รุมถอนหงอกเจ๊หน่อย ขุดปมไม่ได้เป็นสมาชิกพท. วัฒนาลั่นผู้นำต้องร่วมต่อสู้


เพิ่มเพื่อน    

“ประวิตร-ฉัตรชัย” ประสานเสียงไม่รู้ไม่เห็น “พรรคพลังประชารัฐ” ชี้แค่ข่าวไร้ความจริง  "ชวน ชูจันทร์" รับเป็นเพื่อน "สมคิด" สมัยเรียนให้รอดูตั้งพรรคแล้วจะชัดเจน “กกต.” ไฟเขียว “บิ๊กตู่”  นั่งที่ปรึกษาแต่ต้องสมัครสมาชิกก่อน “พ.อ.สุชาติ” ย้ำดันก้นเพื่อนประยุทธ์นั่งนายกฯ ต่อแน่แม้ไม่ร่วมพรรค “เพื่อไทย” มาคุคนรุ่นใหม่ถอนหงอก "เจ๊หน่อย" อึ้ง! ขุดปมหลังพ้นโทษคดียุบพรรคยังไม่ยอมสมัครสมาชิกเชื่องอน "ยิ่งลักษณ์" เด็กสุดารัตน์เรียงหน้าแจงคุณความดี “วัฒนา” กั๊กพ่วงเผยสเปกผู้นำพรรคต้องต่อสู้ร่วมกันมา ชื่อคนเป็นนายกฯ ต้องทำโพลก่อน 

เมื่อวันจันทร์ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม  (กห.) ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวพรรคพลังประชารัฐเตรียมเปิดตัวเพื่อสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นนายกฯ ต่อ และให้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นประธานที่ปรึกษาพรรคว่า "ยังไม่รู้เลย ใครบอก เห็นมีแต่ข่าว ไม่รู้เรื่อง"

พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกฯ กล่าวเรื่องเดียวกันว่า "ไม่มีหรอก ไม่เคยได้ยินเลย และคิดว่าคงไม่ใช่ คงเป็นเรื่องที่พูดๆ กันเอง ไม่มีใครเห็นรายละเอียดอะไรเลย" ส่วนที่มีข่าวว่า พ.อ.สุชาติ จันทรโชติกุล เพื่อนนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 12 (ตท.12) ของ พล.อ.ประยุทธ์เป็นผู้ริเริ่มตั้งพรรคนั้น พ.อ.สุชาติถือเป็นนายทหาร และเคยเป็นนักการเมืองอยู่พรรคความหวังใหม่มา คงไม่ใช่มาดำเนินการเรื่องนี้ พูดกันไปเรื่อย ยืนยันว่านายกฯ เองก็มีจุดยืนของท่านอยู่แล้วในเรื่องการเมือง เพราะฉะนั้นต้องดูข้อเท็จจริงด้วย

เมื่อถามว่ามีข่าวพรรคพลังประชารัฐจะเชิญนายกฯ มาเป็นที่ปรึกษาพรรคด้วย พล.อ.ฉัตรชัยกล่าวว่าไม่ทราบ ต้องถามนายกฯ เอง แต่ว่ายังไม่มีอะไรชัดเจน เพียงแต่เป็นคนที่เคยรู้จักกัน เขาก็ประกาศของเขาไป ส่วนชื่อพรรคที่ไปพ้องกับนโยบายของรัฐบาล ชื่อพรรคใครจะตั้งอะไรก็ตั้งได้ แต่ความชัดเจนต้องอยู่ที่พรรคนั้นๆ ส่วนนายกฯ ประกาศจุดยืนชัดเจนแล้ว และส่วนตัวก็ไม่สนใจและไม่อยากเกี่ยวอะไรด้วย

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ปฏิเสธกระแสข่าวเป็นหนึ่งในผู้ร่วมจัดตั้งพรรคพลังประชารัฐว่า มีหน้าที่รับผิดชอบดูแลเรื่องเศรษฐกิจ ไม่ได้รับผิดชอบการเมือง อย่าตีกันเลย

นายศุภชัย สมเจริญ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงกรณีพรรคพลังประชารัฐจะเชิญ พล.อ.ประยุทธ์นั่งที่ปรึกษาพรรค ว่ายังไม่ทราบรายละเอียด ส่วนจะทำได้หรือไม่ได้ต้องไปดูข้อกฎหมายและรัฐธรรมนูญก่อน ส่วนการตั้งชื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลนั้นทำได้ เพราะกฎหมายกำหนดเพียงชื่อพรรคต้องไม่เป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข  หรือไปทำลายระบอบประชาธิปไตย

บิ๊กตู่นั่งที่ปรึกษาพรรคได้

นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า การตั้งชื่อพรรคเลียนแบบนโยบายของรัฐทำได้  ส่วน พล.อ.ประยุทธ์จะมาเป็นที่ปรึกษาพรรคได้หรือไม่นั้น หากตำแหน่งที่ปรึกษาเป็นตำแหน่งที่ระบุในโครงสร้างบริหารของพรรคการเมืองจำเป็นต้องสมัครเป็นสมาชิกพรรคนั้นก่อน ซึ่งเป็นสมาชิกได้เพียงพรรคเดียว จึงจะสามารถมาเป็นที่ปรึกษาพรรคได้ และการเป็นที่ปรึกษาพรรคจำเป็นต้องลาออกจากตำแหน่งนายกฯ หรือไม่นั้น ไม่มีข้อกำหนดว่านายกฯ หรือรัฐมนตรีไม่สามารถเป็นสมาชิกพรรคการเมือง ดังนั้นเป็นสมาชิกได้ เป็นกรรมการในพรรคการเมืองได้

ส่วนการเป็นนายกฯ จะทำให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบของพรรคการเมืองในการเลือกตั้งหรือไม่  นายสมชัยระบุว่ามีความได้เปรียบเสียเปรียบแน่นอน เหมือนพรรคที่ได้คนมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก ย่อมได้เปรียบกว่าพรรคที่ชูคนไม่มีชื่อเสียง ซึ่งนายกฯ พึงระมัดระวังไม่ใช้ตำแหน่งหน้าที่ งบประมาณ และ เวลาราชการเพื่อประโยชน์ในการได้มาซึ่งคะแนนเสียงของพรรคที่ตนเองเป็นสมาชิก หากทำได้ก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร
ขณะที่ พ.อ.สุชาติระบุว่าไม่มีอะไรเลย ที่เป็นข่าวมาเป็นเพียงการเริ่มต้นของผู้สื่อข่าวว่าน่าจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ขณะที่ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคทั้งอดีตนักการเมือง อดีตข้าราชการนั้น พรรคนี้ชัดเจนตรงที่ถ้า  พล.อ.ประยุทธ์ต้องการตั้งพรรคจริง พรรคพลังประชารัฐจะรองรับให้

"ก่อนหน้านี้เราคุยกันว่าถ้าจะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ต่อควรมีพรรคหรือไม่มีพรรค  สรุปได้ว่าจำเป็นต้องมีพรรคที่จะสนับสนุน” พ.อ.สุชาติกล่าวและว่ายังไม่ได้หารือกับ พล.อ.ประยุทธ์ ต่างคนต่างคิดต่างคนต่างทำ ซึ่งคาดว่าจะมาร่วม แต่จะมาหรือไม่มาพรรคสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์อยู่แล้ว

พ.อ.สุชาติยังระบุว่าการจะเป็นนายกฯ คนนอก เบื้องหลังต้องมีพรรคการเมืองคอยสนับสนุน นายกฯ คนนอกไม่มีพรรคการเมืองสนับสนุน ไม่มีมือในสภา มาลอยๆ เป็นไปไม่ได้ ส่วนข่าวจะเชิญมาเป็นประธานที่ปรึกษาพรรคนั้น ไม่เคยมีใครพูดว่าเคยเชิญ พล.อ.ประยุทธ์มาเป็น ต้องดูช่วงเวลาในตอนจดทะเบียนพรรคว่าเรียบร้อยถูกต้องหรือไม่ จะได้เห็นใครมาร่วมบ้าง จะสามารถบ่งบอกได้ถึงอนาคต  และยืนยันว่าไม่ใช่พรรคของ คสช.อย่างที่เป็นข่าว เพราะถ้าเป็นพรรคทหารแบบนั้นเจ๊งเลย

ขณะที่นายชวน ชูจันทร์ ประธานประชาคมตลาดน้ำคลองลัดมะยม ผู้ก่อตั้งพรรคพลังประชารัฐ  กล่าวว่า พรรคเราไม่ใช่พรรคของ คสช. เพียงแต่ชื่อพรรคอาจจะไปเรียกแขกหน่อย หลังจากเป็นข่าวเดี๋ยว พล.อ.ประยุทธ์จะดุเอาว่าเอาท่านไปเกี่ยวข้อง เป็นเรื่องที่สื่อมวลชนคิดไปเอง ไปเปิดตัวท่านไม่ได้ มันไม่ถูกต้อง จะทำให้เกิดการพูดกันไป 2 ทางคือ ดีมากที่ พล.อ.ประยุทธ์จะทำงานต่อ กับอีกฝ่ายไม่เอาแล้ว ไม่ให้ทำต่อแล้วก็ได้

ส่วนกระแสข่าวนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อยู่เบื้องหลังการตั้งพรรคนั้น นายชวนกล่าวว่า ตนเป็นเพื่อนเรียนหนังสือร่วมกันมา แต่ไม่ได้เจอท่านมา 2-3 ปีแล้ว ไว้รอดูเมื่อตั้งพรรคแล้วอาจจะชัดเจนได้จะมาไหม เรารู้กันอยู่แล้วว่าการเมืองวันนี้อีกอย่าง พรุ่งนี้อาจอีกอย่างก็ได้ วันนี้ยังยืนยันอะไรไม่ได้เลย  เรามีประสบการณ์การเมืองพอสมควร ถ้าพรรคยึดโยงกับประชาชนได้มากที่สุดพรรคจะอยู่ยั่งยืน แต่ถ้าเป็นพรรคชั่วคราวสนับสนุนกลุ่มคนเล็กๆ เป็นหลักยั่งยืนยาก

สำหรับกรณีกลุ่มอยากเลือกตั้งออกมาเรียกร้องให้ยุบ คสช.เหลือเพียงรัฐบาลรักษาการมาดูแลการเลือกตั้งเท่านั้น พล.อ.ประวิตรกล่าวว่าใครจะพูดอะไรก็พูดได้ ที่ผ่านมารัฐบาลยืนยันโรดแมปชัดเจน ก็ต้องเดินไปตามโรดแมปที่นายกฯ กำหนดไว้ ไม่มีปัญหาอะไรหรอก ส่วนที่กลุ่มจะเดินสายชุมนุมในวันที่  18 มี.ค.ที่หาดใหญ่ และวันที่ 24 มี.ค.ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์นั้น เขาไปก็ไปได้ เพียงแต่อย่าทำอะไรให้เกินกฎหมายก็แล้วกัน

ซัดพวกเพ้อชงยุบ คสช.

พล.อ.ฉัตรชัยกล่าวถึงเรื่องนี้ว่า เจตนารมณ์ของรัฐบาลชัดเจนว่าต้องการให้บ้านเมืองสงบ และต้องการให้ผ่านพ้นวิกฤติต่างๆ ไปได้ ซึ่งการเลือกตั้งก็ต้องทำให้เรียบร้อย เพราะฉะนั้นถือเป็นคำตอบที่ทุกคนต้องกลับมาดูตรงนี้

ด้านนายปณิธาน วัฒนายากร ที่ปรึกษา พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า การเคลื่อนไหวกลุ่มต่างๆ นั้น โดยเฉพาะนักศึกษายังอยู่ในกรอบและเรียบร้อยดี ส่วนคนที่ต้องการขยายผลจากการเคลื่อนไหวเหล่านี้นั้นต้องเฝ้าระวังต่อไป ถ้ามีอะไรที่ผิดปกติไปจากเดิมหรือต้องการให้เกิดสภาวะที่ไม่เสถียรภาพ ฝ่ายความมั่นคงจะดำเนินการ ส่วนจะเชื่อมโยงกับกลุ่มการเมืองหรือพรรคการเมืองหรือไม่นั้น ฝ่ายความมั่นคงประเมินอยู่ ซึ่งข้อกังวลต่างๆ คสช.ได้สื่อสารกับบางกลุ่มไปแล้ว ฝ่ายที่ได้รับการสื่อสารหรือแจ้งเตือนก็รับทราบ 

“ช่วงนี้การเคลื่อนไหวทางการเมืองมีมากขึ้น ฝ่ายความมั่นคงจึงต้องทำงานหนักมากขึ้น ประชาชนต้องการให้มีการเลือกตั้ง แต่มีเงื่อนไขสถานการณ์บ้านเมืองต้องสงบ สองส่วนนี้ต้องไปด้วยกัน ส่วนกรณีกลุ่มคนอยากเลือกตั้งเสนอให้ยุบ คสช.เหลือแค่ดูแลการเลือกตั้งนั้น ต้องถาม คสช. แต่ภารกิจหลักของ คสช.คือรักษาเสถียรภาพ ดูแลความปลอดภัยและความเรียบร้อยของบ้านเมือง ซึ่งในช่วงเปิดพื้นที่มากขึ้นและจะมีการเลือกตั้ง ต้องคิดด้วยว่าใครจะทำภารกิจเหล่านี้ แล้วใครจะทำได้สำเร็จ” นายปณิธานกล่าว

ขณะเดียวกัน นายสมชัยได้ประเมินวันเลือกตั้งหลังกฎหมายลูก 2 ฉบับผ่านสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) แล้วว่า หากไม่มีการยื่นตีความการเลือกตั้งเร็วสุดมีโอกาสเกิดขึ้นในเดือน ต.ค.61 ส่วนกรณีช้าสุดนั้นก็อยู่ในเดือน ก.พ.62 จึงควรเลือกสายกลาง คือกลาง ธ.ค.61

สำหรับความเคลื่อนไหวของซีกนักการเมืองนั้น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์  (ปชป.) กล่าวถึงจุดยืนของพรรคว่า เสรีนิยมประชาธิปไตยและสังคมสวัสดิการ ไม่เอาระบบราชการและระบบประชานิยม ซึ่งคะแนนที่ประชาชนลงให้จะเป็นตัวชี้ว่าพรรคจะทำอย่างไรต่อไป แต่ถ้ามีแนวทางระบอบทักษิณ ประชาธิปัตย์ไม่ร่วมแน่นอน

นายสมคิด เชื้อคง อดีต ส.ส.อุบลราชธานี สมาชิกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงนักการเมืองพรรคประชาธิปัตย์ระบุจะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ดีกว่าจับมือกับพรรคเพื่อไทยว่า ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดเพราะเขาสนับสนุนกันมาแต่ต้น ต้องส่งให้ถึงปลายทางเป็นธรรมดา อย่ามาอ้างว่าไม่จับมือกับพรรคเพราะระบบทักษิณ ขอถาม ปชป.ใครจะจับมือกับพวกคุณ พูดเองตอบเอง พรรคจะจับมือกับคนที่มาจากประชาชน เคารพการตัดสินใจของประชาชน ไม่สนับสนุนกลุ่มคนที่มานอกระบบเด็ดขาด ยืนยันตลอดมาไม่เหมือนบางพรรคเล่นละครหลังข่าว 

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษก พท.กล่าวเช่นกันว่า เป็นการพูดแบบแผ่นเสียงตกร่อง เป็นการผลิตซ้ำวาทกรรมสร้างความเกลียดชังหรือไม่ ขณะที่ยังไม่ชัดเจนด้วยซ้ำว่าลูกพรรคจะสนับสนุนหัวหน้าพรรคตัวเองเป็นนายกฯ หรือสนับสนุนคนนอก ยังต้องไล่เช็กชื่อว่าใครจะอยู่ใครจะไปจากพรรค แต่กลับยังมีเวลาว่างมาบอกว่าไม่จับมือระบอบทักษิณ 
เด็กรุ่นใหม่ถอนหงอกเจ๊หน่อย

ยังมีความร้อนแรงในพรรคเพื่อไทย เมื่อนายพชร นริพทะพันธุ์ สมาชิกกลุ่มคนรุ่นใหม่ของพรรคซึ่งเป็นลูกชายนายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน กล่าวว่าขอคัดค้านการให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับปัญหาของพรรค ที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรค บอกว่าพรรคติดหล่มและเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาวิกฤติปัจจุบัน เพราะพรรคไม่ได้ติดหล่ม แต่ถูกวางตะปูเรือใบหรือถูกปล้นมากกว่า และพรรคก็ไม่ได้มีปัญหาหรือเป็นส่วนหนึ่งของปัญหา เราถูกขโมยขึ้นบ้าน ถูกเอาเปรียบหลายครั้ง 

“พรรคเพื่อไทยคือพรรคของประชาชน ตัวบุคคลไม่สำคัญ แต่บุคคลที่จะมาทำงานให้พรรคนั้นสำคัญ เราต้องฟังเสียงคนของเรา คนของประชาชน หากเราปิดหูปิดตาทำของเราเอง แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเราต้องเปลี่ยนแปลงอย่างไร ยิ่งยุคสมัยเปลี่ยนความต้องการก็เปลี่ยนเรื่อยๆ” นายพชรกล่าว 

นายพชรกล่าวอีกว่า ปัญหาคือบางคนเลือกหลงสถานะตัวเอง อ้างเหตุผลด้านศาสนา ความดี เพื่อเอาประโยชน์เข้าตัวเอง จนทำให้ประชาชนเสื่อมศรัทธา ทั้งที่ธรรมชาติของนักการเมืองต้องต่อสู้ การเมืองย่อมเป็นการเมือง มีทั้งสวยงามและด้านมืดเป็นปกติ การถกเถียงและต่อสู้ประเด็นต่างๆ เป็นความจำเป็น

นายชวลิต วิชยสุทธิ์ รักษาการรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ใครอาสาเข้ามาทำงานการเมืองในช่วงที่ภาวะไม่ปกติเช่นนี้ ถือว่าเป็นผู้เสียสละ หนึ่งในหลายๆ ท่านที่เสียสละเข้ามาคือคุณหญิงสุดารัตน์ และไม่ได้มามือเปล่า เข้ามาพร้อมเสนอพิมพ์เขียวในการปฏิรูปพรรค แน่นอนก็ต้องถกแถลงกับสมาชิกทั้งรุ่นเก่าและรุ่นใหม่เพื่อแลกเปลี่ยน ตกแต่งพิมพ์เขียวดังกล่าวให้สมบูรณ์

นายสุรชาติ เทียนทอง อดีต ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ในฐานะแกนนำคนรุ่นใหม่ของพรรคกล่าวว่า  คุณหญิงสุดารัตน์เป็นบุคคลที่มีความเหมาะสมในการเป็นผู้นำพรรคสู้ศึกเลือกตั้ง เนื่องจากเคยมีโอกาสร่วมกิจกรรมเพื่อสังคมกับคุณหญิงสุดารัตน์ อย่างโครงการหมู่บ้านศีล 5 หรือไอเดียตั้งกองทุน Next  AGRI คือกองทุนที่จะนำเด็กรุ่นใหม่ไปจับคู่กับเกษตรกรที่ผลิตสินค้า สะท้อนได้ว่าท่านเชื่อมั่นในพลังและความสามารถของคนรุ่นใหม่ 

นายไชยา พรหมา อดีต ส.ส.หนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทย อดีตประธานคณะกรรมาธิการการเงิน การคลัง สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า สถานการณ์การเมืองขณะนี้คุณหญิงสุดารัตน์เป็นบุคคลที่มีความเหมาะสม เนื่องจากเป็นบุคลากรที่สำคัญของพรรค และมีบทบาทสำคัญรับผิดชอบในนโยบายสำคัญๆ  ของพรรคไปสู่การปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมมากมาย 

ลั่นต้องเอาคนร่วมต่อสู้

วันเดียวกัน นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ผ่าน thai voice เผยแพร่ทางช่องยูทูบ มีนายจอม เพชรประดับ สื่อมวลชนอิสระที่ได้รับสถานะลี้ภัยที่สหรัฐอเมริกาเป็นพิธีกร โดยนายวัฒนาระบุถึงทิศทางของพรรคเพื่อไทยว่าจำเป็นต้องทำ 3 อย่าง คือ 1.นำประชาธิปไตยและอำนาจกลับคืนประชาชน 2.ปฏิรูปองค์กรที่ทำให้เกิดวิกฤติ ทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกองทัพ รวมการศึกษา และระบบสาธารณสุข และ 3.เรื่องเศรษฐกิจ ซึ่งยึดโยงกับประชาธิปไตย ตั้งแต่ยึดอำนาจประเทศขาดความเชื่อมั่น นักลงทุนไม่มั่นใจ

เมื่อถามว่าทำไมไม่คิดปฏิรูปตอนที่พรรคเพื่อไทย พรรคพลังประชาชน และพรรคไทยรักไทยยังมีอำนาจ นายวัฒนาตอบว่าตอนนั้นมันยังไม่เกิดเหตุ เราเข้ามาหลังรัฐธรรมนูญปี 2540 ช่วงที่บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตย และกองทัพก็อยู่ในความสงบดี อยู่ดีๆ เราจะไปหาเหตุไปรื้อไม่ได้ มันจะเกิดเรื่องใหม่ขึ้นมาแทน แต่ครั้นมีเหตุแล้วจึงจำเป็นต้องปฏิรูปกองทัพ แม้แต่องค์กรอิสระอย่าง ป.ป.ช.

นายวัฒนายังกล่าวถึงผู้ที่จะมานำพรรคว่า ถ้าจะเอาคนไม่เคยต่อสู้มาด้วยกันมาเป็นหัวหน้าพรรค  พรรคก็แตกและคงไม่ยอม ต้องเอาคนที่ต่อสู้เพื่อประชาชนมาสมาชิกของพรรคจึงจะยอมรับ ซึ่งวันนี้ไม่มีความเป็นชินวัตรในพรรคแล้ว ถ้าสมัยเมื่อก่อนเรามีท่านนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ซึ่งมีความเป็นชินวัตร คนก็ถอยให้ แต่วันนี้นึกอยากเอาคนที่ไม่เคยต่อสู้มา คิดว่าคนในพรรคจะยอมรับหรือ

นายจอมซักว่า คุณหญิงสุดารัตน์ถือว่าได้ร่วมต่อสู้กับพรรคด้วยมั้ย นายวัฒนานิ่งไปสักครู่ก่อนตอบว่า ยังไม่ยุติ และต้องแยกจากกันระหว่างคนถูกเสนอเป็นหัวหน้าพรรค กับผู้จะถูกเสนอชื่อเป็นนายกฯ  คนที่จะถูกเสนอชื่อเป็นหัวหน้าพรรคต้องได้รับการยอมรับจากสมาชิกพรรค ส่วนคนที่จะถูกเสนอชื่อขึ้นเป็นนายกฯ จำนวน 3 คนนั้น ต้องเป็นคนที่ประชาชนยอมรับ 

"คนไม่เคยต่อสู้ร่วมกับพรรคเลย แต่ประชาชนให้การยอมรับก็มีสิทธิ์ที่พรรคจะเสนอชื่อเป็นนายกฯ   เช่นกัน หากสู้กับพรรคมาแต่ประชาชนไม่ยอมรับ ก็เสนอชื่อเป็นนายกฯ ไม่ได้ เสนอไปพรรคแพ้เลือกตั้งเลย ซึ่งต้องทำโพลแน่นอน" นายวัฒนากล่าว

นายวัฒนายังกล่าวถึงกรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และนายปิยบุตร แสงกนกกุล ที่เตรียมจัดตั้งพรรคการเมืองว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะมีเป้าหมายเพื่อประชาธิปไตย แต่บริบททางการเมืองวันนี้จำเป็นต้องอาศัยเสียงข้างมาก คะแนนเสียงที่คุณจะได้มาควรไปแย่งคะแนนจากฝั่งที่นิยมเผด็จการ ไม่เช่นนั้นคะแนนฝ่ายประชาธิปไตยมันจะไม่มากขึ้น ไม่ได้หมายความว่าพรรคเพื่อไทยกลัวการแข่งขัน แต่ถ้าฝ่ายประชาธิปไตยมาแย่งคะแนนกันเอง จะทำให้น้ำในถาดมันไม่มากขึ้น

“ผมยินดีที่จะร่วมมือกันผลักดันประชาธิปไตย ยินดีต้อนรับจะได้เป็นพันธมิตรทางการเมือง โดยเอาประชาชนเป็นตัวตั้ง” นายวัฒนากล่าว

มีรายงานจากพรรคเพื่อไทยว่า หลังคุณหญิงสุดารัตน์แสดงท่าทีกับอดีต ส.ส.เพื่อไทยบางกลุ่มว่าพร้อมจะขึ้นเป็นผู้นำพรรคเพื่อไทย ทำให้มีแกนนำพรรคไปเช็กกับฝ่ายกฎหมายและนายทะเบียนพรรค ที่ดูแลเรื่องสมาชิกพรรค ปรากฏว่าไม่พบชื่อคุณหญิงสุดารัตน์เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยแต่อย่างใด ทั้งที่คุณหญิงสุดารัตน์พ้นโทษแบนการเมืองในคดียุบพรรคไทยรักไทยมาหลายเดือนแล้วในช่วงรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทำให้แกนนำเพื่อไทยหลายคนประหลาดใจมากที่เพิ่งรู้ว่าคุณหญิงสุดารัตน์ไม่ได้ไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคหลังพ้นโทษแบนและในช่วงก่อน คสช.ทำปฏิวัติ

"เข้าใจว่าหลังพ้นโทษแบนคดียุบพรรคแล้ว ตอนนั้นคุณหญิงสุดารัตน์เคยไปช่วยงานที่ศูนย์น้ำท่วมที่สนามบินดอนเมืองในช่วงนายกฯ ยิ่งลักษณ์ แล้วเกิดมีปัญหาไม่เข้าใจกัน ทำให้คุณหญิงสุดารัตน์ไม่พอใจและงอนคนในพรรค จนไม่ไปยื่นสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย ทำให้อดีต ส.ส.หลายคนพอทราบเรื่องก็แสดงความประหลาดใจมาก ที่คนจะขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยแต่กลับไม่มีส่วนร่วมการเมืองกับพรรคเลยก่อนหน้านี้ แล้วจะเข้ามามีบทบาทในพรรคเพื่อไทยหลัง 1 เมษายนที่จะให้มีการเรียกสมาชิกพรรคมาแสดงตัว" แหล่งข่าวจากเพื่อไทยเปิดเผย. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"