้นไม้ชนิด ประเภท และขนาดเดียวกันกับที่ตัดโค่น ทำลาย หรือขุดล้อม ย้ายออกไป กลับคืนมาปลูกในพื้นที่บริเวณใกล้เคียงกับจุดเดิม หากต้นไม้ที่ย้ายไปตายไปแล้ว ก็ให้มีการซื้อหามาปลูกทดแทนให้มากขึ้นเป็น10 เท่า.   


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"