"ปิยบุตร" ย้ำ 70 ส.ส.ค้าน พ.ร.ก.โอนกำลังพลฯ ให้หน่วยถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ตามมติพรรค ประกาศจุดยืน "อนาคตใหม่" ต้องสร้างมิติใหม่ขึ้นมา เผยต่อไปยังมีอีก "อนค." ส่อร้าว! แฟนเพจส้มหวานตามจิก ส.ส.โหวตสวน "อดีตผู้สมัคร ส.ส.นครพนมไล่ "จารึก" ลาออก ด่าสารเลว "คารม" ปัดไม่รู้ข่าว ส.ส.ขายตัว "พท." จ่อแถลงจุดยืนหลังยกมือรับ พ.ร.ก.โอนหน่วยทหาร ยันไม่เสียเอกภาพฝ่ายค้าน  

    เมื่อวันที่ 18 ต.ค. นายปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อและเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) กล่าวถึงกรณีเสียงส่วนใหญ่ของพรรคโหวตไม่รับร่างกับพระราชกำหนดโอนอัตรากำลังพลและงบประมาณบางส่วนของกองทัพบก กองทัพไทย กระทรวงกลาโหม ไปเป็นของหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ ซึ่งเป็นส่วนราชการในพระองค์ พ.ศ.2562 ว่า หลังจากนี้ต้องไปคุยกันในพรรคและภายในกรรมการบริหารพรรค แต่ที่แน่ๆ ยืนยันว่ามติพรรคที่ออกไปแล้ว 70 เสียงของ ส.ส.ที่โหวตไม่เห็นด้วยนั้น มาจากการประชุมร่วมกันเป็นเวลา 3 วัน ทั้งตอนที่ไปสัมมนาที่ต่างจังหวัดและกรุงเทพฯ โดยมีการอภิปรายแลกเปลี่ยนกัน และเมื่อเปิดลงมติก็ได้มตินี้มา 
    นายปิยบุตรกล่าวว่า ในส่วน ส.ส.บางคนโหวตสวนมติพรรคมีความเกี่ยวข้องกับปัญหาการส่งผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) หรือไม่นั้น เรื่องนี้เป็นกระบวนการภายใน พรรคเราจะไปคุยกันอีกครั้งหนึ่ง ตนยืนยันเราออกแบบพรรคอนาคตใหม่มาได้ พยายามสร้างหลักประชาธิปไตยภายในพรรค คิดว่าพรรคอนาคตใหม่เป็นพรรคการเมืองหนึ่ง ที่เปิดโอกาสให้กรรมการบริหารพรรคและ ส.ส.ได้ถกเถียงและแลกเปลี่ยนในที่ประชุมอย่างเต็มที่ หลายครั้งมติพรรคที่ออกมาเสียงของหัวหน้าพรรคก็เป็นเสียงส่วนน้อย มติดังกล่าวเกิดจากการอภิปรายอย่างหนัก และเพื่อให้พรรคเป็นมีความเป็นเอกภาพ 
    "ผมขออนุญาตไม่บอกว่าระหว่างหารือใครเป็นเสียงข้างมากและเสียงข้างน้อย แต่ยืนยันว่า ส.ส.ของเราเคารพมติพรรค ทั้งนี้ก่อนที่เราจะโหวตก็ไม่ได้พูดคุยหารือกับพรรคร่วมฝ่ายค้าน เพราะนี่คือจุดยืนของอนาคตใหม่" นายปิยบุตรกล่าว
    เลขาฯ พรรค อนค.กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นการบริหารจัดการของพรรค เราอยากสร้างมิติใหม่ๆ ขึ้นมา เรื่องใดๆ ก็ตามไม่เฉพาะเจาะจงแค่การลงมติไม่อนุมัติ พ.ร.ก.ฉบับนี้เท่านั้น ตนอยากให้มองเป็นเรื่องทั่วไป เพราะเราต้องการออกแบบกระบวนการ ทำอย่างไรให้สมาชิกพรรคได้สามารถถกเถียงได้อย่างเต็มที่ เสร็จแล้วก็ลงมติว่ากันไปตามเสียงข้างมาก และเคารพเสียงข้างน้อย ทิศทางแบบนี้น่าจะเป็นเรื่องที่ดีของการเมืองไทย
    ขณะที่ในเพจเฟซบุ๊กส่วนตัว "พ.ต.ท.ดร.ฐนภัทร กิตติวงศา สารวัตรต๊อก" ซึ่งเป็น 1 ใน 4  ส.ส.พรรค อนค. ลงมติสนับสนุนพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) โอนอัตรากำลังพลและงบประมาณบางส่วนของกองทัพบก กองทัพไทย กระทรวงกลาโหม ไปเป็นของหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ ซึ่งเป็นส่วนราชการในพระองค์ พ.ศ.2562 ได้มีชาวติ่งพรรคเข้ามาถามว่า "ทำไมถึงโหวตเห็นชอบกับ พ.ร.ก.ล่ะคับ ขอเหตุผลด้วยคับ"
    พ.ต.ท.ดร.ฐนภัทรได้ให้คำตอบกับลูกเพจไปว่า "ผมรักและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่ง พ.ร.ก.นี้เป็นพระราชประสงค์ ครับ ผมต้องเห็นด้วยอย่างยิ่ง คุณอาจจะไม่เห็นด้วยกับผม แต่ผมเคารพในความคิดเห็นของคุณ ด้วยความเคารพ"
อนค.เดือด!ซัดกันนัว
    อย่างไรก็ตาม ผู้สนับสนุนพรรคอนาคตใหม่แย้งกลับโดยไม่รับฟังเหตุผล "ผมไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องของใคร เป็นความต้องการของใคร แต่ต้องรักษาหลักการการออก พ.ร.ก. ตาม รธน. คือกรณีเร่งด่วนฉุกเฉิน ต้องถือปฏิบัติให้เป็นภววิสัย ไม่ใช่อัตวิสัยคับ"
    พ.ต.ท.ดร.ฐนภัทรได้ตอบกลับว่า "ขอบคุณที่ชี้แนะครับ แต่ผมคงเห็นด้วยกับคุณไม่ได้ครับ เพราะประเด็นคือเป็นพระราชประสงค์ครับ"
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ไม่ว่า พ.ต.ท.ดร.ฐนภัทรจะพยายามชี้แจงเหตุผลอย่างไรก็ตาม ก็ยังมีผู้สนับสนุนพรรคอนาคตใหม่หลายคนเข้าไปแสดงความคิดเห็นไม่เห็นด้วยที่ พ.ต.ท.ฐนภัทรลงมติสนับสนุน พ.ร.ก.ฉบับดังกล่าว
    วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทยได้โทรศัพท์สอบถามนายจารึก ศรีอ่อน ส.ส.จันทบุรี พรรคอนาคตใหม่ ถึงกรณีโหวตสวนมติพรรคเห็นด้วยกับพระราชกำหนดโอนอัตรากำลังพลและงบประมาณบางส่วนของกองทัพบก กองทัพไทย กระทรวงกลาโหมไปเป็นของหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ ซึ่งเป็นส่วนราชการในพระองค์ รวมทั้งยังโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า ได้ปรับความเข้าใจกันครึ่งชั่วโมงกับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ หลังหารือไม่ลงตัวถึงการส่งตัวผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) จันทบุรี
    “เพราะฉะนั้นวันนี้การยกมือโหวต พ.ร.ก.โอนอัตรากำลังพลฯ ผมคิดอย่างไร ผมขอทำตามความคิดของผมนะหัวหน้า มาขอร้องให้ทำตามมติพรรค ซึ่งไม่ตรงกับความคิดผม ผมคงไม่ฟังหัวหน้า เพราะผมขอร้องหัวหน้าเรื่อง อบจ.จันทบุรี พูดให้เหตุผลจนปากเปียกปากแฉะหัวหน้าก็ไม่ฟังผม”
    ทั้งนี้ ปรากฏว่านายจารึกปฏิเสธให้สัมภาษณ์ โดยระบุเพียงว่า จะขอพูดเรื่องนี้ในวันที่ 20 ต.ค.นี้ครั้งเดียว ส่วนจะโหวตสวนมติพรรคอนาคตใหม่รับร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 หรือไม่ ขอให้ติดตามในวันที่ 19 ต.ค.นี้
    ด้านนายพิศาล บุพศิริ สมาชิกพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) และผู้สมัคร ส.ส.นครพนม เขต 4  ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว "Phisan Buphasiri" พร้อมแคปเฟซบุ๊กนายจารึก ศรีอ่อน ระบุข้อความว่า "จดหมายถึง จารึก ศรีอ่อน 1.ผมขอท้า คุณจารึก ศรีอ่อน ลาออกจากการเป็น ส.ส.จันทบุรี พรรคอนาคตใหม่ และหาตัวแทนลงสมัครแข่งขันกันใหม่ สังกัดพรรคใดก็ได้ที่ไม่ใช่อนาคตใหม่ 2.คอมเมนต์ของมึง? ในรูปที่ 2 มึงพยายามสื่อความหมายบิดเบือนข้อเท็จจริง ชี้เป้าให้ร้าย 70 ส.ส.หมายความรวมถึงพรรคอนาคตใหม่ด้วย ไอ้สารเลว..."
    นายอานนท์ นำภา ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน กล่าวถึงกรณีที่ออกมาเปิดเผยถึงข้อมูลการซื้อ ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ หลังการโหวตพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) โอนอัตรากำลังพลและงบประมาณบางส่วนของกองทัพบก กองทัพไทย กระทรวงกลาโหม ไปเป็นของหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ ซึ่งเป็นส่วนราชการในพระองค์ พ.ศ.2562 ซึ่ง ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ 70 คน โหวตไม่เห็นด้วยว่า ตนทราบว่ามีการซื้อตัว ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ ตอนนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลทั้งหมดได้ แต่ไม่นานก็ทราบว่าเป็นใคร 
    "ตอนนี้พรรคทราบแล้วว่าเป็นใคร ผมเห็นว่าเป็นเรื่องภายในที่พรรคต้องจัดการกันเอง ผมเพียงเผยข้อมูลบางส่วนเพื่อให้เกิดการกดดันจากมวลชน หากพรรคใช้วิธีการไล่ออก ส.ส.ท่านนั้นก็สามารถไปสังกัดพรรคอื่นได้ มีหลายคนพยายามไปโยงกับ ส.ส.ที่โหวตสวนมติพรรค ทั้งที่ความจริงมีการซื้อขายตัวกันมาก่อนหน้านั้น ซึ่งผมไม่ทราบว่าพรรคจะจัดการอย่างไร" นายอานนท์กล่าว
ไม่เสียเอกภาพฝ่ายค้าน
    นายคารม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึงข่าว ส.ส.ของพรรคถูกซื้อตัวว่า ตนไม่ยืนยันเรื่องนี้ เพราะไม่ใกล้ชิดกับคนที่โหวตสวน และ ส.ส.พรรคก็ต่างคนต่างมา ทั้งนี้ก็เป็นธรรมดาของคนในพรรคที่อาจจะมีความเห็นต่างจากมติพรรค แต่ส่วนใหญ่ก็สอดคล้องในทางเดียวกัน
    "โดยหลักแล้วก็เป็นเอกสิทธิ์ของ ส.ส.แต่ละคน ซึ่งอาจจะเป็นปัญหาทับซ้อนกับมติพรรค คือหลังการประชุมและได้มติพรรคที่เป็นไปในแนวทางเดียวกัน แต่หลังจากนั้นจะโหวตตามหรือไม่ก็ไม่ทราบได้ ยืนยันว่าการออก พ.ร.ก.ฉบับนี้ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 172 ที่ไม่มีความสออดคล้อง และไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน ขณะนี้เราจะไม่ปรักปรำใคร ถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นจริง ก็ไม่สามารถปกปิดได้ และข้อเท็จจริงจะเปิดออกมาเอง หาก ส.ส.คนไหนทำ สังคมก็ตรวจสอบได้ เพราะต้องมีที่มาที่ไป” นายคารมกล่าว
    ในส่วนนายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคราม พรรคเพื่อไทย(พท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวว่า ไม่รู้สึกตกใจกับการที่พรรค อนค.ลงมติไม่อนุมัติใน พ.ร.ก.ดังกล่าว เพราะเราเคารพเหตุผลของกันและกัน สำหรับพรรค พท.จะมีแถลงท่าทีในเรื่องนี้อีกครั้ง
    ถามว่าการโหวตสวนครั้งนี้ เอกภาพของฝ่ายค้านจะเสียหรือไม่ นายสุทินกล่าวว่า ไม่เสีย เพราะเราต้องแยกแยะเรื่อง เมื่อมีเหตุผลเราก็เคารพกัน
    "ยืนยันว่าไม่ใช่การลอยแพ แต่เราไปคิดแทนเขาไม่ได้ เขาอาจมีความสุขที่ได้ทำ แต่สำหรับพรรคเพื่อไทยต้องหารือก่อนว่าจะให้ใครแถลงจุดยืนของพรรค" นายสุทินกล่าว
    น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรค พท. กล่าวเช่นกันว่า  ความเห็นของพี่น้องประชาชน สำหรับพรรคการเมืองต้องรับฟัง อาจจะมีทั้งคำติและคำชม ซึ่งคำติชมเหล่านั้นจะเป็นแนวทางในการกำหนดบทบาทของพรรคในอนาคต แต่สิ่งที่เราได้ตัดสินใจไปแล้วคือมติของพรรค
    นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) โพสต์เฟซบุ๊ก "สมชาย แสวงการ" ระบุว่า บันทึกไว้ให้คนไทยรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ได้รับทราบรายชื่อ 70 ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ที่โหวตสวนไม่รับ พ.ร.ก.โอนย้ายหน่วยทหารไปกองบัญชาการถวายความปลอดภัย 
    "อย่าตะแบงบิดเบือนชักแม่น้ำทั้ง 5 อ้างโน่นนี่สารพัดว่าเป็นความผิดรัฐบาล ไม่มีเหตุผลจำเป็นเร่งด่วนต้องออก พ.ร.ก. เรื่องนี้อะไรควรหรือมิบังควรวิญญูชนย่อมทราบได้ อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ ขอชื่นชม ส.ส.อนาคตใหม่ที่โหวตสวนมติพรรค และสนับสนุนให้พรรคอนาคตใหม่ลงมติขับ ส.ส.ที่ลงมติให้ความเห็นชอบเลย เพราะ ส.ส.เหล่านั้น ท่านมีอุดมการณ์ทางการเมืองเกี่ยวกับสถาบันแตกต่างกับพวกคุณแน่นอนครับ"
    นายสมชายกล่าวว่า อยากบอกคนไทยให้เห็นกันชัดๆ ว่าพวกนิติราษฎร์และปฏิกษัตริย์นิยมยังเคลื่อนไหวในรูปแบบใหม่ทางการเมืองและอาจเป็นภัยคุกคามที่นำไปสู่ความแตกแยกอย่างรุนแรงได้ในอนาคตอีกครั้ง แม้ส่วนตัวไม่อยากให้เกิดเหตุเช่นว่าอีก แต่ดูเหมือนเขาเหล่านั้นไม่ไยดี ผู้นำขบวน กลับนำพาสมาชิกและมวลชนเข้าสู่สงครามความขัดแย้งรอบใหม่อย่างตั้งใจ และมี hidden agenda แน่นอนครับ.