โกงเงินคนจนลามกว่าครึ่งประเทศ ป.ป.ท.แฉผลการตรวจสอบศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง 76 ศูนย์ พบความผิดปกติ 44 จังหวัด งบประมาณ 97 ล้านบาท คิดเป็น 80% ของงบศูนย์ อยู่ระหว่างตรวจสอบอีก 32 จังหวัด ผวจ.ขอนแก่นสั่งสอบเชิงลึกปมโกงคนจนเพิ่มหลัง พมจ.สอบมูลเหตุจูงใจเสร็จแล้ว ขณะที่ ผอ.เขตการศึกษาฯ นครพนมตั้ง กก.สอบสวน ผอ.โรงเรียนคลิปฉาวกล่อมชาวบ้านช่วยปกปิดข้อมูล ด้านเจ้าตัวยังล่องหน
เมื่อวันจันทร์ พ.ต.ท.วันนพ สมจินตนากุล ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการตรวจสอบการใช้จ่ายเงินอุดหนุนเงินสงเคราะห์ครอบครัวผู้มีรายได้น้อยและผู้ไร้ที่พึ่ง ของศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ว่า การดำเนินการตรวจสอบการใช้จ่ายเงินงบประมาณประจำปี พ.ศ.2560 จำนวน 76 ศูนย์ และศูนย์ที่ได้รับงบประมาณตั้งแต่ 1 ล้านบาท จำนวน 37 ศูนย์ มีชุดปฏิบัติการ 15 ชุด กรอบระยะเวลาภายในวันที่ 31 พ.ค.61 สำหรับจังหวัดที่ตรวจสอบพบความผิดปกติแล้ว 24 จังหวัด คือ 1.ขอนแก่น 2.เชียงใหม่ 3.บึงกาฬ 4.หนองคาย 5.สุราษฎร์ธานี 6.ตราด 7.น่าน 8.สระแก้ว 9.อุดรธานี 10.สระบุรี 11.พระนครศรีอยุธยา 12.กระบี่ 13.ตรัง 14.ร้อยเอ็ด 15.ยะลา 16.พัทลุง 17.ชุมพร 18.สุรินทร์ 19.อ่างทอง 20.พิษณุโลก 21.ชัยภูมิ 22.บุรีรัมย์ 23.สงขลา และ 24.นราธิวาส
โดยคณะกรรมการ ป.ป.ท.รับไว้ไต่สวนข้อเท็จจริง 7 จังหวัด ประกอบด้วย ขอนแก่น, เชียงใหม่, บึงกาฬ, หนองคาย, สุราษฎร์ธานี, ตราด และน่าน นอกจากนี้ได้พบความผิดปกติการใช้จ่ายงบประมาณในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาอีก 20 จังหวัด ประกอบด้วย 1.มหาสารคาม 2.ลำพูน 3.นครราชสีมา 4.อำนาจเจริญ 5.ยโสธร 6.อุบลราชธานี 7.นครพนม 8.กาฬสินธุ์ 9.พิจิตร 10.ราชบุรี 11.มุกดาหาร 12.ลำปาง 13.เชียงราย 14.แม่ฮ่องสอน 15.ตาก 16.อุทัยธานี 17.สตูล 18.ลพบุรี 19.หนองบัวลำภู และ 20.นครปฐม ซึ่งอยู่ระหว่างเสนอคณะกรรมการ ป.ป.ท.รับไว้ไต่สวนข้อเท็จจริง
"การดำเนินการตรวจสอบศูนย์จำนวน 76 ศูนย์ สามารถสรุปพบความผิดปกติจำนวน 44 จังหวัด งบ 97,842,000 บาท คิดเป็นประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ของงบประมาณศูนย์ และอยู่ระหว่างตรวจสอบ จำนวน 32 จังหวัด งบ 25,317,000 บาท คิดเป็นประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ของงบประมาณศูนย์ ส่วนพฤติการณ์ที่ปรากฏคือปลอมเอกสารทั้งหมด ซึ่งผู้มีรายชื่อไม่ได้รับเงินเลย, ปลอมเอกสารบางส่วน คือผู้มีรายชื่อไม่ได้รับเงินเลยและผู้มีรายชื่อไม่ได้รับเงินบางส่วน, ผู้ได้รับเงินเป็นผู้ไม่อยู่ในเงื่อนไขการรับเงินสงเคราะห์ และมีการนำเงินมาให้ผู้มีรายชื่อในช่วงเวลาที่ทำการตรวจสอบ และมีการแจ้งผู้มีรายชื่อว่าหากมีการตรวจสอบให้บอกว่าได้เงินครบถ้วน ซึ่งได้มีการสอบถ้อยคำเพื่อประกอบการพิจารณาดำเนินคดีต่อไป" พ.ต.ท.วันนพกล่าว
ด้านนายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ให้สัมภาษณ์ว่าจากการที่ น.ส.ปณิดา ยศปัญญา นิสิตชั้นปีที่ 4 คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ สาขาพัฒนาชุมชน มหาวิทยาลัยมหาสารคาม (มมส.) ทำการร้องเรียนต่อเลขาธิการ คสช.เกี่ยวกับการทุจริตเงินสงเคราะห์ผู้มีรายได้น้อยและผู้ป่วยโรคเอดส์ของศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งขอนแก่น จนกระทั่ง ป.ป.ท.ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบและพบมูลความผิดในการดำเนินการตามโครงการดังกล่าว ทั้งยังคงมีการขยายผลสอบสวนการดำเนินการตามโครงการของศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งในอีกหลายจังหวัด โดยที่จังหวัดได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงในเรื่องที่เกิดขึ้นควบคู่กับการทำงานของ ป.ป.ท. โดยมอบหมายให้พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดขอนแก่น หรือ พมจ.ขอนแก่น เป็นประธานคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง โดยมุ่งเน้นแนวทางการสอบสวนไปที่มูลเหตุจูงใจที่ทำให้นางพวงพยอม จิตรคง ผู้อำนวยการศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งขอนแก่นตัดสินใจทำการทุจริตดังกล่าว ซึ่งความคืบหน้าการสอบสวนล่าสุด ขณะนี้คณะกรรมการสอบสวนได้สรุปเรื่องและรายงานให้ทราบแล้ว
"คณะกรรมการสอบสวนในส่วนของจังหวัดที่แต่งตั้งขึ้นมานั้น เพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึกในหลายๆ มิติ และจะเป็นข้อมูลร่วมกับ ป.ป.ท.ในการสืบหาข้อเท็จจริงดังกล่าว เพื่อให้เกิดความชัดเจนและเป็นธรรมมากที่สุด โดยการสอบสวนในส่วนมูลเหตุจูงใจนั้น พมจ.ได้ส่งข้อมูลมาแล้ว และขณะนี้ได้สั่งให้คณะกรรมการลงพื้นที่สืบสวนสอบสวนเพิ่มเติมอีก 2 ประเด็น" นายสมศักดิ์กล่าว
ผวจ.ขอนแก่นกล่าวอีกว่า การสั่งสอบสวนเพิ่มเติมใน 2 ประเด็นประกอบด้วย การตรวจสอบข้อระเบียบในการสั่งจ่ายเงินให้ชาวบ้านของศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดขอนแก่น รายละ 2,000 บาทนั้น ใช้คำว่าไม่เกิน 2,000 บาท หรือระบุชัดเจนว่าต้องรายละ 2,000 บาท และอีกประเด็นคือให้ตรวจสอบดูว่ามีบุคคลอื่น หรือเจ้าหน้าที่ ข้าราชการ ที่อยู่ภายใต้อำนาจการดูแลของ ผวจ.ขอนแก่น มีส่วนเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐานต่างๆ ของศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งด้วยหรือไม่ โดยคาดว่าจะสามารถสรุปข้อมูลทั้งหมดได้ในเร็วๆ นี้
"การตรวจสอบข้อมูลของจังหวัดนั้น เป็นข้อมูลที่ ป.ป.ท.และ พมจ.ได้ดำเนินการแบบคู่ขนาน เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและรอบคอบมากที่สุด หากพบว่ามีข้าราชการในส่วนที่ ผวจ.ขอนแก่นกำกับดูแลอยู่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐาน ก็จะดำเนินการขั้นเด็ดขาดทันที" นายสมศักดิ์กล่าว
มีรายงานความคืบหน้ากรณีสำนักงาน ป.ป.ท.ตรวจสอบพบมีการทุจริตการเบิกจ่ายเงินของศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดนครพนม โดยมีชาวบ้านผู้เสียหายจำนวน 564 ราย ที่มีการเบิกจ่ายเงินรวม 12 อำเภอหรือทั้งจังหวัด เป็นเงินกว่า 1.7 ล้านบาท แต่เกิดปัญหาเนื่องจากมีการจ่ายเงินไม่ครบตามความเป็นจริง ซึ่ง ป.ป.ท.ได้รวบรวมหลักฐานเพื่อดำเนินการเอาผิดผู้อำนวยการศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดนครพนมและเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ยังได้มีการนำหลักฐานคลิปวิดีโอและเสียงที่ชาวบ้านบันทึกเป็นหลักฐาน กรณีผู้อำนวยการโรงเรียนเพียงหลวง 10 ต.หนองซน อ.นาทม จ.นครพนม ออกมาหารือชาวบ้านเพื่อให้ช่วยปกปิดข้อมูล ให้ชาวบ้านช่วยยืนยันว่ามีการรับเงินครบตามจำนวน อันเป็นหลักฐานสำคัญที่ ป.ป.ท.จะได้นำไปประกอบการดำเนินคดีในฐานความผิดให้การสนับสนุนการทุจริต
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปตรวจสอบที่โรงเรียนเพียงหลวง 10 บ้านเทพนิมิตร หมู่ที่ 9 ต.หนองซน เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงจากนายหลักชัย วงษ์หมอก ผอ.โรงเรียน ซึ่งโรงเรียนได้เปิดการเรียนการสอนตามปกติตั้งแต่ชั้นอนุบาล-ป.6 แต่ไม่พบตัว ผอ.โรงเรียนแต่อย่างใด สอบถามครูที่สอนได้ความว่าเพิ่งออกไปเมื่อสักครู่โดยไม่ได้บอกว่าไปที่ไหน
ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดนครพนม ตั้งอยู่บ้านภูเขาทอง ต.หนองญาติ อ.เมืองนครพนม เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงกับนางสุคนธ์ ศรีสงคราม ผู้อำนวยการศูนย์ แต่ไม่พบมีเพียงเจ้าหน้าที่เพียงไม่กี่คนยังทำงานปกติ โดยให้ข้อมูลว่า ผอ.ไม่อยู่ไปราชการที่ศาลากลางจังหวัดนครพนม
ขณะเดียวกัน นายประสงค์ สุภา ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเขต 2 นครพนม เปิดเผยว่าหลังมีข่าวกรณีชาวบ้านถ่ายคลิปผู้อำนวยการโรงเรียนเพียงหลวง 10 ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการสนับสนุนการทุจริตของศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งฯ เบื้องต้นตนได้พูดคุยสอบถามไปยังเจ้าตัว คือ นายหลักชัย วงษ์หมอก ผอ.โรงเรียนแล้ว ทราบว่าไม่มีเจตนาสนับสนุนโกงเงินคนจน แต่เป็นการพูดคุยหารือกับชาวบ้านเพื่อแก้ไขปัญหาเท่านั้น
"ผมจะให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง หากพบว่าเข้าข่ายความผิดจะมีการเอาผิดทางวินัยตามกฎหมาย อย่างไรก็ตามสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาฯ จะดำเนินการตามขั้นตอนอย่างเร่งด่วน ที่ผ่านมายืนยันว่าผู้บริหารโรงเรียนท่านนี้ไม่เคยมีปัญหาในการทำงาน และเป็นโรงเรียนตัวอย่างด้วย จึงต้องรอผลการสืบสวนข้อเท็จจริง" นายประสงค์กล่าว.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |